ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - หมิว
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10
161  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: การแปะลิงก์ที่เป็นภาษาไทย ไม่ให้เป็นตัวอักษร ที่ไม่ใช่ภาษาไทย เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 11:58:36 am


ขอบคุณมากคะ  :c017:
162  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ‘เปิดจองคอนโดฯ...ผี’ เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2012, 12:22:56 pm
อย่างนี้น่าสนับสนุน คะ เพราะเคยเห็น คุณพ่อ คุณแม่ ไปสร้างที่วัดชลประทาน ก็ทำเป็นที่บรรจุไว้บนกุฏิด้วยคะ ทราบว่า ทุกหลังก็ทำกันอย่างนี้ นะคะ

 สาธุ

  :25: :c017:
163  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แพงหรือไม่ ค่ารถไฟฟ้า BTS ใหม่ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 09:23:58 am
164  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ควันบุหรี่ มีเอี่ยวกับ “สมาธิสั้น“ ในเด็ก เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 09:20:02 am
เด็กๆ ที่เจอกับควันบุหรี่ หรือที่เรียกกันว่า ''บุหรี่มือสอง'' มีโอกาสจะมีปัญหาการเรียนรู้และปัญหาพฤติกรรมมากกว่าเพื่อนๆ

ในวัยเดียวกัน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ทีมวิจัยจาก Harvard School of Public Health พบว่าการได้รับบุหรี่มือสองมีความเสี่ยงจริงกับปัญหาพฤติกรรมและยังมีโอกาส เป็นโรคสมาธิสั้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะโทษบุหรี่สักทีเดียว เพราะเป็นไปได้ว่าพ่อแม่ที่สูบบุหรี่อาจมีปัญหาเดียวกันมาก่อนแล้วตกลงสู่ ลูกหลาน

อย่างไรก็ดี การลดหรือเลิกบุหรี่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ฝากคุณพ่อคุณแม่ดูแลหน่อยนะคะ
165  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้เขายิ้มได้ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 09:18:59 am
วิธีง่ายๆ ที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและยิ้มได้เวลาอยู่ใกล้คุณ หรือในบางเวลาที่เขามีความรู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่วิ่งเข้ามา

หน้าที่ของเราคือการทำให้เขาสบายใจ และสร้างบรรยากาศผ่อนคลายเมื่ออยู่ด้วยกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเฮฮาจนถึงขั้นเล่นตลกให้เขาหัวเราะ แต่แค่ลองเลือกใช้วิธีง่ายๆ 5 วิธีนี้ดู รับรองว่าชายผู้เป็นที่รักของคุณจะต้องรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
   
1. ส่งข้อความบอกรักเบาๆ 
       
ใน ระหว่างวันคุณลองส่งข้อความไปที่โทรศัพท์มือถือเขาด้วยคำสั้นๆ ที่หวานซึ้ง ถึงแม้เขาไม่ได้ตอบกลับแต่มั่นใจเถอะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเก็บยิ้มไว้ ได้ เว้นแต่ผู้ชายคนนั้นจะหมดรักคุณแล้วเท่านั้นแหละ
   
2. ถามคำถามที่ทำให้เขาดูเป็นผู้รู้ 
         
ผู้ชาย ชอบที่จะโชว์ความรอบรู้บนโลกใบนี้ให้สาวๆ รู้สึกว่าเขาช่างเก่งเหลือเกิน เทคนิคง่ายๆ ที่สร้างความภูมิใจให้เขาก็คือ ลองถามคำถามในเรื่องที่เขามีความชำนาญ นี่ไม่ได้แนะนำให้คุณเฟคใส่เขานะคะ แต่เราควรเติมกำลังใจให้คนที่เรารักเพื่อความรู้สึกของเขาบ้าง
   
3. ชมให้เขามั่นใจตัวเอง 
       
ใน ช่วงเวลาที่เขารู้สึกท้อแท้ คุณควรชมเขาด้วยความจริงใจในข้อดีที่เขามีต่อคุณและคนรอบข้าง อย่างน้อยก็ช่วยลดแรงกดดันจากปัญหาที่เขากำลังเผชิญ และทำให้เขารับรู้ว่าเขายังมีคุณอยู่เคียงข้างเสมอ
   
4. ให้เขาอ่านไดอารี่ที่คุณเขียนถึงเขา 
       
นับ ตั้งแต่วันแรกที่คุณได้ออกเดตกับเขาจนถึงวันนี้มีเรื่องราวมากมายและความ รู้สึกดีๆ มากแค่ไหน ทั้งหมดรวมอยู่ในไดอารี่เล่มเล็กที่คุณจดบันทึกไว้ เมื่อเขามีโอกาสได้อ่านนอกจากจะคงซาบซึ้งใจในความรักที่คุณมีให้เขาแล้วยัง ช่วยให้ชีวิตรักของคุณหวานซึ้งขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ
   
5. ชวนเขาทำในสิ่งที่เขาชอบ 
     
ใน อารมณ์ที่เขาเบื่อหน่ายกับอะไรรอบข้าง คุณลองชวนเขาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เขาโปรดปรานดูสิ เช่น ถ้าเขาชอบเล่นกีฬาก็ลองชวนเขาไปออกกำลังกายเพื่อคลายความตึงเครียดซัก 2-3 ชั่วโมง หรือถ้าเข้าเป็นหนุ่มติดเกมส์ ลองเล่นเกมส์กับเขาดูซักครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนานพร้อมเสียงหัวเราะ
         
มาถึงข้อห้ามที่สาวๆ ไม่ควรหักหาญน้ำใจชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ถึงแม้บางข้อมันอาจดูไร้สาระเกินไปสำหรับสาวที่มีความมั่นใจสูงบางคน แต่เชื่อเถอะว่าในบางมุมผู้ชายก็มีอารมณ์ที่เปราะบางและเอาใจยากอยู่พอควร
     
5 สิ่งที่ทำให้เขาหุบยิ้มทันที       
   
1. ชวนเขาไปเดินช็อปปิ้ง 
         
ผู้ชาย ส่วนใหญ่ไม่ชอบเดินเรื่อยเปื่อยดูอะไรสวยงามแบบผู้หญิงหรอก มันยิ่งทำให้เขาเบื่อมากขึ้นทวีคูณ เว้นแต่คุณจะชวนเขาไปดูอะไรที่เขาสนใจและอยากได้นั่นแหละ
   
2. เปิดละครดราม่าให้เขาดูด้วยกัน 
         
อย่า ว่าแต่ละครดราม่าบ่อน้ำตาแตกเลย นอกจากถ่ายทอดสดฟุตบอล หรือ ข่าวภาคค่ำแล้ว เขาเหล่านั้นไม่คิดจะเปิดรับข่าวสารอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้ ชวนเขาดูซีรี่แนวแอคชั่น หรือภาพยนตร์แนวไซไฟน่าตื่นเต้นดีกว่า มันจะช่วยให้เขาอยากใช้เวลากับคุณด้วยรอยยิ้มมากขึ้น
   
3. พูดถึงจุดบกพร่องของเขา 
         
ถึง แม้เป็นแค่คำตำหนิที่เล็กน้อยก็เถอะ แต่พวกเขาจะพลันหมดอารมณ์ขันขึ้นมาในบัดดล ทำใจเถอะนะว่าพวกเขาไม่ต้องการได้ยินคำตักเตือนใดๆ ที่ออกมาจากปากคุณหลอก แต่ถ้าต้องการให้เขาปรับปรุงล่ะก็..เปลี่ยนเป็นขอร้องเขาดีๆ จะเวิร์คกว่า
   
4. ทำเหมือนเขาไร้ความสามารถ 
         
หาก เขาทำสิ่งใดแล้วผิดพลาดหรือไม่สำเร็จ อย่าเชียวนะ!!! อย่าตำหนิหรือยื่นข้อเสนอว่าคุณอาจทำได้ดีกว่าเขา เพราะความมั่นใจว่าเขาเป็นผู้นำจะพังทลายลงทันที ถ้าเขาทำไม่สำเร็จจริงๆ ก็ลองให้คุณและเขาช่วยกันทำดีกว่าขโมยซีนทำแทนเขาดีกว่า
   
5. ให้เขาทำงานบ้าน 
       
ผู้ชาย ร้อยทั้งร้อยคิดว่านี่เป็นหน้าที่ผู้หญิง(ถึงแม้บางคนจะปฏิเสธไม่ได้ก็เถอะ) เพราะฉะนั้นการออกคำสั่งหรือการแบ่งหน้าที่ๆ ชัดเจนมันจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายวันหยุดที่ต้องมานั่งทำความสะอาดบ้านไป เลย เทคนิคง่ายๆ ที่ทำให้เขายอมรับว่าเราควรช่วยเหลือกันก็คือ อย่าบังคับให้มันเป็นหน้าที่ตายตัว แค่ให้เขาเป็นลูกมือในบางเรื่องก็พอแล้วล่ะ
166  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ในการปฏิบัติ กรรมฐาน มีการกำหนดเวลาอย่างไร ในการเข้าออก เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2012, 11:26:18 am
ในการปฏิบัติ กรรมฐาน มีการกำหนดเวลาอย่างไร ในการเข้าออก
คือสงสัย ว่าเวลาเราหลับตา ก็ไม่เห็นนาฬิกา แล้ว จะรู้เวลาขณะนั้นได้อย่างไร ว่าผ่านไป มากน้อย เท่าใด ในการภาวนา ในรอบ นั้น ๆ
 :smiley_confused1: :c017:
167  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การนั่งสมาธิ ที่ดี ควรทำอย่่างไร คะ เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2012, 11:24:24 am
อยากทราบว่า การนั่งสมาธิ ที่ดี นับเวลากันเป็นหลัก หรือ ว่า พิจารณา อย่างไร ?

