ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่ แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่  (อ่าน 7508 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หลวงปู่ แหวน สุจิณฺโณ ๑๔
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

จากหนังสือโครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๓

เรียบเรียงโดย รศ.ดร.ปฐม -รศ.ภัทรา นิคมานนท์
มีนาคม ๒๕๔๘

๑๕๒. หลวงปู่เริ่มเป็นที่รู้จัก

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ มาอยู่ที่วัด ดอยแม่ปั๋ง ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ และท่านเริ่มเป็นที่รู้จัก ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๔

กล่าวกันว่า หลวงปู่แหวน ได้เป็นที่รู้จักภายหลังที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโก) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพ สิ้นชีพิตักษัย เมื่อ ๑๐ มกราคม ๒๕๑๔
ในช่วงที่ประชาชนกำลังพูดถึงเรื่องท่านเจ้าคุณนรฯ อยู่นั้นก็มีข่าวแพร่ออกมาว่า " ท่านเจ้าคุณ นรฯ กล่าวว่ามีพระอริยะอีกองค์หนึ่ง อยู่ทางภาคเหนือ"

ไม่ทราบข่าวนี้มาจากไหน และใครได้ยินท่านเจ้าคุณนรฯ พูด ทำให้หลายคนพากันเสาะหา พระอริยะองค์นั้น ต่อมาก็มีข่าวว่า “พระอริยะองค์ที่ท่านเจ้าคุณนรฯ กล่าวถึงคือ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งดอยแม่ปั๋ง นั้นเอง"

และในปี พ.ศ.๒๕๑๔ ปีเดียวกันนั้นเอง ก็มีคณะทหารอากาศชุดของนาวาเอก เกษม งามเอก ได้มาขออนุญาตสร้างเหรียญหลวงปู่ขึ้น บางเสียงก็บอกว่าเป็นเหรียญรุ่นแรก และบางเสียงก็ว่า เป็นเหรียญรุ่นที่สองของหลวงปู่ เอาไว้ให้พวกนิยมเหรียญเขาถกเถียงกันก็แล้วกัน

ต่อจากนั้นก็มีข่าวอีกว่า “หลวงปู่แหวนลอยอยู่บนเมฆ เครื่องบินจะชน"

เรื่องเกรียวกราวกันพักใหญ่ ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่โด่งดังขึ้นมา จนใครต่อใคร ก็พากันแห่ไปชมบารมีหลวงปู่อย่างเนืองแน่นทุกวัน

คณะทัวร์ทุกคณะที่ไปเชียงใหม่ จะต้องมีรายการชมดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และก็มีวัดดอยแม่ปั๋ง อยู่ด้วยเสมอ นับเป็นสถานที่ยอดนิยมในสมัยนั้น

๑๕๓. หลวงปู่เป็นพระดังแห่งยุค

หลวงปู่แหวน ท่านท่องเที่ยวธุดงค์อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่นานกว่า ๕๐ ปี ประชาชนทั่ว ไปจึงไม่รู้จักท่าน เพิ่งจะมาได้ข่าวคราวและรู้จักหลวงปู่ ก็ประมาณปลายปี ๒๕๑๖ เมื่อหนังสือพิมพ์นำประวัติและเรื่องราวอภินิหารต่างๆ ของหลวงปู่มาเผยแพร่

ในหนังสือ พระธาตุปาฎิหาริย์ ของนิตยสารโลกทิพย์ ได้นำลงเรื่องคำบอกเล่าของ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เกี่ยวกับเรื่องราวของหลวงปู่แหวน ตอนที่ท่านเริ่มดัง ผู้เขียนขอคัดลอกนำมาเสนอ ดังต่อไปนี้ :-

" หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เล่าว่า มีทหารอากาศ ขับเครื่องบินเหาะข้ามวัดดอยแม่ปั๋งไป นักบิน คนนั้นตกใจจนหูตาเหลือก เพราะพบหลวงปู่ผู้เฒ่านั่งอยู่บนก้อนเมฆขวางทางบินอยู่ ต้องรีบบังคับเครื่องหลบ ตาลีตาเหลือก ขาบินกลับก็พบหลวงปู่องค์เดิมอยู่บนก้อนเมฆอีก

เมื่อนำเครื่องบินร่อนลงสนามแล้ว นักบินนายนั้นได้ไปกราบนมัสการ เจ้าคณะเชียงใหม่ เรียนถามว่า ที่เชียงใหม่มีพระ องค์ไหนดีบ้าง ที่มีปาฎิหาริย์พิเศษ

เจ้าคณะจังหวัดบอกว่า เห็นมีอยู่องค์หนึ่ง คือหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง หรือดอยสีม่วง (ปั๋ง ภาษาเหนือแปลว่า สีม่วง) แม่ปั๋ง เพื่อที่จะพิสูจน์ดูให้เห็นกับตา เมื่อไปถึงวัดก็พบว่า มีผู้คนมากมาย จากสารทิศต่างๆ มารอพบหลวงปู่แหวน เต็มวัดไปหมด

