แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - ratree
|
หน้า: [1] 2 3
|
20
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เมื่อปีติ เกิด ขึ้นแล้ว คนทำอย่างไร ในการภาวนา ?
|
เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2012, 11:11:47 pm
|
ในบทว่า ปีติสุขํ นี้ ชื่อว่าปีติ เพราะอรรถว่าอิ่มใจ, ปีตินั้นมีลักษณะดื่มด่ำ. ก็ปีตินี้นั้นมี ๕ อย่างคือ ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อย ๑ ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะ ๑, โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอก ๑, อุพเพงคาปีติ ปีติโลดลอย ๑. ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน ๑,
บรรดาปีติ ๕ อย่างนั้น ขุททกาปีติอาจทำพอให้ขนชูชันในสรีระทีเดียว, ขณิกาปีติย่อมเป็นเช่นกับฟ้าแลบ เป็นขณะๆ, โอกกันติกาปีติให้รู้สึกซู่ลงมาๆ ในกาย ดุจคลื่นซัดฝั่งทะเล. อุพเพงคาปีติเป็นปีติมีกำลัง ทำกายให้ลอยขึ้นโลดไปในอากาศหาประมาณไม่ได้, ผรณาปีติเป็นปีติมีกำลังยิ่ง ก็เมื่อผรณาปีตินั้นเกิดขึ้นแล้ว สรีระทั้งสิ้นจะรู้สึกเย็นซาบซ่าน ดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน และดุจเวิ้งเขาที่ห้วงน้ำใหญ่ไหลบ่ามาฉะนั้น.
ก็ปีติทั้ง ๕ อย่างนี้เมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังปัสสัทธิทั้งสองคือกายปัสสัทธิและจิตตปัสสัทธิให้บริบูรณ์.
ปัสสัทธิเมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังสุขทั้ง ๒ คือ สุขทั้งทางกายและสุขทางใจให้บริบูรณ์.
สุขเมื่อถือเอาห้องถึงความแก่กล้า ย่อมยังสมาธิ ๓ อย่างคือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิให้บริบูรณ์.
บรรดาปีติเหล่านั้น ผรณาปีติที่เป็นมูลแห่งอัปปนาสมาธิ เมื่อเจริญถึงความประกอบด้วยสมาธิ นี้ท่านประสงค์เอาว่า ปีติ ในอรรถนี้.
ก็อีกบทหนึ่ง ชื่อว่าสุข เพราะอรรถว่าสบาย. อธิบายว่า เกิดขึ้นแก่คนใด ย่อมทำคนนั้นให้ถึงความสบาย.
อีกอย่างหนึ่ง ความสบายชื่อว่าสุข ธรรมชาติใดย่อมกลืนกินและขุดออกเสียได้โดยง่าย ซึ่งอาพาธทางกายทางใจ ฉะนั้นธรรมชาตินั้นชื่อว่าสุข. คำนี้เป็นชื่อของโสมนัสสเวทนา สุขนั้นมีลักษณะสำราญ.
ปีติและสุขเหล่านั้นเมื่อไม่แยกกันในอารมณ์อะไรๆ ความยินดีด้วยการได้เฉพาะอารมณ์ที่น่าปรารถนา ชื่อว่าปีติ. ความเสวยรสแห่งอารมณ์ที่ได้เฉพาะแล้ว ชื่อว่าสุข. ที่ใดมีปีติที่นั้นมีสุข ที่ใดมีสุขที่นั้นมีปีติโดยไม่แน่นอน.
ปีติสงเคราะห์เข้าในสังขารขันธ์ สุขสงเคราะห์เข้าในเวทนาขันธ์. คนที่ลำบากในทางกันดาร ปีติเหมือนเมื่อเห็น หรือได้ฟังป่าไม้และน้ำ, สุขเหมือนเมื่อเข้าไปสู่ร่มเงาของป่าไม้และบริโภคน้ำ ก็บทนี้พึงทราบว่ากล่าวไว้ เพราะภาวะที่ปรากฏในสมัยนั้นๆ.
ฌานนี้ท่านกล่าวว่า ปีติสุข เพราะอรรถว่าปีตินี้ด้วย สุขนี้ด้วยมีอยู่แก่ฌานนี้ หรือในฌานนี้. อีกอย่างหนึ่ง ปีติด้วย สุขด้วย ชื่อว่าปีติและสุข ดุจธรรมและวินัยเป็นต้น.