  เำพราะเห็นหลาย ๆ ท่าน วัดกันที่เวลา ว่าใครนั่งได้ อึด กว่ากัน ประมาณนี้ คะ
 
  :smiley_confused1: :coffee2:
168  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การนั่งสมาธิ ที่ดี ควรทำอย่่างไร คะ เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2012, 08:44:59 am
การนั่งสมาธิ ที่ดี ควรทำอย่่างไร คะ
คืออยากได้เแบบเข้าใจ ง่าย ๆ คะ เอาเป็นภาคปฏิบัติ ไม่ต้องเรียนมาก อ่านมาก ทำความเข้าใจมาก คะ

  :c017: :25:
169  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ฟังเรื่อง กฏแห่งกรรม เรื่อง ตายก่อนบวช แล้วรู้สึกดีมากคะ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2012, 11:43:35 am
สนใจอ่านด้วยเช่นกัน คะ เรื่องเป็นมาอย่างไร คะ

 :c017: :s_hi:
170  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากถามเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร กับพระที่ใช้ Facebook คะ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2012, 11:23:49 am
อยากถามเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร กับพระที่ใช้ Facebook คะ
คือไปอ่านมา และ ฟังเพื่อน ๆ เป็นแง่ลบมากกว่า คะ... ส่วนใหญ่เท่าที่เห็น
ใน Facebook เขาโพสต์ด่ากันเลยนะคะ.....

  จึงอยากทราบความเห็นของเพื่อน ๆ ที่มี เพื่อนเป็น พระที่ใช้ Facebook กันอยู่คะ


 :58: :c017:
171  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไม นาค จึงห้ามบวชพระ คะ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2012, 11:20:51 am
ทำไม นาค จึงห้ามบวชพระ คะ แล้วจะสามารถปฏิบัติธรรม บรรลุเป็นพระอรหันต์ในชีวิตนาค ได้หรือไม่คะ

สงสัย ต่อเนื่องจากคำถาม เรื่อง ท้าววิรูปักข์ คะ

  :smiley_confused1: :c017:

  นั่นสินะคะ ทำไม ถึงห้ามนาคบวช อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่ใช่มนุษย์ แล้วปัญหา พระที่ท่านบวชให้จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาค หรือ ไม่เป็น นาค นี่แหละคะ มีิวืิธีใด ๆ ที่จะรู้คะ

  :smiley_confused1: :s_hi:
172  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 15 วิธีคลายร้อนในบ้าน คะ เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2012, 01:06:23 pm
ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อให้ไม่ต้องไปเจอกับแดดร้อน ๆ ที่เผาจนผิวแทบไหม้ในตอนกลางวัน แต่อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นก็อาจทำให้เราต้องช็อกกับบิลค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจจากการเปิดแอร์ทั้งวันได้เช่นกัน

ดังนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขออาสานำเคล็ดลับดี ๆ ในการคลายร้อนให้กับบ้านของคุณโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมากมาฝาก ลองไปอ่านกันดูเลย...


1. เปลี่ยนผ้าม่านของคุณเป็นม่านแบบโซล่า ซันสกรีน ชั่วคราว เพื่อจะได้ช่วยกันแสงแดดได้ดีขึ้น ในขณะที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเหมือนเดิม

2. ใช้ฟิล์มกรองแสงเคลือบหน้าต่างห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก และตะวันออก เพื่อกันแสดงแดดแรง ๆ ที่จะส่องเข้ามาในบ้าน

3. ติดกันสาดเฉียงประมาณ 45 องศาบริเวณหน้าต่าง เพื่อลดแสงแดดที่เข้ามาในห้องได้ถึง 65 - 77 %

4. เลือกใช้หลังคาสีอ่อนและพ่นฉนวนกันความร้อนอีกชั้น จะช่วยกันความร้อนที่แผดเผาเข้ามาผ่านหลังคาได้ดีขึ้น

5. ใช้สีสว่าง เช่น สีขาวแต่งห้อง จะได้ไม่ดูดความร้อนเหมือนสีเข้ม ๆ เช่น สีดำ



6. ปลูกต้นไม้บริเวณหน้าบ้าน และหาไม้ประดับเล็ก ๆ มาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะในห้องที่อยู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เพื่อให้อากาถ่ายเทได้มากขึ้น

7. เปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนเป็นพิเศษ

8. เลือกซื้อพัดลมแบบติดเพดาน อากาศในห้องจะได้ถ่ายเททั่วถึงมากขึ้น โดยไม่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงมากนัก

9. ใช้หลอดไฟแบบตะเกียบ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้ความร้อนในห้องลดลงด้วย

10. พยายามอย่าเปิดหน้าต่างในช่วงกลางวัน ลมร้อนจากข้างนอกจะได้ไม่เข้ามาสะสมภายในบ้าน

11. หากคุณไม่คิดจะเปิดแอร์ตอนกลางคืน ก็ควรเปิดหน้าต่างไว้ เพื่อให้ลมเย็นในช่วงกลางคืนเข้ามาในบ้าน

12. อย่านำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ไปไว้ใกล้ ๆ เครื่องปรับอากาศ เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น จนประสิทธิภาพลดลง

13. พยายามใช้ไมโครเวฟ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง แทนเตาแก๊ส ที่จะทำให้ไอร้อนอบอวลอยู่ในบ้าน

14. เปิดประตูห้องน้ำ และห้องนอน ไว้เสมอ จะช่วยให้อากาศในบ้านถ่ายเทมากขึ้น

15. ใช้กระเบื้อง หรือหินอ่อนปูชั้นล่าง เพราะกักเก็บความเย็นจากพื้นดินได้เป็นอย่างดี

เพียงแค่ทำตาม 15 เทคนิคง่าย ๆ นี้ ก็จะช่วยให้บ้านของคุณคลายร้อนลงได้มาก ลองเลือกดูข้อที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ แล้วนำไปลดความร้อนให้บ้านกันนะจ๊ะ
173  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แม่น้ำป่าสักวิกฤตหนักในรอบปี หลังระดับน้ำในแม่น้ำลดแห้งลงอย่างผิดปกติ 1 พ.ค.55 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:28:17 am


วันที่ 1 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่น้ำป่าสักวิกฤตหนักในรอบปี  หลังระดับน้ำในแม่น้ำลดแห้งลงอย่างผิดปกติ เนื่องจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำกักเก็บเพียง 26% เท่านั้น และปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนที่ 25 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)/วินาที มาตามแม่น้ำป่าสัก และเมื่อมาถึงเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนน้อยทำให้โขดหินโผล่พื้นน้ำจำนวนมาก มองดูแล้วเหมือนแก่งหินในแม่น้ำโขง ทำให้เรือบรรทุกสินค้าไม่สามารถลากจูงเรือเดินเรือผ่านไปได้เหมือนปกติ และต้องจอดแช่ค้างแห้ง เกยตื้น จอดติดชายตลิ่งในเขต ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา หรือใกล้วัดตองปุ เป็นจำนวนหลายร้อยลำ  ระยะทางยาวกว่า 5กิโลเมตร

 

เรือที่จอดริมตลิ่งต.บ้านเกาะ จะรอเวลาน้ำทะเลหนุนและทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และระดับน้ำเจ้าพระยาจะไหลหนุนเข้าแม่น้ำป่าสักที่ อ.พระนครศรีอยุธยา  มีเรือลากจูงบางขบวนเรือรีบและไม่สามารถรอเวลาได้ ได้นำเรือยนต์ลากจูงหลายลำมาพยายามที่จะลากเรือลำเลียงผ่านจุดดังกล่าว แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากและอันตรายต่อท้องเรือที่ตะครูดไปกับก้นแม่น้ำและยังสิ้นเปลื้องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

 

ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา ออกประกาศแจ้งเตือนเรือสินค้าให้ระมัดระวังการลากจูงเรือช่วงน้ำขึ้น ร่องน้ำแคบสวนทางกันอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย


ขอบคุณที่มาข่าว
http://www.matichon.co.th
174  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรรมะ ๓๖๐ องศาหัวใจ.. เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:20:43 am
ธรรมะ ๓๖๐ องศาหัวใจ..


ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/

ทุกองศาของความรู้สึก..
ในชีวิตของเรา..
เราจะพบว่า..
การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิด..
เป็นการปรับเปลี่ยนองศาของหัวใจ..
ให้ได้ระดับที่เหมาะสม..
ในมุมที่แตกต่าง..ทั้งสุขและทุกข์..

หากเราใช้ธรรมะ..
มาปรับเปลี่ยนทัศนะความคิดเห็น..
ก็ได้ชื่อว่า..เป็นการปรับเปลี่ยนความรู้สึกในหัวใจเช่นกัน..

ความทุกข์ร้อยแปดพันเก้าปัญหา..
เริ่มต้นจากปัญหาภายในใจ..
ความสุข ๓๖๐ องศาของชีวิต..
ก็เริ่มต้นจาก ๑ องศาของหัวใจ..
ที่ปรับเปลี่ยนระดับอารมณ์และความรู้สึก..

ธรรมะ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์..
แม้จะมีมากมาย..หลายหมวด..หัวข้อธรรม..
หากเราได้นำใช้มาในการดำเนินชีวิต..
ระดับองศาของคุณธรรมในจิตใจของเราก็จะเพิ่มขึ้น..
สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางของชีวิตเราได้..ตลอดเวลา..

๓๖๐ องศาของหัวใจ..
เท่ากับ ๑ องศาของความรู้สึก..
พระธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์..
สามารถสรุปรวมยอดแห่งธรรมได้ ๑ เดียวในชีวิต..
นั่นก็คือ..มีสติไม่ประมาท.. 

ขอเพียงเรามีสติ..มีความรู้สึกตัว..
จะทำ..จะพูด..จะคิด..สิ่งใด ๆ..ก็ไม่ประมาท..
มีสติขณะทำ..ขณะพูด..ขณะคิด..
เราก็จะสามารถควบคุมองศาของหัวใจเรา..
ปรับระดับทิศทางของชีวิต..
และเพิ่มระดับคุณค่าแห่งความงดงามลงในจิตใจ..

บทความ..โดย..ชายน้อย.. 

ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย
175  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนแพร่ตื่นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์-แห่ตวงดื่ม สาธารณสุขเร่งตรวจสอบ เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:16:53 am


วันที่ 22 เม.ย. เกิดข่าวลือว่าในพื้นที่ ม.5 ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดได้ดื่มจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

ทำให้ชาวบ้านพากันไปตั้งศาลกราบไหว้ และตักน้ำดื่มหวังหายจากโรงภัยไข้เจ็บ โดย ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านที่ป่วยคล้ายกระดูกทับเส้นเดินไม่ได้ กลับมาเดินได้อีกครั้งหลังจากดื่มน้ำในบ่อนี้ หรือชาวบ้านที่ป่วยเป็นโรคผิวหนัง ก็หายขาดเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ดื่มน้ำเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธ์จริง

อย่างไรก็ตามขณะนี้สาธารณสุขจังหวัดได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว

176  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิศวกรไทยในนาซ่าเตือนอาจมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:14:44 am

ขอบคุณภาพจาก http://www.chaoprayanews.com

ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรไทยในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือองค์การ นาซ่าระบุในเฟ๊สบุ๊คของตัวเองเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า

ขณะนี้โลกกำลังมีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ภายใน 1-4 วันและขอให้ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้รอยแยกเปลือกโลกมีความตระหนักถึงภัยแผ่นดินไหวในครั้งนี้เป็นพิเศษ เขายังระบุอีกว่า การจะทราบผลกระทบเฉพาะพื้นที่ต้องอาศัยข้อมูลในพื้นที่เพราะแต่ละพื้นที่มีคุณสมบัติทางภูมิศาสตร์และและสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ต้องพึ่งการพยากรณ์อากาศของแต่ละพื้นที่

ดร.ก้องภพอธิบายจพิ่มเติมว่า ภัยธรรมชาติในครั้งนี้ถูกกระตุ้นจากพลังงานนอกโลกซึ่งเข้ามามากกว่าปกติและเกี่ยวกับพายุสุริยะ พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนมาในรูปของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและทางธรณีวิทยา นอกเหนือจากการรบกวนระบบสื่อสาร

วิศวกรอาวุโสองค์การนาซ่าระบุต่อว่า จากข้อมูลพลังงานไฟฟ้าที่วัดได้จากดาวเทียม ณ วันนี้ ( 21 เม.ย 55) ระดับพลังงานยังไม่สูงเท่ากับวันที่เข้ามาในวันที่ 11 เมษายน ซึ่งทำให้ความรุนแรงของแผ่นดินไหวยังไม่มากเท่ากับสัปดาห์ก่อน จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเข้ามาที่โลกสูงสุดในวันที่ 21 เมษายนนี้

นอกจากนี้เขายังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในเฟ๊สบุ๊ค Kongpop U-yen ว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์ที่เกาะปาปัวนิวกินี

โดยอ้างอิงจากเวบไซต์

http://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?id=263162
177  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลูกยอดกตัญญู ทิ้งทุกอย่างกลับบ้าน ปรนนิบัติพ่อก่อนวาระสุดท้าย เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 08:09:32 am
เอเยนซีจีน - ได้แต่รอจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของพ่อ โดยมิอาจทำอะไรได้มากไปกว่าการปรนนิบัติ น้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลอยู่ในหัวใจ “ไม่เคยหยุดเลย” เงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้เรียน ขอนำมาซื้อโลงศพให้พ่อก่อน...เพื่อทดแทนพระคุณ
       
       
       
        เรื่องจริงดังนิยาย ของครอบครัวตระกูลเฉิง
       
       “ผมชื่อเฉิง จี้ไหล แม่ของผมสิ้นลมไปหลายปีด้วยโรคมะเร็ง ปล่อยให้พ่อเฉิง อี้ซิง ทำงานหนักในนาเลี้ยงดูลูก 3 คน กระทั่งพี่สาว 2 คนเป็นฝั่งเป็นฝา ผมก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ ต่อมาพ่อเฉิงก็สามารถหาคนดูแลได้ เป็นสตรีหม้ายที่มีอายุมากกว่าพ่อ 10 ปี พวกเรา 3 คน ก็คิดว่าพ่อน่าจะมีความสุขในบั้นปลายชีวิตแล้ว”
       
       “แต่ด้วยภาระงานที่หนักหน่วงตลอดมา ทำให้พ่อเฉิงมีอาการทรุดลงจากความเหนื่อยล้า แทบไม่น่าเชื่อว่าอาการทรุดของพ่อเฉิงจะทำให้พ่อถึงแก่ชีวิต ประกาศิตของหมอบาดลึกเข้าไปในหัวใจบอกว่า “ให้พ่อเฉิงรอวันตาย”
       
        “ผมซึ่งเป็นลูกชายที่กำลังเรียนชั้นปี 2 จึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับมาดูแลพ่อ จนกว่าจะถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย...”
       
       
       
       “ผมใช้เงินค่าเรียน 3,000 หยวนที่ทำงานเก็บเล็กผสมน้อยมาซื้อโลงศพสีดำไว้ให้พ่อ และจากนั้นก็รวบรวมเงินเท่าที่จะหาได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแล”
       
       “แล้วต่อไปจะทำอย่างไร ผมยังไม่ได้คิดหาคำตอบใด ๆ ทั้งนั้น”
       
       เรื่องราวชีวิตชายหนุ่มวัย 24 คนนี้กับบิดาของเขา ก็คล้ายกับชาวจีนอีกนับไม่ถ้วนที่ตกอยู่ในสภาวะยากจนข้นแค้น ต้องสู้ชีวิตอย่างหัวหกก้นขวิด แต่ได้ค่าตอบแทนน้อยนิดและไม่เคยได้รับความสนใจจากสังคม
       
        “หัวใจของพ่อผมอาจจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อ เวลาที่เหลือนี้ไม่รู้จะสักกี่อีกนาที กี่วินาที..” เฉิงน้ำตาไหล... “ผมเคยฝันว่าพ่อผมจะฟื้นขึ้นจากความตาย แต่มันคงเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะทำได้ดีที่สุดก็คืออยู่กับพ่อที่รักจนวินาทีสุดท้าย”
       
       เฉิงกล่าวไปพลาง จุดกระดาษไปพลาง เงาของเขาทอดกระทบโลงศพสีดำที่เตรียมไว้บรรจุร่างไร้วิญญาณของบิดาทางด้านหลัง และเจ้าโลงศพนี้ก็คือน้ำพักน้ำแรงที่เฉิงทำงานพิเศษในระหว่างศึกษาเล่าเรียน
       
       
       
       ครอบครัวตระกูลเฉิง บ้านเดิมอยู่ที่หมู่บ้านอิงเซิ่ง ชานเมืองจังจย่า อำเภอเจิ้นอาน มณฑลซานซี เมื่อปี 2553 เฉิงซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้อง สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ 492 คะแนน เนื่องด้วยเหตุผลด้านสถานภาพทางการเงินของครอบครัวแร้นแค้น เขาไม่สามารถจ่ายค่าเทอมที่แพงลิบได้ ท้ายที่สุดเฉิงตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัยการบินซีอาน โดยหยิบยืมกองทุนค่าเล่าเรียน 6,000 หยวนเพื่อเข้าศึกษาฯ
       
       เฉิงมีพี่สาว 2 คน แม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 ด้วยโรคมะเร็งขณะที่เขาเพิ่งจะ 12 ขวบ ในช่วงหลายปีมานี้ ผู้เป็นพ่อต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อทั้งแม่ ปากกัดตีนถีบดูแลลูก ๆ ทั้งสามคน พี่สาว 2 คนจบการศึกษาแค่ประถมฯ ต่อมาแต่จะคนก็แยกย้ายกันแต่งงานมีครอบครัว
       
        ความฝันสูงสุดของพ่อคืออยากเห็นลูกชายคนสุดท้องเรียนมหาวิทยาลัย และนำชื่อเสียงเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล เพื่อให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับได้ชื่นชมยินดี และเฉิงก็ทำสำเร็จ...
       
       
       
        เฉิง อี้ซิง ผู้บิดาวัย 56 ปี ได้แต่นอนหมดสิ้นเรี่ยวแรง
       
       “ก่อนนี้ ไม่ว่าอากาศจะร้อนสักเพียงใด ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับพ่อ พ่อจะลุกขึ้นสู้งานได้เสมอ แต่ขณะนี้พ่อทำไม่ได้แล้ว”
       
       “เมื่อผมเข้าเรียนมัธยมฯ ในโรงเรียนประจำอำเภอ ซึ่งห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ก็ไม่สามารถดูแลพ่อได้ มีเพียงช่วงปิดภาคฤดูร้อนและวันหยุดหน้าหนาวเท่านั้น ที่จะกลับมาช่วยงานในนาได้”
       
       “พ่อไม่อยากเห็นลูกเหนื่อย จึงเพียงให้ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เห็นพ่อหายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นมากลางหน้าผากขณะลงจอบขุดดิน หัวใจผู้เป็นลูกยิ่งปวดร้าว”
       
       เฉิงและพี่สาวคิดว่า พ่อควรจะมีครอบครัวใหม่ แต่พ่อบอกว่า ตอนนี้ก็อายุ 50 กว่าแล้ว พ่อขอเพียงให้ลูก ๆ มีอนาคตที่สดใส เท่านี้พ่อก็เป็นสุข
       
       
       
        เฉิง จี้ไหล เห็นผู้เฒ่าหลายคนแวะเวียนมาถามไถ่เรื่องพ่อของเขา และท้ายที่สุดก็มีหญิงหม้ายคนหนึ่งเป็นคนทำไม้ขีดไฟ มาถามถึงพ่อ และสุดท้ายพ่อเฉิงก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับแม่เฒ่าที่มีอายุมากกว่าถึง 10 ปี เมื่อเดือน 12 (จันทรคติ) ปี 2551 สามีเก่าของเธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้วและเธอไม่มีลูกติด หลังจากแต่งงานในช่วงปลายชีวิต สองผู้เฒ่าใช้ชีวิตช่วยเหลือกัน ลูก ๆ ก็คลายความห่วงใยลงได้บ้าง
       
       
       
        แต่สิ่งดี ๆ มักจะอยู่ไม่นาน...
       
       ท้ายที่สุดพ่อเฉิงก็ประสบปัญหาทางสุขภาพ เขาไม่ต้องการใช้เงินที่หามาได้ไปเป็นค่าหมอค่ายาที่โรงพยาบาล เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร
       
       รอกระทั่งปี 2554 เทศกาลตรุษจีน เฉิงจึงพาพ่อไปหาหมอ ในเขตฉังอาน เมืองซีอาน หมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ตรง ให้รีบรักษาโดยด่วน
       
       แต่ออกจากโรงหมอแล้ว พ่อเฉิงได้แต่เก็บใบตรวจโรคไว้คนเดียว และไม่บอกเรื่องนี้กับลูก ๆ บอกเพียงว่าพักผ่อนนิดหน่อยก็หาย .. แต่แท้จริงแล้วพ่อเฉิงรู้อาการตัวเองดีเสมอมา และต้องการรอให้พ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลีไปก่อน
       
       แต่หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ห้องครัวในบ้านกลับพังครืนลงมา ต้องยืมเงินจากเพื่อนบ้านมา 6,000 หยวนเพื่อซ่อมแซมใหม่
       
       หลังจากอยู่บ้านพักหนึ่งจนกระทั่งสิ้นปีที่ผ่านมา พ่อเฉิงก็ล้มหมอนนอนเสื่อ วันที่ 14 ธ.ค. 2553 ลูกสาวรีบพาตัวพ่อส่งโรงพยาบาลฉังอาน แพทย์ต่อว่าพวกเขาว่า  “พาพ่อมาช้าเกินไป”
       
       
       
       เมื่อแพทย์ผู้รักษารู้สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัว ก็ได้แต่บอกว่าเซลล์มะเร็งขณะนี้ได้ลุกลามไปทั่วแล้ว การรักษาขณะนี้เพียงยื้อเวลาไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น และความเป็นไปได้ที่จะรักษาต่อไปก็ต้องใช้เงินค่ารักษาแพงมาก
       
        พ่อเฉิงเข้าใจทันทีว่าแพทย์หมายถึงอะไร
       
       วันที่ 30 ม.ค. เฉิง อี้ซิงกลับบ้านที่อำเภอเจิ้นอาน หลังจากอยู่โรงพยาบาลมาเป็นเวลา 45 วัน
       
       
       
       3 วันให้หลัง ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนพ่อ ทุกคนส่ายหน้า บอกให้รีบเตรียมโลงศพไว้เถิด
       
        เฉิงไปตลาดและรู้ว่าโลงศพราคาสูงถึง 3,800 หยวนอย่างต่ำ พี่สาวคนโตจึงรีบกลับบ้านไปหาพ่อตาที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอาหารหนักเช่นเดียวกับพ่อเฉิง ก็บอกว่าจะขอซื้อโลงศพพ่อตามาก่อน พ่อตาก็ตกลงขายให้ในในราคา 3,000 หยวน
       
       
       
       เฉิง จี้ไหล เริ่มทำงานหาเงินมาตั้งแต่เข้าเรียนมัธยม ขณะที่เขาเรียนในมหาวิทยาลัย ค่าครองชีพในแต่ละเดือนอย่างต่ำก็ 500 หยวน พ่อและพี่สาวรวมเงินกันเข้าได้ 200-300 หยวนทุกเดือน และเขาเองต้องหาส่วนที่เหลือเอง
       
        ไม่กี่ปีมานี้ เฉิงตัดสินใจไปทำงานในเขตก่อสร้าง ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือแม้แต่หาบเร่ตามท้องถนน ทำให้สามารถออมเงินได้กว่า 4,000 หยวน เฉิงจะต้องใช้เงินจำนวนนี้จ่ายค่าเล่าเรียน
       
        แต่.. เขาก็ต้องซื้อโลงศพให้กับพ่อ
       
       เฉิงเลือกอย่างหลัง เพราะพ่อคือผู้เลี้ยงดูเขามาแต่เล็กแต่น้อย ไม่มีพ่อก็ไม่มีนายเฉิง จี้ไหลในวันนี้ เฉิงต้องเพิ่มเงินค่าขนส่งโลงศพอีก 100 หยวน ทำให้ขณะนี้เขาใช้เงินไปแล้ว 3,100 หยวน
       
       
       
        ในระหว่างการขนส่ง ภาพวาดฝาโลงบางส่วนไม่ทันระวังก็หลุดลอกออกไป เฉิงโกรธมาก โทษตัวเองว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ดูแลให้ดีที่สุดไม่ได้ และก็ต้องใช้เงินเพิ่ม ความจริงแล้ว เฉิงรู้สึกละอายอย่างที่สุด ที่ต้องซื้อโลงศพที่มีตำหนิให้กับบิดา
       
       
       
