ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขึ้น“ภูเขาทอง”มองกรุงเทพฯมุมสูง ไฮไลท์ย่าน“ประตูผี”...ชื่อน่ากลัวบรรยากาศน่ากิน  (อ่าน 1712 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ขึ้น“ภูเขาทอง”มองกรุงเทพฯมุมสูง
ไฮไลท์ย่าน“ประตูผี”...ชื่อน่ากลัวบรรยากาศน่ากิน



“พระบรมบรรพต” (ภูเขาทอง)
       “ย่านประตูผี” เมื่อได้ฟังแล้วอาจดูน่ากลัว แต่เมื่อยามที่วันเวลาได้ผ่านไปนั้นย่านแห่งนี้ก็ได้กลับกลายมาเป็นอีกย่านหนึ่งที่มีความคึกคักซึ่งมีทั้งที่เที่ยวและที่กิน เป็นอีกหนึ่งย่านที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
       
       แต่เดิมนั้นย่านประตูผีเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของกรุงเทพฯ บริเวณริมคลองโอ่งอ่าง โดยชื่อของย่านแห่งนี้ได้มาจากประตูเมืองที่เป็นเส้นทางสำหรับลำเลียงศพออกจากเขตเมืองของกรุงเทพฯ(เกาะกรุงรัตนโกสินทร์) ในครั้งอดีตที่มีอหิวาตกโรคระบาดและทำให้ผู้คนที่อยู่ในเกาะกรุงล้มตายเป็นจำนวนมาก และจำเป็นต้องลำเลียงศพจำนวนมากนั้นผ่านประตูเมืองดังกล่าวออกมาทำพิธีฌาปนกิจเพราะอยู่ใกล้วัดวัดสระเกศที่สุด ประตูแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “ประตูผี”




พระบรมสารีริกธาตุ” บนยอดภูเขาทอง
       ปัจจุบันย่านประตูผี คือบริเวณ ”แยกสำราญราษฎร์” สี่แยกจุดตัดถนนบำรุงเมืองและถนนมหาไชย ในพื้นที่เขตพระนคร ซึ่งชื่อสำราญราษฎร์นั้นเป็นชื่อที่ทางการตั้งขึ้นใหม่แทนชื่อย่านที่เรียกมาแต่ดั้งเดิมว่า “ประตูผี” โดยบริเวณย่านนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เป็นไฮไลท์ คือ พระบรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง กับวัดสระเกศที่อยู่คู่กัน
       
       สำหรับ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” ตั้งอยู่ริมคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสระเกศ” ซึ่งแปลว่า “การชำระพระเกศา” เนื่องจากพระองค์เคยมาประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง)




ทัศนียภาพด้านบนภูเขาทอง สามารถเห็นกรุงเทพฯ 360 องศา
      ส่วน “พระบรมบรรพต” หรือ “ภูเขาทอง” ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วัดสระเกศ ซึ่ง รัชกาลที่ 3 ทรงมีดำริให้จัดสร้างพระเจดีย์ภูเขาทอง ใว้เป็นปูชนียสถานในพระนครเหมือนดั่งที่กรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งอดีต ทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล เมื่อถึงสมัย รัชกาลที่ 4 จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด ยอดด้านบนสุดนั้นเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีบันไดเวียนขึ้นลง 2 สายสำหรับขึ้นไปบนยอด ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปได้ อีกทั้งบริเวณด้านบนยอดภูเขาทองนั้นสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯได้ถึง 360 องศา โดยในช่วงวันลอยกระทงของทุกปี ทางวัดสระเกศราชวรมหาวิหารจะจัดงานประเพณี เรียกว่า "งานภูเขาทอง"



“แยกสำราญราษฎร์” ย่านประตูผีในปัจจุบัน
       บริเวณย่านประตูผียังมีวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งคือ “วัดเทพธิดารามวรวิหาร” ตั้งอยู่ริมถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฏร์ เขตพระนคร รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สร้างวัดเทพธิดารามวรวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2379 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพและทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานนามว่า "วัดเทพธิดาราม" ซึ่งหมายถึง "อัปสรสุดาเทพ" สิ่งสำคัญในวัดนี้คือ พระปรางค์ทิศทั้งสี่ เป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนบุษบกที่รองรับพระประธานภายในโบสถ์นั้นสวยงามมาก และที่ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของ ”สุนทรภู่” กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อคราวบวชเป็นพระภิกษุ
       
       บริเวณริมถนนแยกสำราญราษฎร์ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารขึ้นชื่อหลายร้าน ที่จะเปิดค้าขายกันในช่วงยามเย็นจนถึงดึก ให้ผู้ที่ได้มาเยี่ยมเยือนย่านนี้แวะชิมแวะกินหรือซื้อกลับติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านก็ได้ (คลิกอ่านเรื่องกินย่านประตูผี)




พระปรางค์และบรรยากาศภายใน “วัดเทพธิดารามวรวิหาร”
       หากใครที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยวสบายๆในเมืองกรุงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันว่างทั่วๆไปย่านประตูผีเป็นหนึ่งในย่านที่มีทั้งที่เที่ยว ที่กิน รอคอยผู้สนใจอยู่ โดยเฉพาะแหล่งอาหารการกินในยามเย็นไปจนถึงค่ำมืดนั้นที่นี่เด่นดังไม่ใช่น้อย     
       
      พระบรมบรรพต” (ภูเขาทอง) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เปิดทุกวัน เวลา 8.00 น. - 17.00 น           
      การเดินทาง : รถประจำทาง: สาย 8, 15, 37, 47, 49 ปอ. 37, 49
      เรือโดยสาร: ท่าผ่านฟ้าลีลาศ (คลองแสนแสบ), ท่าภูเขาทอง (คลองผดุงกรุงเกษม)


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000081435
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