ปกติหลวงปู่แหวน ไม่ยอมออกมาพบปะผู้ใดง่ายๆ แม้แต่งานฉลองอายุครบรอบของท่าน ที่คณะศิษย์ยานุศิษย์ตลอดจนผู้ที่เคารพเลื่อมใส จากทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลไปจัดงานขึ้น ผู้คนแน่นวัด มืดฟ้ามัวดิน รถราจอดเต็มดอยไปหมด หลวงปู่แหวนก็ไม่ยอมออกมาจากห้องให้สรงน้ำ หรือให้กราบสักการะ แจกของชำร่วย อย่างงานวันเกิดของพระเถระอื่นๆ

หลวงปู่แหวนยังคงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องและหนีคนอย่างอุปนิสัยแต่เดิมของท่าน ท่านจะออกมาจากห้องเป็นปกติ ก็เฉพาะเวลาฉันจังหันเช้า และเจริญพระพุทธมนต์ค่ำเท่านั้น

ทหารอากาศนายคนนี้ไปตอนเช้า พอได้เวลาหลวงปู่แหวน อออกจากห้องมาฉันอาหารเช้า ก็จ้องมองด้วยความตะลึง จำได้ทันทีว่า พระผู้เฒ่าองค์นี้จริงๆ ที่เขาพบบนก้อนเมฆขณะขับ เครื่องบินผ่านดอยแม่ปั๋งไป

เขาจึงแหวกผู้คนเช้าไปกราบนมัสการแทบเท้าหลวงปู่แหวน ด้วยความเคารพเลื่อมใส อย่างสูงสุด น้ำตาไหล ปลาบปลื้มใจ ตื้นตันใจ ที่ตนได้มีบุญได้พบเห็นตัวจริงของหลวงปู่แหวน"

นี่แหละครับ เป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ผู้คนทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลมากราบหลวงปู่แหวน แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง ทำให้ท่านเป็นพระดังแห่งยุค

อ่านต่อที่นี่คะ
http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-wan/lp-wan-hist-014.htm
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0











เผยแพร่โดย winai2493 บน youtube
บันทึกการเข้า

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลวงปู่ แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 04:44:58 pm »
0
***หายป่วยด้วยพลังจิต***

คำอธิษฐาน เรื่องใดก็ตามจะเกิดขึ้นตามที่บุคคลนั้นต้องการได้ต้องอาศัยกำลัง ๔ ประการเป็นองค์ประกอบที่เสมอกันคือ กำลังฌาน ๑ กำลังกสิณ ๑ กำลังใจ ๑ กำลังอธิษฐาน ๑ โดยอาศัยสมาธิและอิทธิบาท ๔ เชื่อมประสาน

กล่าว กันว่า บุคคลใดฝึกฝนอบรมอธิษฐานบารมีด้วยดำรงความซื่อสัตย์ไม่กลับกลอก มีความสามารถบังคับจิตใจได้ดี ยอมเสียสละทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างแม้ชีวิต ย่อมจะเกิดพลานุภาพเกินที่จะคาดคิดได้ว่ามีประมาณเพียงใด

เพราะเมื่อพลังจิตมีกำลังเข้มแข็ง การกระทำและคำพูดแต่ละคำที่เปล่งออกมาก็ย่อมศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์เดชเช่นกัน.
มีเรื่องเล่ากันมาว่า...

สิทธา เชตะวัน และ นิโรธ เกสรศิริ ได้เล่าเรื่องหลวงปู่แหวน ในนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือนมกราคม ๒๕๒๖ ไว้ดังนี้

ครั้ง หนึ่งหลวงปู่แหวนเดินทางมาจากเชียงรายเพื่อจะไปลำปาง เดินทางมาถึงพะเยา ได้อาศัยรถลากไม้จากพะเยาถึงอำเภองาว รถเกิดติดหล่มก็เลยเดินไปก่อน กะจะไปพักหมู่บ้านข้างหน้า ขณะที่เดินทางมานั้นฝนก็ตกพรำตลอดเวลา พอตกเย็นถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เข้าไปอาศัยพักศาลาใกล้หมู่บ้าน

วัน รุ่งขึ้นฉันเสร็จแล้วเดินทางต่อไป สมัยนั้นการเดินทางลำบากเพราะต้องฝ่าซอกหินธารเขาป่าก็เป็นป่าดงดิบพวกทากมี อยู่ทั่วไป เดินทางมาถึงศาลเจ้าพ่อประตูผาก็พอดีพลบค่ำ จะไปหาที่พักที่อื่นก็ไม่ทันเพราะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว จึงอาศัยนอนบนศาลเจ้าพ่อประตูผานั้นเอง