ชื่อว่ามีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอย่างนี้ เพราะอรรถว่าปีติและสุขเกิดแต่วิเวก มีอยู่แก่ฌานนี้ หรือในฌานนี้ ก็ฌานฉันใด ปีติและสุขก็ฉันนั้นย่อมเกิดแต่วิเวกทั้งนั้น ในที่นี้.
ก็ปีติและสุขเกิดแต่วิเวกนั้นมีอยู่แก่ฌานนี้ เพราะเหตุดังนี้นั้น แม้จะกล่าวว่า วิเวกชํ ปีติสุขํ รวมเป็นบทเดียวกันทีเดียว ย่อโดยไม่ลบวิภัตติ ก็ควร.
บทว่า ปฐมํ ความว่า ชื่อว่าที่ ๑ เพราะเป็นลำดับแห่งการนับชื่อว่าที่ ๑ เพราะอรรถว่า ฌานนี้เกิดขึ้นเป็นที่ ๑ ก็มี.
บทว่า ฌานํ ได้แก่ ฌาน ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิชฌานและลักขณูปนิชฌาน.
ในฌาน ๒ อย่างนั้น สมาบัติ ๘ ถึงการนับว่า อารัมมณูปนิชฌาน เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งอารมณ์มีปฐวีกสิณเป็นต้น. ก็วิปัสสนา มรรค ผล ชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน.
ในวิปัสสนา มรรคผลเหล่านั้น วิปัสสนาชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน เพราะเข้าไปเพ่งอนิจจลักษณะเป็นต้น, มรรคชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน เพราะกิจที่ทำด้วยวิปัสสนา สำเร็จด้วยมรรค, ส่วนผลชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งนิโรธสัจจะ ซึ่งเป็นลักษณะแท้.
ในฌาน ๒ อย่างนั้น ในที่นี้ ท่านประสงค์อารัมมณูปนิชฌาน ในกาลเป็นส่วนเบื้องต้นประสงค์ลักขณูปนิชฌาน ในขณะแห่งโลกุตตรมรรค เพราะฉะนั้นพึงทราบว่า ฌาน เพราะเข้าไปเพ่งอารมณ์ด้วย, เพราะเข้าไปเพ่งลักษณะด้วย, เพราะเผาข้าศึกคือกิเลสด้วย.
อรรถกถา ขุททกนิกาย มหานิทเทส อัฏฐกวัคคิกะ ๒. คุหัฏฐกสุตตนิทเทส
|
|
|
23
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ชนิดของผ้า จีวรพระ ควรถวายแบบไหน คะ
|
เมื่อ: ธันวาคม 08, 2011, 02:29:27 am
|
คือ ได้ถวายผ้าจีวรแก่พระสงฆ์ แต่พระสงฆ์ไม่ได้ใช้ที่ถวายไป ก็เลยถามว่าศิษย์ท่านว่า เป็นเพราะอะไรก็ทราบว่า ท่านจะใช้จีวรชนิดเดียว ซึ่งเป็นผ้าอะไรจำไม่ได้ เข้าใจว่ามีราคามากด้วย แต่ข้อมูลของผ้านั้นสอบถามแล้วก็จำไม่ได้ใครรู้ชนิดผ้า ช่วยบอกทีคะ ว่าผ้าจีวรมีผ้ากี่ชนิดคะ
|
|
|
27
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อยากภาวนา เพราะไม่อยากเกิดอีก แต่... ติดเรื่องครอบครัว..
