ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สักว่า ทำไป เพราะเข้าใจผิด ผลแห่งการทำ ย่อมไม่เป็นไปตามที่ควร  (อ่าน 2342 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1

   วันก่อนเข้าไปที่ห้องน้ำ ได้สังเกตว่า ยาสระผม หมดทุกขวด แต่แบบซองที่วางไว้ 2 ปีแล้วไม่หมด ยังเหลืออยู่ เอ เป็นเพราะอะไร วันนั้นจึงได้หยิบซอง ยาสระผมขึ้นมาดู ปรากฏว่า ที่ซองเขียนว่า ยาทากันยุง
    มิน่าละ  ทำไมมีใครใช้เลย
    แต่ก็สงสัย ว่า ทำไม ไม่มีใครบอกเลย ว่าเอายาทากันยุงมาวางไว้ตรงแชมพูทำไม
       เราเองก็ไม่ได้แกะใช้ น้า แหมโชคดีจัง

   
 

 ans1

    เริ่ม วิสัชชนา ด้วยเรื่องเล่าตามความเป็นจริง ที่ปรากฏมาแล้ว สองปี แต่มารู้ตัวอีกที ก็ผ่านไป สองปีแล้ว อันนี้เป็นผลจากการเข้าไปสำรวจความจริง บางครั้งและหลายครั้ง ที่เรามักทำอะไรลงไปตามความเคยชิน เหมือนอย่างที่อาตมา ได้ใส่ โลชั่นทากันยุงไว้ในห้องน้ำ เพื่อให้ผู้ร่วมใช้ห้องน้ำ ได้ไวสระผม เพราะไม่ได้อ่านฉลากเห็นเป็นซอง ก็เลยเข้าใจว่าเป็นยาสระผม ก็ดีนะยังไม่มีใครเอาไปสระผม ก็นับว่าเป็นเรื่องโชคดี ตรงที่ว่าทุกคนมีการศึกษา อ่านออกเขียนได้ เมื่อหยิบซองขึ้นมาแล้วอ่านว่า โลชั่นทากันยุง ทุกคนก็ไม่ได้นำไปใช้สระผมกัน อันนี้เป็นความโชคดี ที่วางผิดที่ แต่อยู่ในหมู่ของคนฉลาด หากแต่ว่า ถ้าไปวางในหมู่คนที่ไม่ฉลาด ก็น่าจะมีคนใช้ ดังนั้น เปรียบการศึกษา บางครั้งเราทำกันตามความเคยชิน หลายครั้งที่อาตมานึกถึงเรื่องนี้ ก็จะมาพิจารณาลงไปว่า การสอน พระธรรมกรรมฐาน ก็เปรียบเหมือนการวางรากฐาน พระธรรม ถ้าเราวางผิด สอนผิด ก็ย่อมเป็นบาป ไม่เป็นบุญกับคนที่สอน พาลจะทำให้เราเสียมรรค เสียผล เสียนิพพานด้วย ดังนั้น เมื่อจะสอนก็ควรสอนตามแบบอย่างของครูอาจารย์ ที่ให้ไว้ หากแต่เป็นการสอนที่แบบของเรา ก็ควรต้องบอกศิษย์ให้รับทราบว่า เป็นแบบของเรา ดังนั้นการสอน จึงจำเป็นต้องพิจารณา ด้วยว่า บุคคลใดเหมาะแก่แบบใด ด้วยมิฉะนั้น มันก็เสียเวลา กว่าจะรู้ัตัวอาจจะหมดไปครึ่งชีิวิต เพราะรู้ไม่ทัน ดังนั้นการภาวนาธรรม ต้องมุ่งสอนเพื่อการสิ้นทุกข์ ิส้นกิเลส ไม่ใช่สอนเพื่อ ชื่อเสียง สรรเสริญ

    ดังนั้นท่านทั้งหลาย ที่มาภาวนากัน ก็ขอให้เรียนรู้ในกรรมฐาน ถึงแม้จะมีหลักปริยัติบ้างก็น่าจะดีกว่าไม่มีหลักการอะไรให้ อย่างน้อย เมื่อครูอาจารย์จากท่านไปแล้ว ท่านก็ยังมีหลักการในการภาวนา และ การปฏิบัติ

    ขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นศิษย์ จงอดทน และ เรียนกรรมฐานกันด้วยความเคารพอย่าได้ หน่ายเพราะเวลาของครูอาจารย์ นั้นมีไม่มากแล้ว จงรีบเรียนและศึกษาในพระธรรมกรรมฐาน ก่อนที่เราจะเคว้งคว้างในภพ ในชาติต่อไป มีสติในชาติ นี้ ดีกว่าไปมีสติ อีกหลายชาติ นะจ๊ะ

    เจริญธรรม / เจริญพร


 

 

   


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 10:59:59 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา