ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - lamai54
หน้า: 1 2 3 [4]
121  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / การที่หญิงชาย มีอะไรกันแล้ว ถือว่าเป็นสามีภรรยากันหรือไม่ เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 03:29:34 pm
เนื่องด้วยปัญหาเกิดที่ทำงาน เนื่องด้วย เจ้าเพื่อนของดิฉันคนหนึ่ง มีสัมพันธ์สวาทกับ อีกหน่วยงานหนึ่งถึงขั้นมีอะไรกัน ถึง 3 คนซึ่งการทำอย่างนี้จัดว่าผิดศีลหรือยังคะ เพราะทั้งหมดนั้น ก็ยินยอมพร้อมใจ และไม่มีพันธะที่อื่น ๆ ใด

ในกรณีอย่างนี้จะถือว่า ใครเป็นสามี ภรรยา ใคร กันหรือไม่ คะ เพราะตอนนี้เริ่มการศึกชิงรักจากสาวทั้งสามแล้ว
แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร ผู้หญิงถึงชอบคนแบบนี้แล้วพยายามแย่งกันเป็นเจ้าของขึ้น เมื่อเพื่อนของดิฉันมาปรึกษาว่าควรจะสรุปลงตัวกับใครดี

( อ่านแล้วอย่าคิดว่าเป็นเรื่องน้ำเน่านะคะ เพราะดิฉันก็กลั้นใจพิมพ์ถามแล้วคะ )

:035: :035: :035:
122  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แก้อาการอ่อนเพลีย หลังเดินทาง เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 08:18:55 am
  สาวๆ เคยเกิดอาการแบบนี้กันไหมคะ ที่เวลาเดินทางท่องเที่ยวจะสนุกสนาน ตื่นเต้นกับสิ่งรอบข้างและประสบการณ์ใหม่ๆ ลืมความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ากันไปเลย แต่หลังจากกลับมาจากการเดินทางแล้ว ร่างกายจะขาดสมดุล รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง จิตใจไม่แจ่มใส บางคนอาจจะปวดศีรษะ หรือไม่สบายไปเลยก็มี ดังนั้น เรามีวิธีทำให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าและรู้สึกดีขึ้นได้หลังจากการ เดินทางค่ะ


ดื่มน้ำผลไม้
ผล ไม้มีประโยชน์ในทุกสถานการณ์จริงๆนะคะ เพราะเมื่อร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง วิธีที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายนั้นก็คือ การดื่มน้ำผลไม้ประเภทสมูทตี้ (Smoothie) คือการใช้ผลไม้สดทั้งผลปั่นแบบไม่กรองกาก  เช่นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จะช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สมดุล (rebalance) ได้เร็วขึ้นค่ะ

รับประทานอาหารแต่เช้า
ร่าง กายคนเรามีระดับการเผาผลาญอาหารสูงสุดในช่วงเที่ยงวันค่ะ อาหารที่ดีคือ อาหารที่รับประทานแต่เช้า (คือภายในชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน) ควรรับประทานมื้อเช้าและมื้อเที่ยงเป็น "มื้อหลัก" โดยให้หนักไปทางโปรตีนและไขมัน

ส่วนอาหารมื้อเย็นควรเป็นมื้อเล็ก หน่อย หนักไปทางคาร์โบไฮเดรต เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสีที่มีคุณค่าสูง อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย หลับสบาย และช่วยล้างพิษในช่วงที่เราหลับอยู่ค่ะ

หลับอย่างไรให้สนิท
ช่วง หลังกลับมาจากเดินทางบางคนอาจจะมีอาการนอนไม่หลับกระสับกระส่าย เนื่องจากร่างกายต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนเวลา อากาศ และสภาพแวดล้อม ดังนั้น ควรหาวิธีช่วยให้หลับสนิท โดยการดื่มนมอุ่นๆ เพราะนมมีกรดอะมิโนที่ช่วยในการนอนหลับ นอกจากนั้น ห้องนอนก็ควรมืดสนิทและเงียบ หลีกเลี่ยงการตั้งนาฬิกาปลุกในช่วง 45-120 นาทีแรก เพราะเป็นช่วงที่เรากำลังหลับลึก ถ้าตื่นในช่วงนี้จะทำให้เราเวียนศีรษะและไม่สดใสนะคะ

หายใจให้เป็น
ทำ การฝึกหายใจแบบสบายๆ วิธีการฝึกทำได้โดยการหาที่นั่งเงียบๆ สัก 5 นาที นั่งหลังไม่งอและไม่เกร็ง วางมือข้างหนึ่งไว้ที่หน้าอกเบาๆ วางอีกข้างไว้ที่หน้าท้องเบาๆ หายใจเข้าและหายใจออกอย่างช้าๆ  พร้อมกันนี้ ให้ทำความรู้สึกว่า "หายใจเข้า...ฉันผ่อนคลาย"  "หายใจออก...ฉันผ่อนคลาย"  ช่วยคลายกล้ามเนื้อสมอง ลดความเครียดลง และผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ

ลอง ค่อยๆฝึกทำวิธีเหล่านี้ดูนะคะ อาการอ่อนเพลียหลังเดินทางอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อย แต่ก็จะดีขึ้นได้เองโดยมีวิธีไม่ยากและใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ

ที่มา vcharkarn
123  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ถอดรหัสเสียงร้องไห้ของลูก เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 08:17:54 am
เสียงร้องไห้กับเด็กตัวเล็กๆ เป็นเรื่องปกติที่พบได้ แต่บางครั้ง บางเวลาพ่อแม่ก็ไม่สามารถจัดการกับ
เสียงร้องไห้ของลูกได้ดั่งใจ กลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต เรื่องเครียดในเวลาต่อมา ดังนั้น การเรียนรู้
เข้าใจที่มาของเสียงร้อง จะช่วยให้คุณใจเย็นมั่นใจได้มากขึ้น และมีความสุขกับการเลี้ยงดูลูกค่ะ
 
ลูกร้องไห้ คือการสื่อสาร
ตั้งแต่ แรกเกิดลูกไม่สามารถพูดได้ การร้องไห้จึงเป็นวิธีที่ลูกใช้สื่อสารกับผู้เลี้ยงให้รู้ถึงความต้องการว่า หิว ปวดท้อง เบื่อ เจ็บ ไม่สบายตัว หรือปลดปล่อยความเครียดจากการปรับตัวทั้งวัน เป็นการปรับตัวจากการนอนอย่างสบายในท้องแม่ มาสู่สิ่งแวดล้อม ที่ยังไม่คุ้นเคย เมื่อเลยจากนี้ไป 3 เดือนก็จะดีขึ้น มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า แม่สามารถแยกแยะลักษณะการร้องได้หลังจากคลอด 3 สัปดาห์ และอาจแยกเสียงร้องของลูกตัวเองจากเสียงร้อง ของลูกคนอื่นหลังจากคลอดได้ 3 วัน   

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เด็กแต่ละคนก็มีลักษณะที่ต่างกัน สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้ 
กลุ่มแรก ทําอย่างไรก็ไม่ร้อง กินนมเสร็จก็นอนหลับยาว 4 ชั่วโมง พอหิวก็ตื่น ร้องแอ๊ะๆ เบาๆ กินนมเสร็จก็นอน
กลุ่มที่ 2 ทําอย่างไรก็ร้อง ไม่ว่าจะ อุ้ม เดิน ร้องกล่อม เปลี่ยนผ้าอ้อมหรือให้นม
กลุ่มที่ 3 ร้องแบบปกติ คือเริ่มร้องเมื่ออายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ ร้องมากสุดช่วงประมาณเดือนครึ่ง และเริ่มเข้าที่เข้าทาง ลูกร้องน้อยลงเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 3-4
 
 
เสียงร้องไห้ของลูกบอกอะไร 
ลักษณะเสียงร้องไห้ต่อไปนี้ บางทีอาจเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณ สังเกต และเข้าใจได้ว่าลูกกําลังบอกอะไร
‘หิว’ : มัก เป็นการร้องเสียงต่ำและสั้น ขึ้นและลงเป็นจังหวะ เสียงคล้ายจะบอกว่า กรุณาให้นมหนูเถอะ และลูกแสดงออก สื่อกับคุณว่าหิว เช่น ดูดนิ้ว ทําเสียงจ๊วบจ๊าบร่วมด้วย
’เจ็บ’ :   เป็นการร้องทันทีทันใด เสียงแหลม สูง ดัง หรืออาจนานแล้วก็หยุด เพื่อหายใจสัก 2-3 วินาที แล้วก็ร้องเสียงแหลมสูงอีก เช่น เวลาที่ลูกถูกฉีดยา
‘เบื่อ’ : มัก เริ่มจากเสียงอ้อ แอ้ พยายามหาคนคุยด้วย พอไม่มีใครจะเริ่มหงุดหงิด แล้วก็ระเบิดเสียงร้อง สลับกับการร้อง คล้ายๆ เสียงบ่นพออุ้มก็หยุดร้อง
‘เหนื่อยและไม่สบายตัว’ : อาจเป็นเสียงร้องครางขึ้นจมูก และเสียงค่อยๆ ดังขึ้น ในกรณี เฉอะแฉะ เปียกชื้น
‘เจ็บป่วย’ : เป็นเสียงเบาๆ คล้ายไม่มีแรง เสียงจะต่ำกว่าการร้องแบบเจ็บ มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไม่กิน มีไข้ ซึม ท้องเดิน จัดเป็นเสียงที่ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วน
 