       เปิดภาคเรียนใหม่แล้ว เฉิงไม่สามารถไปเรียนได้ ต้องออกจากมหาวิทยาลัยชั่วคราว กลับมาดูแลพ่อที่บ้าน
       
       เมื่อพ่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอได้เขียนใบสั่งยาให้ ยาที่ต้องสั่งมาให้พ่อกินนั้นแพงแสนแพง พี่สาวคนรองที่ทำงานอยู่ในซีอาน ก็รีบไปตลาดขายส่งยาและเวชภัณฑ์ เพื่อซื้อยาในราคาที่ถูกลง
       
        ทุกครั้งที่ต้องซื้อยา พวกเขาต้องโบกรถไปและกลับ (ในภาพถ่ายเมื่อ 21 มี.ค. อำเภอเจิ้นอาน มณฑลซานซี ขณะที่เฉินกำลังหาซื้อยาระงับปวดให้กับบิดา)
       
       
       
       เฉิงต้องกลายเป็นหมอดูแลบิดา ทุกวันต้องตื่นมาทำความอะอาดบาดแผลกดทับและเปลี่ยนยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ต้องเสียบไว้ที่ทวารหนักต้องเปลี่ยนวันละ 1 ถึง 2 ครั้ง ราคายาที่สวนทวารถูกสุดหลอดละ 7 หยวน ขณะที่คุณภาพดีขึ้นมาหน่อยก็อยู่ที่ 22.9 หยวน
       
        เฉิงต้องใช้สำลีพันก้านฆ่าเชื้อในการทำความสะอาด เฉิงระมัดระวังโดยใช้กระดาษทิชชูทำความสะอาดบาดแผลของผู้เป็นพ่อทุกครั้ง ของเสียที่พ่อขับถ่ายออกมาแต่ละครั้งนั้นต้องใช้ทิชชูจำนวนมากในการทำความสะอาด อย่างน้อยก็ 2 ม้วนต่อวัน
       
       
       
        ทุกครั้งที่เปลี่ยนยา พ่อจะรู้สึกเจ็บปวดสุดขีด พ่อขบฟันแน่นร้องว่า “ขอให้ฉันตายเถอะ ลูกๆ จะได้พ้นทุกข์พ้นโศกเสียที”
       
       ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพ่อ เฉิงไม่อาจห้ามน้ำตาไว้ได้ ปล่อยให้ไหลลงกระทบร่างกายของพ่อที่ผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
       
        “พวกเราไม่มีเงินพอซื้อยาระงับปวด และยาระงับที่ได้มามีฤทธิ์อ่อนใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ดังนั้นพวกเราได้แต่ดูพ่อเจ็บปวดโดยทำอะไรไม่ได้เลย” เฉิงกล่าวทั้งน้ำตา
       
       
       
       สมัยเรียน มีสาวหลายคนพึงพอใจเฉิง แต่เขาไม่กล้ารับรักใครทั้งสิ้น ผู้หญิงเหล่านั้นต้องการเงิน ซึ่งเขาไม่มีเงินพอจะซื้อแม้กระทั่งขนมเพื่อพิชิตใจพวกเธอ
       
        เฉิงสูงเมตรกับอีก 73 ซ.ม. และหนักเพียง 50 กว่ากิโล ส่วนพ่อที่นอนอยู่บนเตียงนั้นนับวันจะยิ่งซูบซีด น้ำหนักพอ ๆ กับถุงเส้นแป้งเท่านั้น แต่ที่น้ำหนักยังพอมีอยู่บ้าง ก็เพราะว่าขาทั้งสองข้างนั้นบวมเต่งขึ้นมา
       
       
       
        วันที่ 21 มี.ค. ขณะที่พ่อเฉิงอาการหนัก เฉิง จี้ไหลและพี่สาวเดินทางมายังศูนย์การแพทย์ในอำเภอถึง 5 ครั้ง เพื่อสอบถามถึงเงินสงเคราะห์จากรัฐบาล ที่พ่อพึงจะได้รับ เพราะขณะนี้ร้อนเงินมาก ต้องรีบซื้อยา
       
       
       
        เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ นายโข่ว เจิ้งผิง หัวหน้าศูนย์การแพทย์ก็ทำการเบิกจ่ายค่ายาให้กับครอบครัวของเฉิงในเบื้องต้นก่อน
       
       
       
        เงินช่วยเหลือนี้สามารถเบิกได้เพียง 41 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยานอกบัญชียาหลักกว่า 10,000 หยวนนั้นก็ไม่สามารถเบิกได้ เงินค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลจำนวน 12,020 หยวนนั้น ท้ายที่สุดแล้วเบิกได้เพียง 4,326 หยวนเท่านั้น
       
       
       
        เฉิน จี้ไหล รับเงินค่ารักษาพยาบาลสงเคราะห์จำนวน 4,326 หยวน และลงชื่อกำกับ
       
       
       
        สำหรับครอบครัวของเฉิงแล้ว เงินจำนวนที่เหลืออยู่นั้นสำคัญและจำเป็นยิ่ง เฉิงใช้เงิน 630 หยวน เพื่อซื้อเสื้อผ้าในพิธีฝังศพ และให้หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่งทำรองเท้าผ้าสวมให้กับพ่อของเขา ซึ่งขณะนี้เท้าบวมใหญ่มาก
       
       
       
        ณ ร้านขายส่งเสื้อผ้า เฉิงเดินวนเวียนอยู่หน้าร้านหลายรอบ กว่าจะตัดสินใจเข้าไป ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นป้ายลดราคาขายเสื้อผ้าบางชิ้นอยู่ที่เพียง 20 หยวน
       
       
       
        จากนั้นเฉิงก็พุ่งเข้าไปยังเสื้อผ้าลดราคา หลังจากต่อรองแล้ว ก็ซื้อเสื้อถักชุดหนึ่งให้พ่อราคา 40 หยวน เฉิงหวังว่าพ่อจะได้สวมในขณะที่ยังมีชีวิต
       
       
       
        หลังจากนั้น เฉิงก็มาตลาดสด ใช้เงิน 19 หยวนซื้อปลา เขากล่าวว่าโดยปรกติแล้วพ่อชอบกินซุปปลาตุ๋น แต่หลังจากล้มป่วยพ่อเพิ่งจะได้กินซุปเพียงครั้งเดียวตอนอยู่ในโรงพยาบาลที่ซีอาน
       
       
       
        เช้าวันถัดมา เฉิงป้อนซุปปลาตุ๋นให้พ่อ แต่พ่อกลืนลงไปได้เพียง 2 ช้อน ที่เหลือกินไม่ได้อีกแล้ว
       
       
       
        ครอบครัวของเฉิงใช้เงินที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อรักษาพ่อ บ้านเฉิงมีหมู 2 ตัว เฉิงตัดสินใจขายตัวเล็กซึ่งยังโตไม่เต็มวัยไปตอนที่พ่อเข้าโรงพยาบาล และต่อมาตัดสินใจขายแม่หมู่อีกตัวที่เหลือ แต่พ่อห้ามไว้โดยบอกว่า จากนี้อีกเดือน แม่หมูจะออกลูก ขายไปตอนนี้เสียดาย
       
       เฉิงกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ผมมันไร้ค่า ยืมเงินจากญาติทั้งหมดแล้วเพิ่งจะหาได้แค่ 20,000 หยวน ไม่พอรักษาพ่อ”
       
       
       
       ครอบครัวของเฉิงยากจนเข็ญใจ ตัวบ้านสร้างด้วยดินโคลน แล้วใครเล่าจะกล้าเสี่ยงให้ยืมเงิน อย่างไรก็ดี อาของเขาสัญญาว่าจะให้เงิน 5,000 หยวนหลังจากพ่อเฉิงเสียชีวิต
       
        อาวัย 38 ปีของเฉิงยังไม่ได้แต่งงานคนนี้สัญญาว่า “อย่างไรเสียคนตายแล้วก็ต้องทำศพ ส่วนเงิน 5,000 หยวนที่เก็บมาเพื่อจะแต่งเมียก็ให้พี่ไปเถิด”
       
       
       
        ก่อนหน้านี้มีผู้เฒ่าในหมู่บ้านเสียชีวิตไป 2 คน เฉิง จี้ไหลได้เงินบริจาคจากการจัดพิธีศพมารวมแล้ว 300 หยวน
       
       
       
        เมื่อเห็นว่า วันเวลาบนโลกใบนี้เหลือน้อยลงไปทุกวัน เฉิงจึงได้แต่เตรียมพิธีศพให้กับพ่อ
       
       
       
       
       
        เฉิงนอนห้องเดียวกับพ่อเสมอ นอนข้าง ๆ พ่อของเขา เขาไม่รู้ว่าพ่อจะไปเมื่อไร
       
        กระทั่งตี 1 ของวันที่ 10 มี.ค. พ่อที่นอนไม่ขยับกลับสามารถค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปยังเล้าหมูได้ หน้าต่างห้องยังเปิดอยู่ พ่อเฉิงหยิบขวดยาเคมีเกษตรขึ้นมา เปิดฝาขวดออก...
       
