บางคนอาจจะคิดว่า นายบวรเวท ทำถูก ทางด้านกฏหมาย
แต่ลองคิดอย่างนี้ดูนะครับว่าา
1. ทางวัดมีความผิด ทำลาย โบราณสถาน ซึ่งได้ทำลายไปแล้ว
( ไม่สามารถ นำโบราณสถานเก่า กลับมาได้ )
2. การทุบทำลาย ศาสนาวัตถุ ที่มีประโยชน์ อันเกิดแต่การบริจาค ของชาวพุทธ ที่มาทดแทน โบราณสถานนั้น มีความสำคัญ ทางด้านจิตใจ และเป็นการทำบุญ เพื่อชดเชย สิ่งที่หายไป
( ประเด็นการทุบครั้งแรก นั้น ก็ Ok โดยส่วนตัว เป็นการประกาศอำนาจตามกฏหมาย และ เบรคการกระทำของพระสงฆ์ ที่ทำขัดต่อกฏหมาย เห็นด้วยอยู่ )
3. สำหรับครั้งต่อไป นั้น ไม่เห็นด้วยว เพราะว่า การกระทำครั้งแรก มีความสมบูรณ์ ใจเจตนาแล้ว คือ ปกป้องโบราณวัตถุ และแสดงถึงอำนาจกฏหมาย ให้ทางคณะสงฆ์ และกรรมการวัดรับทราบแล้ว ดังนั้นการทุบครั้งต่อไป จึงไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาหลังการทุบทำลาย คือ ความไม่มี
1. โบราณวัตถุ ไม่ได้กลับมา เสียครั้งแรก
2. ศาสนาวัตถุ ก็ถูกทำลาย เสียครั้งสอง
3. ทางด้านจิตใจของชาวพุทธ ก็เสียความรู้สึก คนทำบุญเสียความรู้สึก
ดังนั้น คดี นั้นเป็น คดี ท่างประวัติศาสตร์ เป็น คดี ตัวอย่าง ให้เห็นอำนาจรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาเพียงพอแล้ว แกการหลาบจำ ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ ตอนนี้ ไม่ควรถูกทำลาย ควรจะได้รับการคุ้มครอง ตามระเบียบ นอกจากเสียว่า ทางกรมศิลป์ หลังจากทุบแล้ว มีงบประมาณ จัดสร้างโบราณวัตถุแบบเดิม กลับมาได้ นั่นแหละจึงสมควร แต่หากทำไม่ได้ เท่านี้เพียงพอแล้ว
พระ และ กรรมการ ก็ถึงคราว หลาบจำแล้ว ด้วยอำนาจ รัฐ
เพราะพิจารณา คุณบวรเวท เยี่ยมความเป็นเปตร มากขึ้น ถ้าหากทำต่อไป .... ถ้ารับได้ก็เชิญ ถ้าไม่เชื่อเรือ่งบุญบาป ในพระพุทธศาสนา เชิญทำต่อไป
ที่จริง เพียงชาวพุทธ ทุกท่านร่วมลงความเห็น คัดค้าน .... กรณี คำสั่งกฏหมาย ก็น่าจะตก เพื่อปกป้อง เสนาสนะใหม่ ไม่ให้เป็นภาระ แก่ชนต่อไป