ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ลี้ภัยพม่า1.2หมื่นคนทะลักเข้าแม่สอด  (อ่าน 4448 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nongmai

  • สมาชิก
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ผู้ลี้ภัยพม่า1.2หมื่นคนทะลักเข้าแม่สอด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2010, 06:38:01 am »
0
http://img703.imageshack.us/img703/6407/121h.jpg[/img]








ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บ
http://www.internetfreedom.us/thread-571.html

คมชัดลึก :นภอ.ท่า สองยาง เผยชายแดนไทย-พม่าด้านอ.ท่าสองยาง ยังปกติไม่มีเหตุรุนแรง ระบุฝ่ายความมั่นคงทหาร-ตชด.ยังตรึงกำลังเข้มก่อนการเลือกตั้ง ห้าม ปชช.ข้ามฝั่งไป รพ.แม่สอด ยันเหตุทหารพม่าปะทะกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.แม่สอดไม่มีผู้เสียชีวิต ระบุมีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ผู้ว่าฯตากสั่งทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์พร้อมรับมือสู้รบ

ผู้ลี้ชาวพม่าทะลักเข้าแดนไทยคาดนับหมื่น
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ลี้ชาวพม่าจาก จังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กว่า 5-6,000 คน ได้ลี้ภัยเข้ามายังเขตไทย โดยเดินทางข้ามแม่น้ำเมย โดยเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 อ. แม่สอด ได้นำมาไว้ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 อ.แม่สอด โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ( ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ) อส. และตำรวจ ในการดูแลผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้ลี้ภัยทยอยมาเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. ของพันเอกนะเคามวย ผู้บัญชาการฝ่ายดีเคบีเอ. ยังมีความมีความตรึงเครียดเหมือนเดิม โดยฝ่ายทหารพม่ายังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด

 นายกิตติศักดิ์ โตมรศักดิ์ นายอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กล่าวว่า หากสถานการณ์ยึดเยื้อ จะมีผู้ลี้ภัยถึง 10,000 คนแน่นอน ส่วนสาเหตุที่ชาวพม่าเข้ามา เนื่องมาจากการสู้รบในฝั่งพม่า และมีข่าวว่า จะมีการสู้รบกับอีก ซึ่งถ้ามีการสู้รบอีกก็จะยืดเยื้อแน่นอน และทราบว่า มีการเจรจากันอยู่ อยากภาวนาให้สามารถเจรจากันได้ เพื่อที่กลุ่มผู้ลี้ภัยจะได้กลับไป

 สำหรับเหตุการณ์ที่มีกระสุนอาร์พีจี. ล้ำเข้ามาตกในเขตไทยในระหว่างการสู้รบนั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมด 10 คน เป็นชาวพม่า 5 คน ชาวไทย 5 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในฝั่งพม่า ซึ่งส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดเมียวดี ส่วนบรรยากาศในจังหวัดเมียวดี ชาวบ้าน ร้านค้า ต่างปิดร้านเก็บตัวอยู่ในบ้าน

ผู้ลี้ภัยพม่า1.2หมื่นคนทะลักเข้าแม่สอด

 นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า ในเวลา 17.10 น. ซึ่งมีรายงานว่ามีกระสุนปืน ค. ตกที่บริเวณตลาดริมเมยจำนวน 2 นัด ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกระสุนปืนเล็กยาวที่พลัดมายังฝั่งไทยบ้างเป็นประปราย เท่านั้นและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

 ส่วนพื้นที่พักพิงชั่วคราวในกองร้อย ตชด.ที่ 346 ล่าสุดมีผู้ลี้ภัยราว 12,000 แล้ว แต่ยังสามารถรองรับได้อีกประมาณ 3,000 คน แต่หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ทางอำเภอก็มีสถานที่รองรับเพิ่มเติมที่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว

รพ.แม่สอดยันเหตุพม่าปะทะกะเหรี่ยงแม่สอดไม่มีคนตาย

 นางปัทมา พงษ์ศรี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอดจำนวน 8 รายหลังจากเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.ในพื้นที่จ.เมียวดี ตรงข้ามตลาดริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเป็นชาวไทย 3 ราย ที่เหลืออีก 5 รายเป็นชาวพม่า ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีแผลถลอกตามร่างกาย ซึ่งเดินทางกลับบ้านได้แล้ว 4 ราย