        กลิ่นฉุนของสารเคมีกระทบจมูกของลูกชาย ทำให้สะดุ้งตื่นขื้นมา พลันเห็นพ่อกำลังจะดื่มยาพิษ ก็พุ่งสุดตัวออกจากเตียงยื้อยาพิษออกจากพ่อได้ และเสียงดังของทั้งสองก็ระเบิดขึ้นฟังไม่ได้ศัพท์
       
        เฉิงบอกว่าเขาไม่ได้ต่อว่าพ่อ และพ่อก็สัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ที่พ่อทำไปเช่นนั้นเพราะรู้สึกเจ็บปวดมากและไม่มีเงินพอซื้อยาระงับปวด พ่อจึงตัดสินใจจบชีวิต ไม่ต้องการให้ลูก ๆ ลำบากในการดูแล
       
       เฉิงได้แต่โทษตัวเองว่า ยังเด็กเกินไปไม่สามารถหาเงินได้ ไม่สามารถทำให้พ่อคลายความเจ็บปวดลงได้
       
       
       
        เย็นของวันที่ 21 มี.ค. เฉิง อี้ซิงรู้ว่าเวลามาถึงแล้ว ชีวิตนี้ งานหนักที่แบกรับไว้ ชายคนนี้ที่ไม่เคยเกียจคร้าน ยังคงรู้สึกห่วงหาลูกชาย เขาเรียกลูกเฉิงไปหา บอกว่า “ค่าซ่อมครัว 6,000 หยวนยังไม่ได้คืนเจ้าของเลย เจ้าต้องหามาคืนเขา และต้องดูแลแม่เลี้ยงของเจ้าด้วย และที่สำคัญลูกต้องตั้งใจเรียน”
       
       เฉิงระงับน้ำตาไว้ ได้แต่พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้ว่านี่คือคำสั่งเสียของพ่อ
       
       
       
        กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. 2555 เวลา 21.30 น. นายเฉิง อี้ซิงก็จากไป

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000052514
178  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ไปอ่านมา ครับ มันเกี่ยวกันหรือไม่ครับ เมื่อ: เมษายน 29, 2012, 09:07:27 am
น่าจะเป็นอาการป่วย มากกว่า นะคะ

 :smiley_confused1: :coffee2:
179  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นั่งกรรมฐาน แล้วมีความรู้สึก เหมือนมีคนมานั่งใกล้ ๆ และเดินผ่านไปผ่านมา เมื่อ: เมษายน 29, 2012, 09:06:14 am
น่าจะเป็น วิญญาณ อะไรที่เกี่ยวข้องนะคะ ตอนภาวนาก็กลัวเหมือนกันคะ

 :91: :character0029:
180  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การฝึกจิตเป็นความดี เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:28:18 am


การฝึกจิตเป็นความดี
พุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้แปลความว่า การฝึกจิตที่ข่มยาก ที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่ ย่อมเป็นความดี เพราะว่าจิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้

จิตที่ข่มยาก หมายความว่า จิตเป็นสิ่งที่บังคับยาก ไม่อยู่ในอำนาจใครง่ายๆ เปรียบเหมือนคนเป็นคนดื้อ ยากแก่การสั่งสอนอบรม

จิตที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่ หมายความว่าจิตอ่อนแอ พ่ายแพ้ง่ายต่ออารมณ์ที่น่าใคร่น่าปรารถนา เมื่อพบเห็นสิ่งใดเป็นที่ต้องตาต้องใจ ก็อ่อนแอตกอยู่ในอำนาจของสิ่งนั้น ไม่มีกำลังเข็มแข็งที่จะพิจารณาให้เห็นความควรไม่ควร จึงกล่าว่า จิตเบา หรือจิตอ่อน

แต่ไม่ว่าจิตจะเป็นสิ่งที่บังคับยาก หรืออ่อนแอเพียงไรก็ตาม ผุ้มีปัญญาย่อมสามารถแก้ไขได้ สามารถบังคับจิตตนเองได้ สามารถแก้จิตที่อ่อนให้เป็นจิตที่เข้มแข็งได้ สำคัญที่ว่าต้องมีปัญญาเพียงพอ จึงจะมีความเข้มแข็งเพียงพอ ที่จะเอาชนะจิตที่ดื้อ ที่ข่มยาก ที่เบา คืออ่อนแอได้ ปัญญาต้องเพียงพอ ความเข้มแข็งต้องเพียงพอ ต้องทันกับจิต ไม่เช่นนั้นก็จะเอาชนะจิตไม่ได้ จิตก็จะเป็นฝ่ายชนะ

จิตที่ว่าอ่อนแอนั้นมีความอ่อนที่เป็นภัย เพราะอ่อนให้แก่ความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ไม่อ่อนให้แก่ความดีงาม ตรงกันข้ามจิตที่อ่อนจะแข็งกับความดีงามอย่างยิ่ง ต้องให้ความดีงามที่ประกอบด้วยปัญญา ประกอบด้วยความเชื่อมั่น ต้องศรัทธาจริงจังว่า การข่มจิตให้ลงอยู่ใต้อำนาจของความดีความถูกต้องนั้นเป็นการดี เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง

พุทธศาสนสุภาษิตกล่าวว่า การฝึกจิตการข่มจิตเป็นความดี เพราะว่าถ้าทำได้สำเร็จก็จะมีความสุข เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละจสามารถนำสุขมาให้ได้จริง ฝึกจิตข่มจิตได้เพียงใด ก็จะมีความสุขเพียงนั้น

ความจริงมีอยู่ว่า ความสุขของทุกคนไม่ได้เกิดแต่อื่น แต่เกิดแต่จิตของตนเท่านั้น ที่เข้าใจว่าความสุขอยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่ ความสุขอยู่ที่คนนั้นอยู่ที่คนนี้ หรือความสุขอยู่ที่สิ่งนั้นสิ่งนี้ นั่นเป็นความเข้าใจผิด

ที่จริงความสุขเกิดแต่จิต ความสุขอยู่ที่จิต ถ้าจิตไม่เป็นสุขแล้ว ผู้ใดอื่น อะไรอื่น ก็หาอาจทำให้เกิดความสุขได้ไม่เงินทองแม้มากมายมหาศาล ยศฐาบัดาศักดิ์แม้ยิ่งใหญ่ บ้านเรือนตึกรามแม้มโหฬาร วงศ์สกุลแม้สูงส่ง ก็ไม่อาจทำให้เป็นสุขได้ ถ้าใจไม่เป็นสุข ถ้าจิตเป็นทุกข์ คือเร้าร้อนอยู่ด้วยกิเลส มีโลภ โกรธ หลง เป็นสำคัญ

อารมณ์ที่น่าใคร่ทั้งหลายที่มักจะมีอำนาจเหนือจิตใจที่เบา ที่อ่อน นั่นแหละเป็นเหตุสำคัญแห่งความทุกข์ความร้อนของจิต เมื่อเห็นความจริงนี้แล้ว ก็ย่อมจักยินดีอบรมจิตของตนให้พ้นจากอำนาจของกิเลส ให้เป็นจิตที่อ่อนต่ออำนาจของความดีงาม แต่ให้หนักให้แข็งต่ออำนาจของความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย

เมื่อใดสามารถอบรมจิตได้ ข่มจิตได้ แม้เพียงพอสมควร จึงจิตให้พ้นจากความอ่อนต่อความชั่วร้าย คือสิ่งที่น่าใคร่น่าปรารถนาพอใจทั้งหลาย แม้เพียงพอสมควร ก็จะได้รู้รสความสุขที่แตกต่างจากความสุขที่เป็นความร้อนเช่นที่พากันเสวยอยู่ พากันคิดอยู่ว่า เป็นความสุขที่พอใจแล้ว

: บุญ เป็นหลักใหญ่ของโลก
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 


ขอบคุณบทความจากธรรมจักรดอทเน็ต
181  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จังหวะ และ โอกาส บุญหรือ กรรม ที่บันดาล เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:19:35 am



ชีวิตของคนเรา มีขึ้นและมีลง บางช่วงก็ตกต่ำ บางช่วงก็รุ่งโรจน์
บางคนเลยสรุปว่า ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับดวง มีดวงกำกับอยู่

ที่จริงแล้วนั้น ขึ้นกับจังหวะชีวิต คือต้องดูให้ดี ๆ ดูจังหวะก้าว จังหวะถอย
สรุปคือ เราทำได้ ที่จริงแล้วชีวิตไม่ได้ขึ้นกับอะไร เพียงส่วนเดียวโดด ๆ
ไม่ได้ขึ้นกับสิ่งภายนอกทั้งหมด และไม่ได้ขึ้นกัยตัวเราเองทั้งหมด
แต่มันมีทั้ง สองอย่าง ร่วมกันไป แล้วแต่ว่าอย่างไรมากกว่ากัน