เสียงร้องไห้ของลูก...ดูแลไม่ยาก
ตอบสนองต่อเสียงร้อง
เป็นวิธีอย่างแรก ที่สื่อให้ลูกรู้ว่า เมื่อร้องจะมีคนสนใจตอบสนองเสียงร้อง ลูกรู้สึกได้ถึงความมั่งคงและปลอดภัย

ประเมินสถานการณ์
ว่า แฉะไหม หิว น่าจะเบื่อ  หนาว ร้อน กรณีที่ลูกปวดท้อง อาจเป็นการยากที่จะสรุปว่าลูกร้องมากเพราะปวดท้อง ก็อาจลองทามหาหิงค์ุ เด็กบางคนอาจมีการให้ยา simethicone เช่น แอร์เอ็กซ์ แต่ทางที่ดีวิธีง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ขอแค่จิตใจแม่สงบ มีพ่ออยู่เป็นกําลังใจ ก็ช่วยได้มากยิ่งอุ้ม ยิ่ง (ไม่) ร้อง

ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน และอบอุ่นจากการอุ้มลูกไว้แนบอก จะทําให้อารมณ์ของลูกมั่นคง ผ่อนคลาย (โดยเฉพาะช่วงเดือนแรก) มีความสอดคล้องกับการศึกษาในปัจจุบันว่า ถ้าอุ้มอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน ทารกจะร้องน้อยลง

ประเภทร้อง 3 เดือนหรือเรียกว่าโคลิก ตามตําราบอกว่า ร้องอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย การใช้วิธีอุ้มแนบอก เพื่อช่วยสยบเสียงร้องสามารถช่วยได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าลูกไม่หยุดร้อง การหาคนช่วยอุ้ม หรือเปลี่ยนบรรยากาศก็เป็นหนึ่งทางเลือกค่ะ
 
ขอบคุณ : พญ. สุดา เย็นบํารุง กุมารแพทย์
124  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: เชิญร่วมโพสต์ ภาพไทยๆ อวยพรในวันปีใหม่ไทยกันบ้าง เมื่อ: มีนาคม 06, 2011, 04:44:47 pm


มาช่วยโพสต์แล้ว นะจ๊ะ น้องกบ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ
125  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สะพานธรรม สะพานใจ เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 07:42:51 am
สนใจหนังสือ คะ มีไฟล์เสียงให้ดาวน์โหลด หรือไม่คะ

 :25:
126  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฮือฮา! ภาพโผล่ว่อนเน็ต อดีตพระดัง "ยันตระ" โผล่สร้างลัทธิใหม่ เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 08:15:16 am


ฮือฮา! ภาพโผล่ว่อนเน็ต อดีตพระดัง "ยันตระ" โผล่สร้างลัทธิใหม่ ไว้หนวดเคราสีขาวรุงรัง แต่ห่มจีวรสวมกางเกง เดินนำพระสงฆ์บิณฑบาตในงานบุญของคนไทย

วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบรรณาธิการเดลินิวส์ ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ (ส่งต่อ) เกี่ยวกับนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อมรโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) ที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์และมีการทำกิจวัตรคล้ายพระสงฆ์ รวม 3 รูป โดยรูปทั้งหมดไม่ทราบวันและเวลาในการบันทึกไว้ ทราบเพียงว่าเป็นภาพในงานหนึ่ง ในชุมนุมของคนไทยหรืออาจจะเป็นวัดไทยวัดใดวัดหนึ่ง ในเมืองเอสคอนดิโด้ แซนดิเอโก้  รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรพระภิกษุ โดยนายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ แต่งกายที่แปลกออกไปจากพระสงฆ์ไทย มีการไว้หนวดไว้ผมยาว สวมผ้าคลุมสีคล้ายจีวรแต่สวมกางเกงทับอีกชั้น แล้วนำพระภิกษุออกบิณฑบาต โดยมีคนสนิทเป็นชาวต่างชาติเดินประกบอยู่ตลอดเวลา และประชาชนคาดเป็นคนไทยนั่งคุกเข่าอยู่ตลอดเส้นทางที่เดิน

ทั้งนี้ ยังมีภาพที่นายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ นั่งอยู่ในบริเวณพิธีที่มีการตกแต่งคล้ายที่นั่งพระสงฆ์ หรืออาจจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือวัดใดวัดหนึ่ง โดยนั่งอยู่ด้านบน ซึ่งมีอาสนะ ตาลปัตร และเครื่องบริขารของพระสงฆ์วางอยู่ แล้วมีพระภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ซึ่งเมื่อดูภาพทั้งหมดแล้วรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมที่นายวินัย หรืออดีตพระยันตระ ยังปฏิบัติตนเช่นนี้ เพราะมีความพยายามที่จะสร้างลัทธิใหม่หรือนิกายทางพระพุทธศาสนาใหม่ขึ้นมา ทั้งๆที่มหาเถรสมาคมมีมติให้พ้นจากพระภิกษุแล้ว จากกรณีเรื่องฟ้องร้องหลายคดีตั้งแต่ปี 2537-2541 หรือประมาณ 17 ปีที่แล้ว

นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงกรณีนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ถือบาตรรับอาหารจากประชาชน โดยไว้หนวดเคราและผมยาวในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ตนได้รับทราบข้อมูลว่า ขณะนี้อดีตพระยันตระ ได้ไปจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนายังประเทศสหรัฐฯ แล้วนำพระสงฆ์ออกบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะประสานไปยัง พระเทพกิตติโสภณ วัดวชิรธรรมปทีป นครนิวยอร์ค สหรัฐฯ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในประเทศสหรัฐฯาว่า ท่านทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายของคณะสงฆ์ไทยไม่สามารถที่จะไปดำเนินการกับอดีตพระยันตระได้ แต่จะประสานให้พระที่มีอำนาจในพื้นที่ช่วยดูแล

สำหรับนายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ เป็นชาวนครศรีธรรมราช เป็นพระสงฆ์นักปฏิบัติธรรมชื่อดังที่มีผู้เคารพศรัทธามากของเมืองไทยและต่าง ประเทศ ในช่วงแรกปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และมักใช้คำแทนตัวว่า พระยันตระ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มาก มาย นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักท่านจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น

อย่าง ไรก็ดีในปี 2537 ได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกา บัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัย บัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ จนในที่สุดท่านได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้ท่านพ้นจากความ เป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าท่านต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัย หรือ อดีตพระยันตระ ไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น

ในเวลา เดียวกันนั้นนางจันทิมา มายะรังษี ซึ่งเป็นสีกาใกล้ชิดนายวินัย ได้พาด.ญ.กระต่าย ซึ่งอ้างว่าเป็นลูกสาวมาแสดงตัวพร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามี ภรรยากับนายวินัยมาเปิดเผย ต่อมาช่วงเดือนม.ค.2538 นางจันทิมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวินัย หรืออดีตพระยันตระ ให้ยอมรับด.ญ.กระต่าย เป็นลูก และมีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นพ่อลูกกัน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆเนื่องจากเทคโนโลยีไม่ทันสมัยเท่าปัจจุบันนี้ นายวินัยได้ลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐ อเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองในสหรัฐฯจนถึงปัจจุบัน โดยมีข่าวความเคลื่อนไหวในวงแคบ ๆ กับกลุ่มลูกศิษย์ที่ยังให้ความนับถืออยู่และมีความพยายามจะตั้งเป็นลัทธิ หรือนิกายทางศาสนาใหม่ขึ้นด้วย.


ที่มาข่าว
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10299409/Y10299409.html
127  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 16 นิสัยไม่ไหวจะเคลียร์ เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 04:23:13 pm
ถูกใจจริง คะ ๆ เรื่องนี้
 :s_laugh:
หน้า: 1 2 3 [4]