ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ‘วิปฏิสาร’..อย่า ‘ผิดนาน’ มันไม่ดี !  (อ่าน 3149 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28519
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
‘วิปฏิสาร’..อย่า ‘ผิดนาน’ มันไม่ดี !
« เมื่อ: สิงหาคม 18, 2012, 09:35:32 am »
0



อย่า ‘ผิดนาน ’มันไม่ดี !
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพระชาย วรธัมโม

    เราทุกคนต่างเคยทำผิดพลาดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น
    แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกผิดนั้นคาใจนานเกินไป
    เพราะทำให้บั่นทอนกำลังใจในการดำเนินชีวิตโดยเปล่าประโยชน์
    ความรู้สึกทุกข์ใจร้อนใจอยู่ไม่เป็นสุข อันเนื่องมาจากความผิดที่ตนเคยทำไว้เรียกว่า
    ‘วิปฏิสาร’ (อ่านว่า วิบ -ปะ-ติ-สาน)
    บ่อยครั้งคนเรามักเก็บวิปฏิสารไว้นาน จนเวลาล่วงผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ว่าความผิดนั้นจะร้ายแรงเพียงใด เราควรละวางวิปฏิสารนั้น แล้วเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นใหม่

 
   ในพระไตรปิฎกมีเรื่องเล่าว่าในสมัยพระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะ ภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาอยู่ในถ้ำติดชายทะเลอยู่เพียงรูปเดียว วันหนึ่งขณะสรงน้ำมีเรือแล่นผ่านมา ท่านเห็นตะไคร่น้ำเป็นพุ่มยาวออกมาจากใต้ท้องเรือจึงนึกสนุกโผกายเข้าไปจับตะไคร่น้ำแล้วปล่อยให้เรือลากตัวท่านไปจนตะไคร่น้ำขาดออกจากกัน
   ขณะนั้นท่านรู้ตัวว่าตนเองต้องอาบัติเสียแล้วเพราะมีพุทธบัญญัติข้อหนึ่งระบุว่าห้ามภิกษุพรากของเขียว หมายถึงห้ามภิกษุตัดต้นไม้หรือทำพืชทุกชนิดขาดออกจากกัน หากทำเช่นนั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์
 
   อาบัติปาจิตตีย์จะระงับได้ต่อเมื่อภิกษุได้แสดงอาบัตินั้นแก่ภิกษุอีกรูปหนึ่ง แต่ภิกษุรูปนี้จำพรรษาอยู่ในถ้ำริมทะเลเพียงรูปเดียวยังหาภิกษุอื่นมาร่วมแสดงอาบัติไม่ได้ ท่านจึงตั้งใจไว้ว่าหากพบเจอภิกษุท่านใดผ่านมาจะแสดงอาบัติทันทีเมื่อมีโอกาส จนกระทั่งมีเหตุให้ภิกษุรูปนี้เสียชีวิตไปในขณะที่ยังหาภิกษุรูปอื่นมาปลงอาบัติไม่ได้ ในใจก็ยังติดข้องอยู่ในอาบัตินั้น

    ความติดข้องนี้เป็นเหตุให้ภิกษุรูปดังกล่าวไปเกิดเป็นพญานาค
    ทั้งๆ ที่ท่านบำเพ็ญเพียรมานานน่าจะไปจุติบนพรหมโลกหรือไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่า
    แต่ก็ไม่สามารถไปเกิดได้เพราะจิตติดข้องอยู่กับอาบัติเพียงตัวเดียว

 
    แท้จริงแล้วอาบัติปาจิตตีย์เป็นเพียงอาบัติเล็กน้อย
    การทำตะไคร่น้ำขาดมิได้เป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จึงไม่น่ามีผลให้ภิกษุรูปดังกล่าวต้องไปเกิดเป็นพญานาค     
    พระพุทธเจ้าบัญญัติสิกขาบทข้อนี้ขึ้นมามีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันมิให้ภิกษุทำลายต้นไม้ทำลายธรรมชาติ
    แต่ด้วยจิตที่ติดข้องอยู่กับอาบัติเพียงเล็กน้อยทำให้ต้องไปเกิดเป็นพญานาค และเป็นพญานาคที่มีลักษณะแตกต่างจากพญานาคทั่วไป ตามลำตัวมีเกล็ดเหมือนตะไคร่น้ำลุ่มล่ามนุงนังไปหมด

    เนื่องจากขณะวาระจิตใกล้ดับจิตปรุงแต่งแต่เรื่องที่ตนเคยทำตะไคร้น้ำฉีกขาดเมื่อไปเกิดเป็นพญานาคจึงทำให้มีเกล็ดคล้ายตะไคร่น้ำไปด้วย
    หากภิกษุรูปดังกล่าวสามารถทำความเข้าใจได้ว่า
    อาบัติข้อนี้พระพุทธองค์บัญญัติขึ้นมาเพื่อป้องกันมิให้ภิกษุตัดไม้ทำลายป่า
    และการทำตะไคร่น้ำฉีกขาดก็ไม่ได้เป็นบาปกรรมอะไร
    ก็คงไม่ต้องไปเกิดเป็นพญานาคเช่นนั้น





เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนสนิทของผู้เขียนที่เรียนมาด้วยกันตอนมัธยมเพิ่งมาเล่าให้ฟังว่าตอนอยู่ ม.ปลายตนเองท้องแล้วไปทำแท้ง สาเหตุเนื่องจากเวลานั้นพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงตั้งแต่เช้าวันหนึ่งไปจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน (พ่อแม่ที่ชอบทะเลาะกันให้ลูกเห็นควรหยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย

    เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบกับเด็กๆ เหมือนอย่างกรณีนี้) เธอรู้สึกทุกข์ใจมากที่เห็นพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงทุกวัน จึงไม่อยากกลับบ้านเพราะบ้านกลายเป็นนรกไปแล้ว ด้วยความเป็นวัยรุ่นยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอจึงไปอยู่กับแฟนซึ่งเรียนอยู่ระดับเดียวกันในที่สุดก็ตั้งท้องขึ้นมา
 
   เวลานั้นเธอตัดสินใจว่าถ้าไม่ยุติการตั้งครรภ์ อนาคตของเธอและของแฟนคงดับวูบเพราะยังเรียนหนังสือกันอยู่ พ่อแม่ก็พึ่งไม่ได้เพราะเอาแต่ทะเลาะกันทุกวันในที่สุดจึงตัดสินใจไปทำแท้ง
 
   ผู้เขียนได้ฟังก็รู้สึกสงสารที่เพื่อนต้องพบเจอกับประสบการณ์ที่รุนแรงในชีวิตและเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่า ๒๐ ปีแล้ว แต่เพื่อนก็ยังเก็บความรู้สึกผิดที่ตนเคยทำแท้งไว้ในใจตลอดมา จึงให้ธรรมะไปว่าให้ละความรู้สึกผิดนั้นไปเสีย

    เหตุการณ์ได้ผ่านมานานแล้ว การที่รู้สึกผิดมาตลอด ๒๐ กว่าปีก็ถือว่าเป็นการสำนึกผิดที่นานพอแล้ว ระหว่างนั้นเธอทำบุญมาตลอด เชื่อว่าป่านนี้ดวงวิญญาณคงไปเกิดเป็นลูกคนอื่นไปแล้วเพราะในสังสารวัฏฏ์นี้มีการหมุนเวียนกันตลอดเวลา ไม่มีใครอยู่ในภพภูมิใดภพภูมิหนึ่งอย่างถาวร

 
   แต่ถ้ายังรู้สึกไม่ดีก็ควรแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณที่ได้ทำพลาดไป แผ่เมตตาให้เขาทุกวันเท่าที่สามารถระลึกได้ ไม่จำเป็นต้องไปทำบุญแก้กรรมเสียเงินเป็นหมื่นเหมือนอย่างที่บางวัดจัดงานแก้กรรมทำแท้งกันเอิกเกริก แค่สวดมนต์เจริญเมตตาภาวนาให้เขาทุกๆ วันก็ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมและเป็นสัมมาทิฏฐิที่สุด แล้วดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความมีเมตตากรุณากับคนอื่นๆ ช่วยเหลือคนทุกข์ยากเท่าที่จะช่วยได้ แล้วเรียนรู้ที่จะไม่ทำพลาดอีก
 
  "โอวาทปาติโมกข์" ที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมในวันมาฆบูชาก็กล่าวไว้ชัดเจนว่าให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส ในขณะที่เรายังเป็นปุถุชนบางครั้งก็ยังทำผิดพลาดกันได้ การทำจิตใจให้ผ่องใสเบิกบานจึงเป็นหัวใจของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชีวิตของคนเราจะดำเนินไปข้างหน้าได้อย่างมีคุณภาพก็ต่อเมื่อมีจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน   

    หากจิตใจติดขัดด้วยความรู้สึกผิดอันเกิดจากการทำพลาดในอดีต ชีวิตทั้งชีวิตก็เปรียบเหมือนกับการตกนรกทั้งเป็น หากจิตใจไร้ความสุขเสียแล้วจะมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิต ดังนั้นเราควรเรียนรู้ที่จะละทิ้งความรู้สึกผิดในตัวเองออกไปเสีย

 



   ผู้เขียนเคยไปเที่ยววัดๆ หนึ่ง ในวัดแขวนป้ายไว้น่ากลัวว่า “ทำแท้ง รีดลูกบาป ตกนรก ตกอับ หากินไม่เจริญ”
 
    เราเข้าใจดีถึงเจตนารมณ์ของคนเขียนป้ายว่าคงเป็นห่วงผู้หญิงและชีวิตน้อยๆ ในครรภ์ แต่ป้ายคำสอนลักษณะนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการซ้ำเติมคนที่กำลังเป็นทุกข์ ทำให้คนที่ทุกข์ใจอยู่แล้วไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความทุกข์ได้

     หากบังเอิญมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งเคยทำแท้งมาเจอป้ายนี้เข้า การมาวัดของเธอเพื่อหวังจะได้ความสงบใจก็อาจจะตกนรกไปในบัดดล เพราะหลังจากเธอเห็นป้ายนั้นเธอคงตราตรึงไปกับความรู้สึกผิดบาปไปอีกนานจนยากจะแกะออก และอย่าเข้าใจผิดว่าผู้หญิงเท่านั้นที่รู้สึกผิด แม้ผู้ชายเองก็รู้สึกผิดได้เช่นกัน
 
    เคยมีโยมผู้ชายคนหนึ่งเล่าความทุกข์ใจให้ฟังว่าตนเองเคยสนับสนุนภริยาให้ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ เพราะเศรษฐกิจในครอบครัวเวลานั้นยังไม่พร้อมจะมีบุตร ซึ่งในที่สุดผู้เขียนก็ต้องให้ธรรมะปลอบใจไม่ซ้ำเติมเพื่อให้ชายคนนั้นมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป ชายผู้นั้นจึงรู้สึกดีขึ้น
 
    การเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดามักเผชิญกับความทุกข์ใจจากการทำผิดพลาดในอดีตอยู่เสมอ การรักษาจิตใจให้แจ่มใสเบิกบานจึงเป็นสิ่งจำเป็น จิตใจที่แจ่มใสเบิกบานเป็นที่มาของชีวิตที่เป็นสุข จิตใจที่แจ่มใสเบิกบานยังเป็นมงคลข้อสุดท้ายในมงคล ๓๘ ประการ นั่นคือมี ‘จิตอันเกษม’

    แต่การจะมี ‘จิตอันเกษม’ ได้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่เราทำลงไป ชีวิตของแต่ละคนมักตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกทดสอบให้ทำผิดพลาดกันได้เสมอ หากเราไม่อยากเผชิญกับวิปฏิสารจากเรื่องผิดพลาด เราควรมีสติคิดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังกับทุกเรื่องที่เรากำลังตัดสินใจกระทำลงไป เพราะเมื่อพลาดไปแล้วเราก็ต้องกลับไปสู่วังวนของความทุกข์ใจที่ยากจะหลุดพ้น

    สิ่งที่ดีที่สุดคือการดำเนินชีวิตด้วยความมีสติรอบคอบ มีชีวิตที่ไม่ประมาท แต่หากพลาดพลั้งไปก็ควรเริ่มต้นใหม่ด้วยการทำความดีและไม่หวนกลับไปพลาดซ้ำอีก

    หากผู้เขียนเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น เราจะนำป้ายนั้นออกแล้วเขียนเสียใหม่ว่า

    “สิ่งใดทำไปแล้ว มันเป็นอดีตไปแล้ว วันนี้เริ่มต้นทำความดีกันใหม่ดีกว่า”

    บางทีป้ายใหม่อันนี้อาจช่วยแก้ปมวิปฏิสารของคนที่เข้ามาวัดได้มากมายมหาศาลทีเดียว ขณะเดียวกันก็อย่าเผลอทำผิดซ้ำ...ผิดซ้ำผิดนานมันไม่ดี


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20120817/137845/อย่า‘ผิดนาน’มันไม่ดี!.html#.UC74TaDvolg
http://www.mcot9725.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ‘วิปฏิสาร’..อย่า ‘ผิดนาน’ มันไม่ดี !
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 01:18:45 pm »
0
เป็นบทความที่ดี นะคะ อ่านแล้ว รู้สึกดีคะ ถ้าคนที่ได้กระทำความผิด และ ผู้ที่ถูกกระทำความผิด คิดได้ตรงนี้การอภัย จึงเป็นสิ่งที่ควรจะได้ทำเป็นเรื่องแรกคะ เห็นด้วยคะเพราะเห็นในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้นก็ยังปรากฏส่วนนี้เป็นเครื่องขัดเกลาใจด้วยการกล่าวคำขอขมา แสดงการขอขมา ตั้งกาย วาจาแสดงออกเพื่อการ ถอดซึ่ง วปฏิสาร นี้ออก

   อันที่จริงจะใช้คำให้สับสนมากไป ถ้าใช่คำตรง ๆ จะเข้าใจง่ายดีกว่า คะ

   วิปปฏิสาร ก็คือ พยาบาท ที่ประกอบด้วย โมหะ มีมานะทิฏฐิ เป็นเครื่องบ่งการ

  บางครั้ง คนเรารู้ว่า กระทำผิดผิด รู้อยู่เต็มอก รู้อย่างเต็มใจ ว่าได้กระทำผิดแต่ เพราะทิฏฐิไม่ยอม จึงฝังพยาบาท เอาไว้ ย่อมให้ใจเป็นทุกข์ คนเราสร้างอกุศลไว้ ไม่มีทางสบายใจ ถ้าสร้างกุศลไว้ ก็มีเรื่องสบายใจ

  เพื่อนของ Goodbye โปรดได้เข้าใจเรื่องนี้ด้วยคะ

   รักจริง ร้างลา ไม่ได้
   รักจริง เลิกลา ก็ไม่ได้
   รักจริง ก็ต้อง ทำความเข้าใจกัน

   :58: :58: :58:
บันทึกการเข้า

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ‘วิปฏิสาร’..อย่า ‘ผิดนาน’ มันไม่ดี !
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 01:19:51 pm »
0
ควรแก่การอนุโมนา ด้วยสาระ คะ ขอบคุณ จขกท.ด้วยคะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า