เมื่อ หยุดพักหายเหนื่อยดีแล้วก็ไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์แล้ว ลงไปเดินจงกรมบ้าง นั่งบ้างสลับกันไป เวลากลางคืนพวกเสือมันมาร้องแถวใกล้ๆ ที่พัก แต่ละตัวสามารถล้มวัวทั้งตัวได้อย่างสบาย มันร้องรับกันเป็นทอดๆ ตกดึกอากาศเย็นจัดนอนไม่ค่อยหลับ

พอ สว่างก็ออกเดินทาง ตกบ่ายรู้สึกอ่อนเพลียมาก หนักศีรษะคล้ายจะเป็นไข้ พยายามเดินเพราะอยู่กลางป่าเขาไม่มีหมู่บ้าน เดินไปได้ประมาณสองชั่วโมง รู้สึกว่าอาการไข้เริ่มปรากฏชัด ขารู้สึกว่าจะก้าวต่อไปไม่ไหวอ่อนไปหมด จึงแวะเข้าใต้ร่มไม้ข้างทาง วางกลด วางบาตรแล้วล้มตัวลงนอนหลับไปโดยไม่รู้สึกตัวเพราะพิษไข้ ช่วงเวลาที่หลับไปนั้นนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้

มา รู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงซู่ๆ ของลมพัดยอดไม้ เสียงฟ้าคะนอง ฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ทั่วไป มองไปบนท้องฟ้ามีเมฆดำทะมึนเต็มท้องฟ้า ลมก็พัดกระโชกแรงขึ้น อาการไข้ก็ยังไม่สร่าง ฝนก็เริ่มลงเม็ดห่างๆ จะกางกลดก็สู้ลมพัดไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะไปหลบลมหลบฝนอยู่ที่ไหน ดูเหมือนจะหมดหนทางแก้ไข

เมื่อ ไม่มีทางหลบลมและฝนได้แล้ว จึงรวบรวมกำลังกายลุกขึ้นนั่งสมาธิ ตั้งสัจจาธิษฐานอ้างเอาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ อ้างถึงบุญบารมีของตนที่ได้บำเพ็ญมาตั้งแต่บวชมาด้วยดีว่า “ข้าพเจ้าบวชอุทิศต่อพระพุทธ ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ วันนี้ข้าพเจ้าเดินทางมาจะไปลำปาง เกิดอาการไข้หมดกำลังที่จะไปข้างหน้า ถ้าบุญบารมีของข้าพเจ้ามีอยู่จะได้บำเพ็ญพรหมจรรย์เพื่อทำหน้าที่ดับทุกข์ แล้ว ขอฝนอย่าได้ตกลงมาตรงที่ข้าพเจ้านอนอยู่นี้เลยแล้วแผ่เมตตาต่อเทพารักษ์ผู้ ศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนนาคครุฑผู้มีอำนาจ อธิษฐานบอกกล่าวแก่เขาว่า

“ขอ ได้โปรดบันดาลด้วยอำนาจฤทธิ์ของตนๆ ให้ฝนซึ่งกำลังจะตกลงมานี้ เว้นตรงที่ข้าพเจ้านอนอยู่นี้ ขอให้เปลี่ยนทิศทางไปเสียทางอื่น การที่จะห้ามฝนไม่ให้ตกนั้นมิใช่ฐานะ แต่ขออย่าได้ตกลงมาตรงที่ข้าพเจ้านอน ขอให้ผ่านไปทางอื่น”

เมื่อ อธิษฐานเสร็จแล้วทำจิตให้แน่วแน่แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั่วจักรวาลไม่มี ประมาณ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ขณะที่ฝนกำลังลงเม็ดถี่โดยลำดับนั้น ได้เกิดมีลมพัดมาอย่างแรง จนทำให้ต้นไม้ลู่เอนไปตามทิศทางของลม และด้วยความแรงของลมสามารถทำให้ฝนเปลี่ยนทิศทางไปโดยฉับพลัน ฝนตกห่างจากที่อยู่ไปประมาณ ๑ เส้น วันนั้นฝนตกอยู่นานพอสมควร

พอ ฝนหายแล้ว อาการไข้ก็ยังไม่สร่าง จึงล้มตัวลงนอนต่อไปโดยไม่ได้กางกลด มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลากลางคืนแล้วเนื้อตัวเปียกชุ่มหมดอาจเป็นเพราะ เหงื่อออก หลังจากสร่างไข้ รู้สึกว่าตัวเบา กระหายน้ำ เมื่อดื่มน้ำแล้วร่างกายสดชื่นขึ้นมีกำลัง จึงออกเดินทางต่อไปในเวลากลางคืนนั้น

ที่มาเนื้อหา สามารถตามอ่านเกี่ยวกับหลวงปู่แหวนได้หลายเรื่องที่นี่
http://www.zone-it.com/123545
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน