ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กลโกงพ่อค้า  (อ่าน 1561 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
กลโกงพ่อค้า
« เมื่อ: มกราคม 02, 2011, 01:32:55 pm »
0
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วันเชตุวัน เมืองสาวัตถีได้ปรารภถึงพ่อค้าโกงผู้หนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานชาดกมาเล่าว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพ่อค้าอยู่เมืองพาราณสีมีชื่อว่า บัณฑิต เขาได้เข้าหุ้นทำการค้ากับพ่อค้าคนหนึ่งชื่อว่า อติบัณฑิต วันหนึ่งพ่อค้าทั้งสองชวนกันบรรทุกสินค้าด้วยเกวียน 500 เล่มไปขายที่ชายแดนแห่งหนึ่ง ได้กำไรกลับมาอย่างงาม เมื่อกลับมาถึงเมืองพาราณสีแล้ว ถึงเวลาแบ่งเงินกัน นายอติบัณฑิตบอกกับเพื่อนว่า
“นี่เพื่อนรัก เราว่าเราควรได้ส่วนแบ่งสองส่วนนะ”
“ทำไมล่ะเพื่อน”
พระโพธิสัตว์ในร่างพ่อค้าบัณฑิตถาม
“ก็เพราะเจ้าชื่อบัณฑิตเฉย ๆ ควรได้ส่วนเดียว ส่วนเราชื่ออติบัณฑิตก็ควรจะได้สองส่วน”
อติบัณฑิตตอบ ทำเอาพระโพธิสัตว์ถึงกับอึ้งไปและบอกว่า
“ทั้งทุนรอน และพาหนะขนของเราสองคนออกเท่าๆ กัน แล้วเวลาแบ่งกันทำไมถึงได้ไม่เท่ากันล่ะ ข้าไม่เข้าใจ”
นายบัณฑิตบอก
“เพื่อความเป็นธรรม เราหาคนกลางมาตัดสินดีกว่า ท่านรุกขเทวดาน่าจะดีที่สุด เราไปหาท่านกันเถอะ”
นายอติบัณฑิตบอกแล้วพานายบัณฑิตไปหารุกขเทวดาที่ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่งที่ท้าย หมู่บ้าน ซึ่งนายอติบัณฑิตได้ใช่เล่ย์ให้พ่อของตนเองไปแอบอยู่ในโพรงไม้ใหญ่ปลอมเป็น รุกขเทวดา ทั้งสองคนไปคุกเข่าต่อหน้าต้นไม้แล้วพูดขอให้รุกขเทวดาช่วยตัดสินปัญหาให้
“ท่านรุกขเทวดาโปรดช่วยเราสองคนด้วย เรามีปัญหาแบ่งทรัพย์กันไม่ลงตัว”
ทั้งสองคนเล่าเรื่องให้ฟัง พอเล่าจบก็มีเสียงของรุกขเทวดาเปล่งออกมาจากต้นไม้ใหญ่นั้น
“จากเรื่องที่เล่ามา คนชื่ออติบัณฑิตควรได้ 2 ส่วน คนชื่อบัณฑิตควรได้แค่ 1 ส่วน
นายบัณฑิตนั้นไม่ใช่คนโง่ เขาสังเกตเห็นพิรุธหลายอย่าง จึงคิดพิสูจน์ว่ารุกขเทวดาที่ต้นไม้นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ อาศัยจังหวะที่นายอติบัณฑิตกลับไปแล้ว ย้อมมาที่ต้นไม้อีกครั้งหนึ่ง
“เดี๋ยวเถอะจะได้รู้กันว่าเป็นเทวดาจริงหรือเทวดาปลอมกันแน่”
นายบัณฑิตคิดจะพิสูจน์ จึงไปเก็บฟืน แล้วนำมากองกันไว้โคนต้นไม้ แล้วจุดไฟเผาในโพรงไม้นั้น พ่อของนายอติบัณฑิตซึ่งอยู่ในนั้นสำลักควัน รีบหนีตายออกมาจากโพรงไม้แทบไม่ทัน เนื้อตัวดำสกปรกน่าตลก
“เกือบถูกเผาแล้วสิเรา”
พ่อนายอติบัณฑิตบ่นพึม ก่อนวิ่งหนีไปด้วยความอับอายที่มีคนจับได้

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน คนเราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและต่อผู้อื่น อย่าเห็นแก่ได้มากไป จะไม่เป็นผลดีกับตัวเองและคนที่อยู่รอบข้าง
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;