สิ่งสำคัญ เราต้องมีช่องและโอกาส ต้องเสาะหา ช่องทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ต้องแสวงหา และฉวยโอกาส วิ่งเข้าหาโอกาสเสมอ
ไม่ต้องรอให้โอกาสลอยมาหาเรา

ของบางอย่างทำด้วยวิธีการอย่างหนึ่ง ได้ผลระดับหนึ่ง
แต่ทำด้วยอีกวิธี กลับได้ผลดีกว่า อย่างคาดไม่ถึง

ของบางอย่างอยู่กับบางคน เป็นของธรรมดา
แต่พอตกไปอยู่กับอีกคนหนึ่งนั้น ได้ผลลัพธ์ดีเลิศ

ลองมาดูเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูว่าเขาทำอะไรกับ จังหวะชีวิต ช่องทาง หรือ โอกาสของเขาบ้าง

มีชาวแคว้นเช่งคนหนึ่ง ได้คิดปรุงยาป้องกันผิวหนังแตก ขนานหนึ่ง
มีสรรพคุณดีมาก ใครใช้ทามือทาเท้าในหน้าหนาว ผิวหนังก็จะไม่แตก
มีชายหนุ่มคนหนึ่งจากแคว้นอู่ ได้ทราบเรื่อง จึงรีบมาพบคนปรุงยานี้ เพื่อขอซื้อยา
และบอกคนปรุงยา ว่า ข้าพเจ้าขอซื้อยาของท่านด้วยเงิน 100 ตำลึง ท่านยินดีขายหรือไม่ ?

คนปรุงยา ตัดสินใจอยู่นาน เห็นว่า ก่อนนี้ขายยาได้ครั้งละไม่กีอัฐ
ถ้าตกลงขายได้เขาได้เงินมากกว่าหลายเท่า จึงได้ตกลงขายให้ทันที

เมื่อชายหนุ่มคนนี้ ซื้อยามาได้ ก็นำไปถวายให้พระราชา
โดยให้บรรดานักรบ ใช้ยาทาตามมือ และเท้า ในช่วงหน้าหนาว
เพื่อไม่ทำให้ผิวแตก และสามารถชนะชัยในการรบได้

ทำให้ชายหนุ่มนั้น ได้รับตำแหน่งเป็นขุนนาง และ ได้รับรางวัลเป็นเงินด้วย..

อ่านมาถึงนี้แล้ว เราท่านจึงต้องขวยขวายสร้างโอกาส และเตรียมพร้อมตลอดเวลา
เมื่อจังหวะและโอกาสเข้ามา ก็กระโจนและทุ่มเทให้เต็มกำลัง ความสามารถ
ถ้าไม่เตรียมพร้อม  พอจังหวะเข้ามา ก็ต้องมานั่งเสียเวลา
กว่าจะได้ลงมือทำ ก็จะกลายเป็น  “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ไฟ
182  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนไทยจุกพ.ค.ขึ้นค่าไฟ38สตางค์ ไฟเขียวลดดีเซลอีก 1 เดือน เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:16:02 am

คนไทยจุกพ.ค.ขึ้นค่าไฟ38สตางค์ ไฟเขียวลดดีเซลอีก1เดือน



นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2555

มีมติเห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลามาตรการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่ระดับ 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือน โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.2555 จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยที่ประชุมครม.พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังจำเป็นที่จะต้องขยายระยะเวลาลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง สำหรับรายได้ที่รัฐสูญเสียไปเดือนละประมาณ 9,000-10,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับทราบว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เป็นวงเงินถึง 5.5 หมื่นล้านบาท สูงกว่ายอดการจัดเก็บในช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มภาษีใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ภาษีสรรพสามิตดีเซลที่เดิมเป็นรายได้ที่รัฐหวังว่าจะจัดเก็บได้เป็นจำนวนมาก ก็ยังไม่มีการจัดเก็บเพราะเห็นว่าจะส่งผล กระทบต่อประชาชน ซึ่งรายได้ของรัฐที่เพิ่มขึ้นจากภาษีมูลค่าเพิ่มก็มาทดแทนในส่วนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์)

จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาหาข้อสรุปตัวเลขการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) โดยเรื่องนี้ เรกกูเลเตอร์ได้รายงานให้นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน รับทราบถึงผลการหารือของคณะอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสรุปรายละเอียดการประกาศตัวเลข อัตราการจัดเก็บค่าเอฟทีงวดใหม่ หรือเดือนพ.ค.-ส.ค.นี้ ที่จะเรียกเก็บในบิลของผู้ใช้ไฟฟ้าว่าจะต้องปรับขึ้น 38 สตางค์ (ส.ต.) ต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ไม่มีการจัดเก็บค่าเอฟที เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระแทนประชาชน

สำหรับอัตราค่าเอฟทีที่ต้องปรับขึ้นดังกล่าว ในข้อเท็จจริงแล้ว จะต้องปรับขึ้นในระดับ 57 ส.ต.ต่อหน่วย

เนื่องจากต้น ทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกฟผ. ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 70% ของเชื้อเพลิงรวม แต่เนื่องจากรัฐบาลได้สั่งการให้เรกกูเลเตอร์ไปเจรจากับกฟผ. เพื่อขอให้ช่วยรับภาระค่าเอฟทีแทนประชาชนอีกงวดหนึ่ง จึงมีการต่อรองกันได้ข้อสรุปว่า ค่าเอฟทีงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.นี้จะเรียกเก็บที่ 38 ส.ต.ต่อหน่วย และอีก 19 ส.ต.ต่อหน่วย กฟผ.จะยอมรับภาระต่อไปอีกงวดหนึ่ง

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการกฟผ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลา 14.30 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีก (Peak) ได้พุ่งสูงสุดถึง 25,551 เมกะวัตต์ สูงกว่าสถิติเดิมเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2555 (25,178) ถึง 373 เมกะวัตต์ นับเป็นการทำลายสถิติครั้งที่ 5 ในรอบปี สาเหตุจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 38.2 องศาเซลเซียส
183  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บุกพิสูจน์! ไฟลุกพื้นดินที่ อ.นครไทย เจาะชั้นดินตรวจ ชี้เกิดจากแก๊สมีเทน เมื่อ: เมษายน 27, 2012, 08:10:21 am

สำนักงานทรัพยากรธรณีส่งเจ้าหน้าที่เจาะชั้นดินพิสูจน์หลุมไฟอ.นครไทยจ.พิษณุโลก ระบุเป็นแก๊สมีเทน ไม่มีกลิ่น ติดไฟได้เอง

เกิดจากการสะสมของเศษขี้เลื่อยและถ่านเก่า และเจอน้ำท่วมประจำทำให้เกิดปฏิกิริยาลุกเป็นไฟเมื่อเจออากาศร้อน ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. วันที่ 25 เมษายน ที่บริเวณหลุมไฟ ม.9 บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมถนนบ้านแยง-นครไทย หลังจากเกิดปรากฏการณ์พื้นดินเนื้อที่ประมาณ 1 งาน เกิดไฟลุกไหม้ในชั้นใต้ดิน มีความร้อนระอุ คนและสัตว์ลงไปเหยียบย่ำได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต จนชาวอำเภอนครไทยแตกตื่นกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก

นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรณี เขต 1 ( ลำปาง ) พร้อมเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณี ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

เพื่อพิสูจน์ทราบว่า บริเวณที่ไฟลุกไหม้ใต้ดินนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร และต้องหาวิธีการจัดการป้องกันแก้ไขอย่างไร เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง ได้ใช้เหล็กแหลม ขุดเจาะสำรวจบริเวณดังกล่าว 3 จุดลึกลงไปประมาณ 2 เมตร เพื่อตรวจสอบว่าชั้นใต้ดินว่ามีเชื้อเพลิงอะไรบ้าง โดยขุดเจาะบริเวณที่เกิดไฟลุกไหม้ลงไป 1 จุด เบื้องต้นพบว่า มีชั้นเถ้าถ่าน ที่เป็นเชื้อเพลิงของไฟลุกไหม้หน้าประมาณ 1 เมตร อยู่บริเวณผิวดิน ขณะที่ลึกลงไป เป็นชั้นผิวดินเดิมปกติ และอีก 2 จุด ทำการขุดเจาะบริเวณทุ่งนา รอบ ๆ จุดที่ไฟปะทุใต้ดิน เพื่อนำไปเปรียบเทียบ

