หัวข้อ: ทุ่งกุลา “ไม่ร้องไห้” ใครกล่าวไว้คนแรก? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 16, 2019, 08:22:04 am (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2017/03/A03-2-696x522.jpg) ภาพประกอบเนื้อหา - ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ในฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทุ่งกุลา “ไม่ร้องไห้” ใครกล่าวไว้คนแรก.? นิยามคำว่า “ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้” มีมาตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด แต่คนที่กล่าวคนเเรกสันนิษฐานว่าคือ พระยาสุนทรพิพิธ (เชย สุนทรพิพิธ) เมื่อครั้งที่ท่านมาดำรงตำเเหน่งเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล) เมื่อปี พ.ศ. 2453 ท่านได้เดินทางตรวจราชการตามหัวเมืองต่างๆของอิสาน เเละได้เดินทางผ่านบริเวณทุ่งกุลา ได้บันทึกไว้ว่า “ขณะเขียนบันทึกนี้ ปรากฏว่ารัฐบาลได้ทำทางรถยนต์จากร้อยเอ็ดไปถึงเมืองสุรินทร์แล้ว แต่ระหว่างอำเภอสุวรรณภูมิถึงอำเภอท่าตูมยังไม่เรียบร้อยขาดตอนอยู่ แต่อย่างไรก็คงสำเร็จได้ แม้กระนั้นถนนนี้ก็ยังไม่เป็นเครื่องป้องกันทุ่งสุวรรณภูมิ มิให้เป็นทะเลได้อยู่เช่นเดิม จึงมีข่าวว่าทางการราชการกำลังพิจารณาที่จะทำคันกั้น และทำทางระบายน้ำ เพื่อให้ใช้ที่ดินทำประโยชน์ในการเพาะปลูกได้ต่อไป ซึ่งถ้าเป็นผลสำเร็จตามแผนการแล้ว ทุ่งกุลาร้องไห้ ก็จะไม่ทำให้ทุ่งกุลาต้องร้องไห้ อีกต่อไป แต่จะทำให้ชาวภาคอีสานปรีดาปราโมทย์ไชโยโห่ร้อง ด้วยหน้าตาอันเบิกบานตลอดกัน” (บันทึกความทรงจำเมื่อเป็นเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล) ของพระยาสุนทรพิพิธ เชย สุนทรพิพิธ) (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2017/03/A02-2.jpg) พระยาสุนทรพิพิธ (เชย สุนทรพิพิธ) เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่งเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล) เมื่อปี พ.ศ. 2453 (ภาพจาก http://www.lungkitti.com/product.detail_844936_en_5994135 (http://www.lungkitti.com/product.detail_844936_en_5994135))ทุ่งกุลา นิยามของความแห้งแล้งกันดาร แผ่นดินแตกระแหง ผู้คนเผชิญกับความยากจนข้นแค้น ต่อมากรมพัฒนาที่ดินได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาสำรวจและพัฒนาที่ดินในปี พ.ศ. 2524 – 2527 พร้อมทั้งสร้างถนน คลองส่งน้ำและอ่างเก็บน้ำ ทำการจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรได้ทำกินอย่างทั่วถึง สามารถพลิกฟื้นให้ชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม และพบว่าดินทุ่งกุลามีคุณสมบัติเฉพาะ ที่ผลิตข้าวให้หอมเป็นพิเศษโดยไม่มีที่ไหนเหมือน และในต้นปี พ.ศ. 2530 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ (ตำแหน่ง ผบ.ทบ.ขณะนั้น) ได้น้อมนำกระแสพระราชดำริจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาช่วยเหลือราษฎรภาคอีสานใน “โครงการอีสานเขียว” ทำให้ทุ่งกุลาได้รับการพัฒนาในครั้งนั้นด้วย (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2017/03/A03-2.jpg) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ในฤดูกาลเก็บเกี่ยว เมื่อทุ่งกุลาได้รับการพัฒนาจากภาครัฐ นิยามที่บอกว่าแห้งแล้งกันดารได้เปลี่ยนมาเป็น “ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้แล้ว” อีกครั้ง ในยุคมั่งคั่งข้าวหอม เพราะทุ่งกุลาเป็นแหล่งผลิตข้าวที่โลกรู้จักในนาม ‘ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้’ (Khao Hom Mali Thung Kula Rong Hai) ที่สร้างชื่อเสียงและเป็นสินค้าออกที่สำคัญให้กับจังหวัดในเขตทุ่งกุลา คือ จังหวัดร้อยเอ็ด, มหาสารคาม, สุรินทร์, ยโสธร, และศรีสะเกษ ปัจจุบันนี้ ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่ข้าวราคาถูก ชาวนา “อาจจะต้องร้องไห้” แทนกุลาก็เป็นได้ อ้างอิง :- - สุนทรพิพิธ, พระยา (เชย สุนทรพิพิธ). บันทึกความทรงจำเมื่อเป็นเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล). นครหลวง : โรงพิมพิ์ส่วนท้องถิ่น. 2515. - สุจิตต์ วงษ์เทศ. ทุ่งกุลา “อาณาจักรเกลือ” 2,500 ปี จากยุคแรกเริ่มล้าหลัง ถึง ยุคมั่งคั่งข้าวหอม. กรุงเทพฯ : มติชน, 2546. - วัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดร้อยเอ็ด. หนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542 เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560 ผู้เขียน : จักรมนตรี ชนะพันธ์ เผยแพร่ : วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2562 ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_7739 (https://www.silpa-mag.com/history/article_7739) หัวข้อ: Re: ทุ่งกุลา “ไม่ร้องไห้” ใครกล่าวไว้คนแรก? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 16, 2019, 08:41:20 am (https://esan108.com/main/wp-content/uploads/2015/08/ทุ่งกุลาร้องไห้-ร้อยเอ็ด.png) ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ในปัจจุบัน ซึ่งมีสีเขียวอุดมสมบูรณ์เปลี่ยนไปจากในอดีตอย่างมาก ทุ่งกุลาร้องไห้ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นที่ราบขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 13 อำเภอ 5 จังหวัด ได้แก่ - อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม - อำเภอชุมพลบุรีและอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ - อำเภอปทุมรัตต์ อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภอโพนทราย และอำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด - อำเภอศิลาลาด อำเภอราษีไศล และอำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ - อำเภอค้อวัง และอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ทุ่งกุลาร้องไห้ มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า ชนเผ่ากุลาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่า ได้เดินทางมาค้าขายผ่านทุ่งแห่งนี้ ปกติแล้วชนเผ่ากุลาเป็นชนเผ่าที่มีความอดทนสูงมาก สู้งาน สู้แดด ลม ฝน แต่เมื่อได้เดินทางผ่านทุ่งแห่งนี้ ที่มีพื้นที่กว้างขวางเหลือประมาณ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบหมู่บ้านใด ๆ เลย น้ำก็ไม่มีดื่ม ต้นไม้ก็ไม่มีที่จะให้ร่มเงา มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด พื้นดินก็เป็นทราย เดินทางยากลำบากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย ทำให้คนพวกนี้ถึงกับร้องไห้ ดังนั้น จึงได้ชื่อว่า "ทุ่งกุลาร้องไห้" (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_16_09_19_8_48_43.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_16_09_19_8_48_22.jpeg) ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ทุ่งกุลาร้องไห้ (https://th.wikipedia.org/wiki/ทุ่งกุลาร้องไห้) ขอบคุรภาพจาก : https://esan108.com/ทุ่งกุลาร้องไห้.html (https://esan108.com/ทุ่งกุลาร้องไห้.html) |