 ส่วนอีก 4 รายที่เหลือรอดูอาการ เบื้องต้นพบว่ามีอาการนิ้วมือกระดูกแตก แผลข้อมูลด้านขวา กระดูกแขนขวาแตก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจากโรงพยาบาลพะวอว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายเป็นคนไทย รายแรกเป็นหญิงอายุ 20 ปี เป็นแผลที่น่องด้านซ้าย รับยาและรักษาอาการต่อที่บ้าน อีกรายเป็นชายอายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้ง 2 ข้าง นอนรักษาอาการที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด

 "สถานการณ์ภาพรวมตอนนี้แพทย์และพยาบาลถือว่าอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง และได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อย่างเต็มที่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ขึ้น" นางปัทมา กล่าว

ผู้ว่าฯตากสั่งทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์พร้อมรับมือสู้รบ

 นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารพม่าและ ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. ในพื้นที่จ.เมียวดี ตรงข้ามบ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก จนมีกระสุนปืนค. 60 ล้ำตกเข้ามายังเขตไทยหลายนัด เชื่อว่าเป็นเจตนาตั้งใจยิงระเบิดมาตกในฝั่งไทยเพื่อสร้างกระแสสังคมและเปิด สงครามข่าวสารต่อสาธารณะไม่ใช่ลูกหลงจากเหตุปะทะตามปกติ ล่าสุดมีประชาชนชาวพม่าอพยพหนีภัยการสู้รบจากจ.เมียวดีข้ามมาฝั่งไทยแล้วจำนวนมาก หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อคาดอาจสูงถึง 1 หมื่นคน

 เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตชด.และตำรวจ รวมทั้งเจ้าหน้านี้ขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น  ได้เข้ามาดูแลผู้อพยพทั้งเรื่องที่อยู่ อาหาร ตามหลักมนุษยธรรมแล้ว  สำหรับจังหวัดได้กำชับให้ทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมความ พร้อมรับมือไว้ เพราะเกรงว่าภายในคืนนี้อาจมีการปะทะกันจนถึงขั้นแตกหัก และอาจเกิดเหตุจราจลขึ้นจนส่งผลกระทบมายังชายแดนไทย ซึ่งขณะนี้บรรยากาศที่ตลาดริมเมยเป็นไปอย่างเงียบเหงา พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เริ่มอพยพออกมาแล้ว

พม่าเสริมกำลังคุมเข้มชายแดนตอนใต้ด้านเกาะสอง-ระนอง

 แหล่งข่าวด้านความมั่นคงประเทศพม่า ประจำจังหวัดเกาะสอง เปิดเผยว่า จากการที่เกิดการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยทางตอนบนของประเทศ ทำให้ขณะนี้ทางรัฐบาลทหารพม่าได้มีการเสริมกำลังเพื่อรักษาความเรียบร้อยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในส่วนของพื้นที่ภาคใต้หรือเขตตะนาวศรี ทางรัฐบาลทหารพม่าได้ มีการเสริมกำลังทหารจากกองพลที่ 22 กว่า 100 คน จาก จ.สโต รัฐมอญ เข้ามาดูแลความเรียบร้อยในเขตพื้นที่ จ.เกาะสอง และดูแลแนวพรมแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง

 นอกจากนี้ทางรัฐบาลทหารพม่าได้ มีการเสริมเรือรบเพิ่มอีก 2 ลำ จากฐานทัพเรือภาคตะนาวศรี เข้ามาประจำการที่ จ.เกาะสอง เพื่อดูแลรักษาความสงบบริเวณด่านพรมแดน โดยเฉพาะทางทะเล นอกจากนี้ทางทหารพม่าได้มีการเสริมเสบียงทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง อาหารกระป๋อง และผงชูรสจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

 นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวถึงบรรยากาศการค้าขายตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ว่า บรรยากาศทั่วไปยังเป็นปกติ ยังมีการเดินทางข้ามฟากเข้ามาติดต่อ และค้าขายระหว่างกันตามปกติ แต่พบว่ามีรายงานความเข้มงวดในการตั้งด่านตรวจของทหารพม่าบริเวณจังหวัดเกาะสอง ที่เริ่มมีความเข้มงวดมากขึ้น

ที่มา

http://www.komchadluek.net/detail/20101108/78804/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 09, 2010, 06:42:03 am โดย nongmai »
บันทึกการเข้า

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ผู้ลี้ภัยพม่า1.2หมื่นคนทะลักเข้าแม่สอด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2010, 07:52:15 am »
0
อันนี้ถือว่าเป็น เมล์ข่าวสดเลยนะนี่คะ ติดเมืองกาญ ด้วยคะ

ทำไมโลกเราต้องรบรา ฆ่าฟันกันด้วยนะ ทำไมจึงไม่อยู่กัีนอย่างสันติสุข

 :25:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ผู้ลี้ภัยพม่า1.2หมื่นคนทะลักเข้าแม่สอด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 03:21:04 am »
0
http://202.60.207.50/flvstreaming/B48D6FAA125544248E3B6F27027EBCDB.flv
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

chatchay

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 244
  • เกิดเป็นคนต้องมีดี บวชทั้งทีต้องสร้างดีให้กับตน
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ภายใต้สภาพการณ์โลกในยุค Globalization ยังมีเหตุการณ์ “สงคราม” ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ เข่นฆ่ามวลมนุษยชาติต่างถิ่น ทั้งที่จริงหากมองให้ลึกลงไปแล้วต่างก็ไม่ใช่ใครอื่นก็ตามที

เกริ่น มาแบบนี้ในภาวะเช่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นสงครามระหว่างชนกลุ่มน้อย กับสหภาพพม่า ณ ชายแดนฝั่งจังหวัดเมียวดี ซึ่งตรงข้ามกับพื้นที่ จ.ตาก ของไทย และแถบเมืองพญาตองซู ตรงข้ามกับด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี

ผู้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองพม่าทั้งหลายคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก….(และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย)!!!

เนื่อง จากสถานการณ์ชนกลุ่มน้อยในสหภาพพม่า เกิดขึ้นและมีอยู่คู่กันมาจนกลายเป็นสาเหตุของชื่อ “สหภาพ” นั่นหมายถึงความไม่สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้กับบรรดา “ชนชาติ” มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ ฯลฯ

ทว่าเป็นธรรมดา เมื่อการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 20 ปี เพิ่งเกิดขึ้นแต่กลับถูกประนามจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึงความไม่เป็นธรรม…

มอง ในมุมชนกลุ่มน้อย ที่ต่างก็รู้กันว่าถูกหนุนหลังโดยกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ย่อมต้องแสดงฤทธิ์เดช ขณะเดียวกันในมุมรัฐบาลสหภาพพม่าก็หาใช่เวลาที่จะนิ่งเฉยรอรับผลการประนาม จากสังคมโลก..!!

และทั้งหมดนั่นก็คือเหตุผลที่มาลงเอยเป็น “สงคราม” เฉกเช่นเดียวกับการแสดงแสนยานุภาพผ่านการสู้รบทั่วไป โดยล่าสุดเช้าวันนี้ (9 พ.ย.53) ทางการไทยได้รับข่าวยืนยันว่าการสู้รบดังกล่าวได้ยุติลงแล้ว โดยทหารพม่าสามารถผลักดันกองกำลังกระเหรี่ยงดีเคบีเอ ออกจากนอกพื้นที่เมืองเมียวดีได้เป็นผลสำเร็จ

ในทุกครั้งที่มีภาวะ สงครามมีการบาดเจ็บล้มตาย ย่อมทำให้คนข้างหลังได้รับบทเรียน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหน้า 1 ของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยพม่า คือ การแสดงออกถึงความไม่เข้าใจแก่นแท้ของประชาธิปไตย ส่งผลการ “เลือกตั้ง” กลายเป็นปัญหา

สิ่งนี้น่าจะ เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับรัฐไทยด้วย หาใช่แค่ผลกระทบจากชนกลุ่มน้อย 2 หมื่นคนผู้หนีภัยสงคราม หรือ ระเบิดเอ็ม 79 ที่เป็นข่าวฮือฮา…!!!

ที่มา
http://news.mthai.com/hot-news/93433.html
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
โทษอันใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินแล้วต่อพระรัตนตรัย ด้วย กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ขอพระรัตนตรัย โปรดจงงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ

chatchay

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 244
  • เกิดเป็นคนต้องมีดี บวชทั้งทีต้องสร้างดีให้กับตน
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ผู้ลี้ภัยพม่า1.2หมื่นคนทะลักเข้าแม่สอด
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 05:17:38 am »
0
http://video.nationchannel.com/data/6/2010/11/09/bhib7afchdjbbk5fejekk.flv


คมชัดลึก :ผู้ ว่าฯเมียวดียันการสู้รบพม่า-ดีเคบีเอยุติแล้ว ผู้ลี้ภัยอพยพกว่า3พันคนทยอยเดินทางกลับประเทศแล้ว ขณะที่ผู้ว่าฯตาก เผย เหตุสู้รบสงบลงข่าวกรองแจ้งดีเคบีเอถอนกำลังจาก จ.เมียวดีแล้ว

 (9พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยกาศที่สนามฟุตบอลที่ร้อยตชด.346 อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า มีผู้ลี้ภัยพักพิงราว 15,000 คน โดยกางเต้นท์สนามอยู่ทั่วบริเวณ ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด ขณะที่องค์กรเอกชนหลายองค์กรทยอยเดินทางเข้าแจกอาหารและน้ำดื่ม ขณะเดียวกันแม้จะมีการยืนยันว่าการสู้รบสงบลงแล้ว แต่ก็มีรายงานว่ายังมีผู้ลี้ภัยบางส่วนยังทยอยเข้ามาเนื่องจากไม่มั่นใจความ ปลอดภัย และเวลา 06.40 น.วันนี้ มีรายงานว่ามีกระสุนปืนค.ตกลงมายังฝั่งไทยใกล้ตลาดริมเมยอีก 1 ลูก แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บและผุ้เสียชีวิต ส่วนร้านค้ายังปิด โดยมีกำลังทหารของไทยตรึงกำลังอยู่ตลอดแนว โดยมีการปิดกั้นไม่ให้รถทุกชนิด และคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกในบริเวณดังกล่าว

 เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ที่กองร้อย ตชด.346 อ.สอด จ.ตาก พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยนายวุฒิ สิทธิสุราษฎร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายกิตติศักดิ์ โตมรศักดิ์ นายอำเภอแม่สอด และตัวแทนฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองได้ร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์ ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับกองกำลังกระเหรี่ยงพุทธ (ดีเคบีเอ)

 พล.ท.วรรณทิพย์ กล่าวภายหลังว่า ขณะนี้มีการติดต่อไปยังผู้ว่าฯเมียวดี รวมถึงมีการประสานงานระหว่างคณะกรรมการทีบีซี ระดับท้องถิ่นของสองฝ่าย โดยช่วงเช้าวันนี้ ได้รับการยืนยันจากผู้ว่าฯเมียวดีว่าการสู้รบได้ยุติลงแล้ว โดยทหารพม่าได้ผลักดันกองกำลังกระเหรี่ยงดีเคบีเอ ออกจากนอกพื้นที่เมืองเมียวดีแล้ว

 ล่าสุดฝ่ายไทยจะส่งรองผู้ว่าฯตาก เข้าหารือและประเมินถึงความปลอดภัย หากทั้งหมดยืนยันแล้ว เราจะผลักดันผู้ลี้ภัยกลับ ส่วนในเรื่องระยะเวลายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะส่งกลับเมื่อไหร่ แต่หากทางผู้ว่าฯเมียวดีการันตีถึงความปลอดภัยแล้ว จะให้รองผู้ว่าฯ ตาก เดินนำผู้ลี้ภัยทั้งหมดข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ไปส่งผู้ลี้ภัยถึงเมืองเมียวดี