|
เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 07:46:24 am
|
มีเพื่อน ท่านหนึ่ง มาปรารภให้ฟังว่า เหตุจากการชักชวนในการภาวนา กันมาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนคนนี้ก็มาขอคำปรึกษาเรื่องการภาวนา เธอมีความตั้งใจ ที่จะไม่อยากเกิดอีก ( ฟังแล้วอนุโมทนาในใจ ) แต่เธอเล่าให้ฟังถึง ห่วงที่เธอยังติดอยู่ก็คือเรื่อง ครอบครัว เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะภาวนา คนในครอบครัว ก็จะคัดค้าน หรือ ไม่อยากให้เธอมีการภาวนาที่สูงขึ้น เช่น เธอขอรักษาศีล 8 ในบ้านก็ลงมติ ว่าไม่ได้ ...... อย่างนี้เป็นต้น ขอคำปรึกษา เรื่องครอบครัว กับเรา ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ใครมีประสพการณ์ และ วิธีการที่ดี ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย คะ
|
|
|
28
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ขอวิธีรับมือความฝัน กับ การภาวนา
|
เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 07:38:04 am
|
เนื่องด้วย ในช่วงนี้ ดิฉัน มีความฝัน ว่า ได้ไปเข้ากราบ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ รูปนั้น รูปนี้ บ่อยมากขึ้น และบางความฝันก็ รู้สึกได้ว่าเป็นจริง เช่นฝันว่ามีคนมาบอกว่า อย่าเดินทางไปกับเขาจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ดิฉันก็เลยไม่ไปกับเขา ปรากฏว่า ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ความฝันเช่นนี้ ดูเหมือนแม้จะดี แต่ก็มีข้อเสีย ทำให้เรานึก หรือ แยกไม่ออก อันไหนจริง อันไหนเท็จ ทำให้บางครั้งก็ฝัน แบบระแวง คือกลายเป็นคนเชื่อความฝัน ซึ่งทำให้ผสมกันเป็นเรื่อง ที่จริงบ้างและไม่จริงบ้าง จึงอยากทราบวิธีการภาวนา ที่จะรับมือกับความฝัน เหล่านี้ด้วยคะ ขอบคุณคะ
|
|
|
34
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมงาน"การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน"ศาลายา 9-10 ก.ค.54
|
เมื่อ: มิถุนายน 27, 2011, 10:09:22 pm
|
การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ท่านเป็นบูรพาจารย์สายปฏิบัติที่มุ่งสอนวิปัสสนา การเจริญสติตามแนวสติปัฎฐาน๔ที่เน้นการเคลื่อนไหวอิริยาบถต่างๆเป็นหลัก สำคัญ ท่านสอนการเจริญสติในรูปแบบการเคลื่อนไหวทางกายให้มีการรู้สึกตัวอย่างต่อ เนื่อง รู้สึกตัวกับเวทนาที่ปรากฏ เห็นความคิด รู้ทันความคิดและดับความคิด ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวงได้ วิธีการดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นแนวปฏิบัติที่สั้น-ตรง-ลัด-เร็ว เข้าสู่ความเป็นพุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อันเป็นแนวทางยกระดับ มิติทางจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบตามหลักพุทธธรรม การ เจริญสติแนวนี้ พูดง่าย ฟังง่าย แต่เข้าใจยาก เพราะความเข้าใจในวิธีการนี้เน้นองค์ความรู้ที่ได้แบบประจักษ์แจ้งผุดขึ้น จากจิต ชนิดที่มันเป็นเอง อันสืบเนื่องมาจากการที่ได้เจริญสติปัฏฐานสี่อย่างจริงจังต่อเนื่องและถูก ต้อง“เฝ้าดูอาการกายแคลื่อนไหว เฝ้าดูอาการใจที่นึกคิด” ฝึกสติให้ทำหน้าที่รู้ทุกข์โดยตรง ให้รู้เท่าทันแบบเป็นธรรมชาติ จนกระทั่งตัวรู้นี้ตื่นโพลง จิตใจสว่างรู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง อายตนะเปิดกว้างจิตจะเห็นความจริงในจิต เข้าใจจิตเดิมแท้ของตัวเองที่ไม่ถูกปรุงแต่งว่ามันเป็นอย่างไร ที่มันทุกข์เพราะอะไร ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วจะดับอย่างไร จะรู้เห็นเอง.
|
|
|
35
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: วิตก วิจาร กับ จินตนาการ เหมือนกันหรือไม่ครับ
|
เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 06:23:52 pm
|
วิตก คือ การตั้งจิตไว้กับองค์ บริกรรมเรียกว่า นิมิต มีสามส่วนคือ 1.ปัคคาหะนิมิต 2.บริกรรมนิมิต หรือ สมาธินิิมิต 3.อุเบกขานิมิต วิจาร คือ ความเพียร ที่จะผูกจิตใน นิมิต ทั้งสามคะ อธิบาย ถูกผิดอย่างไร กราบขอขมา พระอาจารย์ ด้วยนะคะ จินตนาการ กับ จิตตสังขาร น่าจะเป็นองค์เดียวกัน ทั้งสองส่วนไม่เหมือนกัน เพราะ วิตก วิจาร นั้นเป็นไปเพื่อนสละกิเลสเบื้องต้น คือ นิวรณ์ 5 ส่วน จิตตสังขาร นั้นเป็นวงรอบของกิเลส อย่างชัดเจน พูดให้ง่าย ก็คือ วิตก วิจาร เป็น ฝ่าย กุศลจิต จัดเป็นกามาวจรกุศลอยู่ ส่วน จิตตสังขาร ( จินตนาการ ) การปรุงแต่งจิต นั้นเป็นได้ ทั้งฝ่าย กุศล และ อกุศล คะ
|
|
|
|