หัวข้อ: ปล่อยวาง จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเรายังถูกเบียดเบียนอยู่ทุกเวลา เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ พฤษภาคม 27, 2012, 09:02:36 am ไปฟังพระเทศน์ เรื่องการกปล่อยวาง และ อ่านวิธีการปฏิบัติธรรม ก็คือการปล่อยวาง แต่ขณะที่เรากำลังทำจิตภาวนาในเรื่องการปล่อยวาง แต่ก็ถูก คนรอบข้างเบียดเบียน ทำร้าย ทางกายและความรู้สึก อยู่ตลอดเวลา แล้วอย่างนี้ เราจะปล่อยวางได้อย่างไร แล้วการปล่อยวางจะแก้ปัญหา อะไรไปได้ ....
ถ้าการปล่อยวางเป็นคุณธรรม สูงสุด ของพระพุทธศาสนา แล้วอย่างนี้แสดงว่า ธรรมะนี้ไม่สามารถนำมาใช้ในชีิวิตประจำวันได้ใช่หรือไม่คะ ขอท่านผู้รู้ ช่วยแนะนำด้วยคะ :c017: :c017: :c017: หัวข้อ: Re: ปล่อยวาง จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเรายังถูกเบียดเบียนอยู่ทุกเวลา เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ พฤษภาคม 27, 2012, 12:30:05 pm คุณเป็นเพื่อนนะจ๊ะ ในชีวิตคนเราจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ทำการถอนหายใจ ก็ให้นึกถึงช่วงเวลานั้นให้ดีๆ ก็ช่วงเวลานั้นแหละที่จิตทำการปล่อยวางของเขาเอง จักทำให้จิตเราสู้ต่อไปได้อีกช่วงนึง อาจจะเป็นแค่ ห้านาที สิบนาที แต่ก็ด้วยความฉลาดของจิต ของผู้ฝึกฝนมาดีแล้ว ก็จะสามารถทำได้ต่อเนื้อง ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ห้านาที หรือสิบนาที แล้วก็เลิกลา นั้นเท่านั้น แต่เป็นชั่วโมงเป็นวันๆ ก็เป็นชั่วโมงเป็นวันๆ เป็นอย่างไร ก็ไอเจ้าสิบนาทีที่ว่านั้นนะแหละ ก็คือ 10+10+10+10+10+10 ก็เท่ากับหนึ่งชั่วโมงแล้ว เหมือนกับเราเดินเล่นที่ละก้าวไปเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งเรามาดู อ้าว! เราเดินมาได้ไกลถึงขนาดนี้เลยหรอ ถ้าเราเองตั้งใจจะเดินมาให้ได้ขนาดนี้คงไม่ได้ไกลขนาดนี้แน่
ก็ผู้ปฏิบัติเขาก็ต่างเห็นประโยชน์เขาถึงทำกันนะจ๊ะ คิดเสียว่า มันเป็นบททดสอบเรา ลองมองย้อยกลับไปตอนที่เราเป็นเด็ก หรือตอนที่เรายังไม่เก่งในเรื่องไหนๆ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ เช่น หัดขัดรถใหม่ๆ ถนนใหญ่ก็ไม่กลัาที่จะขับออกไป ขับได้แต่ในซอยกว้างๆ ที่ไม่มีรถพลุกพล่าน แต่ เมื่อเรา ค่อยๆฝึกฝน ค่อยๆหัด ค่อยๆฝืนทำ จนเอาชนะได้แล้ว มันก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ส่วนคำที่คุณบอกว่า "การปล่อยวางเป็นคุณธรรม สูงสุด ของพระพุทธศาสนา" ไม่น่าจะใช่นะจ๊ะ เขาใจว่าคุณอาจจะหมายถึง คำว่า "วิมุติ" ความหลุดพ้น และ "ธรรมะนี้ไม่สามารถนำมาใช้ในชีิวิตประจำวันได้ใช่หรือไม่คะ" ตอบได้เลยว่านำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน จะสังเกตุเห็นได้จากคำที่มักจะพูดกันว่า "ทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับเราเลย เราไม่ยอม" ก็ชัดเจนว่าในชีวิตประจำวันของเราก็อาศัยธรรม ในการดำเดินชีวิตกันอยู่ เพียงแต่เราเองชินกับมัน ไม่ทันหันไปมอง(โดยแยบคาย) ที่คุณบอกว่า "ขณะที่เรากำลังทำจิตภาวนาในเรื่องการปล่อยวาง แต่ก็ถูก คนรอบข้างเบียดเบียน ทำร้าย ทางกายและความรู้สึก อยู่ตลอดเวลา แล้วอย่างนี้ เราจะปล่อยวางได้อย่างไร " การปฏิบัติเป็นเรื่องของเราคนเดียว ไม่ได้ไปเกี่ยวกับคนอื่น พระพุทธองค์บอกสอนไว้ว่า พรหมาณ์ น้ำในแก้ว ที่เจ้าบ้าน ถือมาให้ ผู้ที่มาเยือน จะได้แก่ใคร? ถ้าผู้ที่มาเยือนมิได้รับน้ำแก้วนั้น ก็คงยังต้องได้แก่เจ้าบ้านที่ถือน้ำแก้วนั้นมา ฉันใดก็ฉันนั้น ส่วนการปล่อยว่าง ก็คล้ายกับการ ปดปล่อยตัวเราเอง ไม่ไปถือรับเอาน้ำแก้วนั้นมา ก็คือการไม่ไปเอาอารมณืที่ไม่เป็นที่พอใจมาเก็บไว้ที่ในใจของเรา หัวข้อ: Re: ปล่อยวาง จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเรายังถูกเบียดเบียนอยู่ทุกเวลา เริ่มหัวข้อโดย: hope ที่ พฤษภาคม 27, 2012, 03:25:06 pm ถ้าจำไม่ผิด นะคะ คิดว่าเคยได้อ่านเรื่อง อุเบกขา ไปในกระทู้กรรมฐาน นะคะ
ธรรมะสาระวันนี้ "พึงพอกพูน อุเบกขา เพื่อการภาวนาที่สมบูรณ์" http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7665.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7665.0) (http://www.madchima.net/images/735_card_98.jpg) คิดว่า ปล่อยวาง ปล่อยทิ้ง หมักหมม ละเลย คงต้องแยกประเด็นออกมาก่อนนะคะ ดังนั้นความหมายของคำว่าปล่อยวาง จึงถูกใช้ผิด คะ :88: :58: :bedtime2: หัวข้อ: Re: ปล่อยวาง จะทำได้อย่างไร ในเมื่อเรายังถูกเบียดเบียนอยู่ทุกเวลา เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ พฤษภาคม 28, 2012, 01:05:00 pm 1. ทุกสิ่งทุกอย่างในพระธรรมนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้หมด เพราะธรรมทั้งหลายที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้นเป็นไปเพื่อชีวิตประจำวัน แต่จะทำได้ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองครับ
2. สิ่งใดเกิดขึ้นแก่คุณให้พึงระลึกรู้ว่า นี่เป้นกำไรชีวิตสำหรับเรา ทำให้รู้ว่า คนกลุ่มใดเป็นมิตร ไม่เป็นมิตร คนที่มีท่าทีเช่นนี้ๆ มักคิดและ กระทำอย่างไร เพื่อให้คุณนำไปใช้เลือกคบมิตรในกาลต่อไป 3. กำไรชีวิตต่อที่ 2 คือ ทำให้คุณได้เห็นสัจธรรมในพระพุทธศาสนาดังนี้ว่า - เรามีความปารถนาใคร่ได้พอใจยินดี อยากให้มีคนมารัก มาเอาใจ สุภาพ พูดดี ทำดีกับเรา แต่เราทั้งหลายย่อมไม่ได้ตามความปารถนานั้นไปทั้งหมดเป็นธรรมดา เราไม่มีทางล่วงพพ้นสิ่งนี้ไปได้ - เราย่อมประสบพบเจอกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจอยู่เป็นประจำในชีวิตนี้เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นสิ่งนี้ไปไม่ได้ - ก็เมื่อมีความเป็นจริงทั้ง 2 สิ่งนี้เผชิญกับคุณอยู่ จึงทำให้คุณเกิดความ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ คับแค้น อัดอั้นใจอยู่เป็นนิจ 4. ทางหลีกลี้และใช้ชีวิตกับสิ่งนี้พระพทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้แล้วอย่างนี้คือ - ต้องยอมรับและเห็นตามความจริงในสัจธรรมเหล่านี้ เมื่อยอมรับความจริงเช่นนี้ จิตใจจะวางโทสะมากขึ้น เมื่อวางโทสะมากขึ้น - จากนั้นให้พึงระลึกรู้ตามดังนี้เสียว่า เพราะเราพอใจยินดี ต้องการ อยากให้คนมารัก มาชอบ มาพอใจสรรเสริญเรา มากกว่าการกระทำร้ายๆ พูดร้ายๆ แก่เรา เราจึงเป็นทุกข์ ทั้งๆที่เราไม่อาจจะไปบังคับสิ่งใดให้มันเป็นไปดั่งใจเราได้ แม้แต่เราบังคับตนเองไม่ให้ว่านินทาผู้อื่นยังไม่ได้ เราบังคับตนเองไม่ให้โกรธเกลียดใครยังไม่ได้ บังคับให้ตนเองไม่ให้ขี้หรือเยี่ยวยังไม่ได้ แล้วจะไปบังคับคนอื่นดด้วยสิ่งใด นอกจากยอมรับสภาพแวดล้อมนั่นๆไป - โดยคุณต้องตัดความติดข้องใจใดๆที่เกิดมาจากการรับรู้อารมณ์ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส การกระทบสัมผัสทางกาย และ สิ่งที่ใจรู้ สิ่งที่นึกคิดปรุงแต่งจิต สิ่งที่สมมติเรื่องราว สิ่งที่เสพย์จิตให้เป็นสุข-ทุกข์ ละความติดข้องใจใดๆนั้นไปเสีย เพราะมันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆกับเรา ติดข้องใจไปก็เป็นทุกข์ - ปล่อยให้มันผ่านพ้นไปเสีย นึกเสียว่าให้เป็น ทาน ซึ่งก็คือการให้โดยไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทน ให้แล้วไม่มานึกเสียดายเสียใจในภายหลัง ให้เพราะอยากให้ผู้รับได้ใช้ประโยชน์สุขจากการให้นั้น - พึงระลึกมองด้วยกุสโลบายว่า เขาเหล่านั้นเป็นทุกข์อยู่ เป็นผู้ป่วยที่ต้องการสนองความอยากตนเอง จึงพยายามที่จะกระทำไปตามตัณหาความอยากของตนเพื่อสนองความอยากตน ดูน่าสงสารนะเขาคงเป็นทุกข์มากมาย ปล่อยให้เขาทำไปเป็นบุญแก่ตน นี่อย่างนี้ถือว่าคุณได้กระทำในทานบารมี และ อุเบกขาบามีไปในตัวเลยนะครับ อ่านเพิ่มเติมได้ตาม Link นี้ครับ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7455.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7455.0) ตั้งใจอ่านทีละนิดแล้วทำความเข้าใจมันช้าๆ คุณจะทำได้แน่นอนและจะเห็นว่าพระธรรมของพระพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่และครอบคลุมเพื่อให้เราพ้นจากทุกข์ทั้งหลายในชีวิตประจำวันนี้ แต่หากคุณไม่อ่าน คุณดูว่าน่าเบือ หรือไม่ทำความเข้าใจในวิธีที่จะทำให้พ้นจากทุกข์นี้ ผมก็จนใจครับเพราะปัญญาอันน้อยนิดของผมมันรู้ได้แค่นี้ครับตามใน Link ที่ให้ไปนั้นครับ ขออภัยหากช่วยคุณไม่ได้ครับ |