 ด้านนายพจน์ หรูวรนันท์ นายอำเภอพบพระ จ.ตาก กล่าวว่า มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยเตรียมพื้นที่ไว้หลายจุดในการรองรับผู้อพยพจากพม่า แต่ละจุดสามารถรองรับผู้อพยพได้จุดละ 1500 คน  ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่รุนแรง ยังไม่จำเป็นต้องอพยพชาวไทย แต่ถ้าประเมนสถานการณ์ว่ามีการสู้รบการหนักมากขึ้นอาจจะต้องมีการอพยพ ประชาชนชาวไทยในหมู่บ้านตามแนวชายแดน ประมาณ 5 หมู่บ้านที่อาจะได้รับผลกระทบ

 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกะเหรี่ยง 3 ฝ่าย ในพื้นที่ อ.พญาตองซู ประเทศพม่า ตรงข้ามชายแดน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่า การสู้รบดังกล่าวส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของพม่า 4 นาย ได้รับบาดเจ็บและและเสียชีวิต 1 นาย ในจำนวนนี้ นายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกรวมอยู่ด้วย

 อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา  ร.อ.เอวัน ผู้นำกองกำลังทหารกะเหรี่ยง ดีเคบีเอ สามารถคุม 8 อาสาทหารพรานของพม่าได้ ขณะที่มีรายงานว่า กองพลของทหารพม่า 1 กองพัน ได้เคลื่อนเข้าสู่อำเภอพะยาตองซู เพื่อช่วยเหลือกองกำลังทหารพม่าประมาณ 100 นาย ที่นำโดย พ.ท.อ่องวิน ไข่ ที่ถูกทหารกะเหรี่ยง 3 ฝ่าย โอบล้อมอยู๋ในขณะนี้

 สำหรับบรรยากาศในตลาดสดอำเภอสังขละบุรี ซึ่งห่างชายแดนพื้นที่การสู้รบประมาณ 20 กม. พลุกผล่านไปด้วยชาวพม่าและมอญ เนื่องจากบริเวณชานแดนด่านเจดีย์สามองค์ ไม่มีข้าวปลาอาหารจำหน่าย จึงจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาซื้อในตัวตลาดดังกล่าว

 ด้าน นางหน่อย ไม่มีนามสกุล อายุ 30 ปี แม่ค้าขายข้าวแกงในตัวตลาดสังขละบุรี  กล่าวว่า มีญาติอยู่ฝั่งพม่าเล่าให้ฟังว่า มีชาวพม่าประมาณ 100 คน ที่ยังหลบซ้อนอยู่ในป่าฝั่ง อำเภอพญาตองซู ไม่มีอาหารกิน ซึ่งต้องไหว้วานพม่า ที่มีบัตรประจำตัว ที่ออกให้โดยทางการไทย เข้ามาซื้ออาหารเข้าไปแจกจ่ายกันรับประทาน ทำให้ตนขายอาหารได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว.

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.10 น.วันนี้ พล.ต.ตะวัน  เรืองศรี ผบ.พล.ร. 9 ในฐานะ ผบ.กกล.สุรสีห์ พร้อมคณะเดินทางมายังรร.บ้านซองกาเรีย สาขา บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยคณะผบ.พล.ร.9 ได้ประชุมหารือกับ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกว่า 30 นาที

 ต่อจากนั้นได้ตรวจเยี่ยมผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่ เดินทางหนีภัยจากการสู้รบจำนวนประมาณ 3,000 คน จากนั้นคณะพล.ต.ตะวัน เดินทางต่อไปยังวัดพระเจดีย์สามองค์เพื่อเยี่ยมผู้อพยพอีกจำนวนกว่า 500 คน และเดินทางต่อไปยังด้านหลังพระสยามเทวาธิราช บริเวณด่านพระเจดีย์สามองค์ซึ่งเป็นบริเวณที่ลูกปืน เอ็ม 79 ตก 4 ลูก เสร็จแล้วจึงเดินทางต่อไปยังที่ตั้งหน่วย ชป.ฉก.ลาดหญ้า เพื่อประชุมหารืออีกครั้งแล้วจึงเดินทางกลับ

 นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการต่อผู้อพยพว่า นับจากการที่มีผู้อพยพเข้าในพื้นที่ด่านเจดีย์สามองค์ ได้ทำการเจรจากับผู้อพยพและได้ข้อตกลงว่า หากวันนี้ (9 พ.ย.) เหตุการณ์สงบลงดีขึ้น ทางผู้อพยพจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปดูแลบ้านเรือน แต่หากเกิดการสู้รบอีกก็สามารถเดินทางข้ามมายังประเทศไทยได้อีก ซึ่งเป็นการให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็ม ใจ โดยขณะนี้ทาง ผู้อพยพเริ่มเก็บข้าวของและทยอยเดินทางกลับไปยังฝั่งประเทศพม่าแล้ว

นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารพม่าและกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ในจ.เมียวดี ประเทศพม่า ตั้งแต่เวลา 07.00 น.ไม่พบว่าเกิดเสียงปืนหรือเสียงระเบิดขึ้นแล้ว แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมายังมีชาวพม่าอพยพ มาจากจ.เมียวดีเข้ามาเพิ่มอีกกว่า 200 คน ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากในพื้นที่จ.เมียวดี แจ้งว่ากองกำลังดีเคบีเอได้ถอนกำลังออกไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งจากวิเคราะห์คาดว่าสถานการณ์การสู้รบน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว

 ในส่วนของการผลักดันผู้อพยพชาวพม่าที่ ลี้ภัยสงครามกว่า 15,000 คนนั้นขณะนี้อาศัยอยู่ค่ายผู้อพยพที่กองร้อย ตชด.346 อ.สอด เพียงแห่งเดียว ไม่ได้มีการถ่ายเทไปสถานที่อื่นแต่อย่างใด ขณะนี้มีหน่วยงานเอ็นจีโอ เหล่ากาชาด มูลนิธิต่างๆ คอยให้ความดูแลแจกจ่ายอาหารและน้ำ

 ส่วนเรื่องการผลักดันกับพื้นที่นั้นภายใน 1-2 ชั่วโมงจะจับตาอย่างใกล้ชิดเกิดการปะทะกันอีกหรือไม่ หากเหตุการณ์สงบ ก็จะเร่งผลักดันชาวพม่าให้กลับจ.เมียวดีอย่างเร็วที่สุด

ผู้ลี้ภัยอีกครึ่งพันผวาไม่กล้ากลับ

 ล่าสุดบรรยากาศภายในกองร้อย ตชด.346  อ.แม่สอด จ.ตาก ช่วงเย็นยังคงมีชาวพม่าที่อพยพหนีภัยสู้รบตกค้างอยู่ในจุดลี้ภัยชั่วคราวประมาณ 500 คน จากการสอบถามชาวพม่ารายหนึ่งที่ลี้ภัยมาเล่าว่า  สาเหตุที่ยังไม่ยอมกลับเพราะช่วงที่อพยพหนีเข้ามาในฝั่งไทย ระหว่างทางพบและเดินผ่านศพทหารพม่าจำนวนมาก แม้ว่าทางการพม่าจะแจ้งมายังทางการไทยว่าสถานการณ์คลี่คลายและปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังไม่ไว้วางใจ

 รายงานข่าวแจ้งว่า  สำหรับความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่ ตกค้างอยู่ราว 500 คนในกองร้อย ตชด.346 เป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะเดียวกันเครื่องกันหนาว เช่น ผ้าห่มก็มีไม่เพียงพอ ซึ่งผู้อพยพที่เหลือมีเด็กเล็กอยู่ถึง 100 คน

 แหล่งข่าวองค์กรเอกชน หรือเอ็นจีโอ ของไทยรายหนึ่งที่เข้ามาดูแลผู้อพยพชาวพม่า กล่าวตำหนิ UNHCR ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลผู้อพยพโดยตรงว่า เร่งรีบถอนเต็นท์และที่กำบังลมออกไปทั้งที่ยังมีผู้อพยพตกค้างอยู่ โดยอ้างว่ายังมีผู้ลี้ภัยจุดอื่นอีกจำนวนมากที่ต้องไปช่วยเหลือ

 รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า  ในวันที่ 10 พฤศจิกายน รองแม่ทัพภาคที่ 3 จะเดินทางมายังกองร้อย ตชด.346 เพื่อพูดคุยให้ผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่ยังตกค้างอยู่เดินทางกลับ

สลดพม่าปะทะกะเหรี่ยง9ขวบถูกค.81ดับ                   

             ความคืบหน้ากรณีสู้รบที่ชายแดนตรงข้ามอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 ในฐานะ ผบ.กองกำลังสุรสีห์ที่คุมกำลังดูแลพื้นที่แนวชายแดนด้านจังหวัดกาญจนบุรีถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เปิดเผยถึงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อ.สังขละบุรีจ.กาญจนบุรี ว่า หลังจากมีการสู้รบกันระหว่าง ทหารพม่า และกำลังทหารกะเหรี่ยง ดีเคบีเอ ได้มีประชาชนชาวพม่าอพยพ เข้ามาอาศัยอยู่ตามแนวเขตชายแดนเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดพื้นที่ให้กับประชาชนเหล่านี้ได้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว และยังมีองค์กรต่างๆ ได้ทยอยนำสิ่งของมาบริจาคเพื่อช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งไม่มีปัญหาสำหรับผู้อพยพและขณะนี้ได้จัดพื้นที่พักคอยไว้จำนวน 2 จุด คือ บริเวณวัดถ้ำแก้วสวรรค์บันดาลมีผู้อพยพทั้งหมด 300 คน และบริเวณโรงเรียนบ้านซองกาเลียซึ่งเป็นจุดที่ใหญ่ที่สุด มีผู้อพยพทั้งหมด 3,000 คน ซึ่งมี่ทั้งเด็ก และคนชรา 
         
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบจากการสู้รบกันระหว่างทหารพม่าและ ทหารกะเหรี่ยง ดีเคบีเอ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหลายราย แต่ภาพที่น่าเวทนามากที่สุดสำหรับผู้ที่เห็นเหตุการณ์รวมทั้งเจ้าหน้าที่ พยาบาลที่ช่วยกันยื้อชีวิตเอาไว้ต่างมีน้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสาร คือ กรณีของ เด็กหญิง มิล ซินตั้ว อายุ 9 ขวบ ชาวพม่าซึ่ง กำลังอยู่ในวัยซุกซน ซึ่งขณะมีการยิงปะทะกันของกำลังทั้งสองฝ่าย ด.ญ.มิล ซินตั้ว พร้อมกับพ่อและแม่ได้วิ่งเข้าไปหลบอยู่ที่บริเวณวัดเสาร้อยต้น อ.พญาตองซู สหภาพพม่า ขณะที่กำลังจะหาที่หลบซ่อนภายในวัด จู่ๆก็มีระเบิดเข้ามาตกภายในวัด และด.ญ.มิล ถูกสะเก็ดระเบิดเจาะเข้าที่บริเวณกลางหลัง และบริเวณใบหูด้านซ้าย อาการสาหัส ส่วนผู้เป็นแม่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้รีบอุ้มร่างของเด็กหญิง มิล ข้ามมายังฝั่งไทยและเจ้าหน้าที่ของไทยได้รีบนำตัวส่งไปรักษาที่สถานีอนามัย บ้านพระเจดีย์ แต่ต้องมาเสียชีวิตระหว่างนำส่งไปรักษา สำหรับสะเก็ดชนิดดังกล่าวคือ สะเก็ดจากระเบิด ค.81

ที่มา
http://www.komchadluek.net/detail/20101110/78884/%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%879%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84.81%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A.html#source_video
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
โทษอันใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินแล้วต่อพระรัตนตรัย ด้วย กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ขอพระรัตนตรัย โปรดจงงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