นายสมบุญ เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้อยู่ในพื้นที่เดิมเบื้องต้นทราบว่า พื้นที่ที่ไฟกำลังลุกไหม้ใต้ดินขณะนี้นั้น

ในอดีตเคยเป็นเตาเผาถ่านเก่า จำนวน 3 เตา ด้านหลัง เป็นโรงเลื่อยเก่า ในอดีต เคยมีการประกอบกิจการเผาถ่านบริเวณนี้ และมีการนำขี้เลื่อยมาทิ้งไว้ แต่ได้เลิกกิจการเตาเผาถ่านไปนานแล้วร่วม 30 ปี ขณะพื้นที่บริเวณนี้ ได้เกิดน้ำท่วมทุกปี จากน้ำแควน้อยล้นตลิ่งในช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ และชั้นทราย ชั้นดินไปปิดทับ ทำให้เกิดปฏิกิริยาสันดาป ก่อให้เกิดแก๊สชีวภาพ ที่คาดการณ์เบื้องต้นว่า เป็นแก๊สมีเทน ที่สามารถติดเป็นไฟได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เป็นแก๊สที่ไม่มีกลิ่น เป็นธรรมชาติที่เกิดได้ในหลายพื้นที่ ลักษณะคล้าย ๆ กับไฟไหม้ป่าพลุในเขตภาคใต้ ที่จะเกิดไฟลุกไหม้ใต้ดิน

"ในวันนี้ได้เจาะชั้นดิน 3 จุด ทั้งจุดที่ไฟลุกไหม้ และพื้นที่รอบ ๆ เพื่อนำไปพิสูจน์ สถานการณ์ขณะนี้ เชื่อว่ายังคงลุกไหม้ต่อไป และไม่รุนแรง เพียงแต่ต้องกันไม่ให้คนและสัตว์เข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว หรือต้องขุดเปิดหน้าดิน เพื่อให้ไฟได้เผาไหม้ได้หมด และจะดับไปเอง"นายสมบุญระบุ
184  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watkhuanklang.blogspot.com/ วัดควนคลัง ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 08:22:53 am


http://watkhuanklang.blogspot.com/
วัดควนคลัง




ประวัติวัด
      วัดเป็นสถาบันของสงฆ์ และเป็นศูนย์กลางของชุมชน มีเจ้าอาวาสเป็นประธานหรือผู้นำภายในวัด มีหน้าที่ปกครองดูแลอำนวยกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับวัด วัดควนคลังตั้งอยู่ที่บ้านควนคลัง 52/1 หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เริ่มก่อตั้งเป็นที่พักสงฆ์ขึ้น ในปี พ.ศ. 2512 ในเนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา ที่ดิน นายพร้อม ทรงสง่า นส 3 ก. เลขที่ 1367 โดยราษฎรหมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งใหญ่ ซึ่งมีนายจำนง จำนงจิต เป็นผู้ใหญ่บ้าน และหลังจากนั้นได้แบ่งการปกครองหมู่บ้านเป็นหมู่ที่ 6 และได้มีนายสวัสดิ์ เยาวนาจารย์ เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ทั้งสองหมู่บ้านได้ผนึกกำลังสร้างที่พักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นมา พอที่จะเป็นที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์ขึ้นมาได้ จึงได้นิมนต์พระชม ปิยธโร (พระครูปิยสมาธิวัตร) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มาเป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์

185  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: "โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก" พื้นที่ก่อความร้าวฉาน? ภัยที่คุณอาจจะคิดไม่ถึง เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 08:13:11 am
ทุกอย่าง มีั้ืืืทั้งดีและ ไม่ดี เหมาะสม และไม่เหมาะสม ครับ
 ใช้เป็นก็เป็นประโยชน์ ใช้ไม่เป็นก็เกิดโทษ

   :49:
186  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: รายงาน 7 วันเทศกาล เพื่อความปลอดภัย ( น้อยลงหรือไม่ ) เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 09:12:43 pm
นำมาเพิ่มเติมข้อมูล นะคะ ไม่ใช่มาตอกย้ำ เพื่อให้ทราบความเป็นจริง ว่าความพลัดพรากล้วนมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดาคะ เทศกาลสงกรานต์ของใครบางคนอาจไม่หนุกหนาน เต็มไปด้วยความเศร้าใจ เพราะพิษภัยจากอุบัติเหตุ ที่มาจากความประมาท ด้วยการทำผิดด้วยการดื่มสุราแล้วขับขี่ เป็นต้นคะ



ขอบคุณภาพจาก http://www.dailynews.co.th

วันนี้ ( 15 เม.ย.) นายศุภกร  วงศ์ปราชญ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงข่าว เปิดเผยว่า  ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2555 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย   สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย. 55 เกิดอุบัติเหตุ 580 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 66  ราย ผู้บาดเจ็บ 620  คน รวม 4 วัน เกิดอุบัติเหตุ 2,134  ครั้ง  ผู้เสียชีวิต 210  ราย ผู้บาดเจ็บ 2,288 คน สั่งจังหวัดคุมเข้มลดอุบัติเหตุในกลุ่มเด็กและเยาวชน พร้อมประชาสัมพันธ์พ่อแม่ ผู้ปกครองสอดส่อง ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากพบการกระทำผิดจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ จะได้รับโทษตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
 

นายศุภกร กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 45.17 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 23.10 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ  80.58  รถปิคอัพ ร้อยละ 11.93 พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ การโดยสารรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 26.97  ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ร้อยละ 1.02  ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 31.21 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 56.56 ส่วนจังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ 6 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ยโสธร หนองคาย และหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 27 ครั้ง จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 41 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น  เชียงใหม่ จังหวัดละ 5 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ 11 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่  เชียงราย 26 คน  ทั้งนี้  ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,414 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 69,142 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 749,127 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 112,010 ราย โดยมีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 34,027 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่  32,180  ราย
 
 ขอบคุณภาพจาก http://www.bangkokbiznews.com

นายศุภกร กล่าวอีกว่า  จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุในช่วง 4 วัน มี 3 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร หนองคาย และหนองบัวลำภู จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 4 วัน มี 17 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ นครพนม ยโสธร  ศรีสะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ภาคกลาง  6  จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ตราด เพชรบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคใต้ 5 จังหวัด ตรัง ปัตตานี ยะลา ระนอง และสตูล  สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด ได้แก่ เชียงราย 94 ครั้ง  ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ พิจิตร 9 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย นครศรีธรรมราช จังหวัดละ 94 คน
 

ขอบคุณภาพจาก http://www.matichon.co.th

นายศุภกร  กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 4 วัน พบมีเด็กและเยาวชนเสียชีวิต 39 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 53.85 การโดยสารรถปิคอัพ ร้อยละ 33.34 ซึ่งในจำนวนที่เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 42.86 นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลยังพบอีกว่า เด็กและเยาวชนที่กระทำผิดและถูกดำเนินคดีที่เป็นสาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงหลัก ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย เมาสุรา และขับรถเร็ว  มีมากถึง 30,027 คน สะท้อนให้เห็นว่าปีนี้สถานการณ์อุบัติเหตุในกลุ่มเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้จังหวัดกำชับและประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอดส่อง ดูแลเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด หากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนที่สร้างอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น พ่อแม่ ผู้ปกครองจะได้รับโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
 

ขอบคุณภาพจาก http://pics.manager.co.th

อย่างไรก็ตามขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจกวดขันและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดกฎจราจร ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดตั้งจุดบริการ “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2555 ระหว่างวันที่  11 – 17 เม.ย. 2555 รวม 250 จุด กระจายตามถนนสายหลักและสายรอง ให้บริการตรวจสอบและซ่อมแซมรถ  โดยไม่คิดค่าบริการ รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน





ขอบคุณที่มาของข่าว
http://www.dailynews.co.th/thailand/22371
187  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พ่อโมโห ยิงคอมลูกสาว หลังโพสท์เฟสบุ้ค บ่นพ่อแม่จิกหัวใช้ ( ต่างประเทศนะคะ ) เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 09:01:38 pm




ขอบคุณภาพจาก mthai.com

พ่อโมโห ยิงคอมลูกสาว หลังโพสท์เฟสบุ้ค บ่นพ่อแม่จิกหัวใช้
นาย ทอม จอร์แดน วัย 45 ปี คุณพ่อจากรัฐแคโรไลนา สหรัฐฯ จัดการถ่ายคลิปโพสท์ลงยูทูป หลังจากที่ ฮันน่าฮ์ ลูกสาววัย 15 ปี พิมพ์ข้อความบ่นเรื่องงานบ้านที่เธอต้องทำ แล้วโพสท์ลงเฟสบุค เป็นเหตุให้พ่อรายนี้ถึงกับโมโห ด้วยข้อความที่ลูกสาวแสดงถึงความที่พ่อแม่ทำเธอยุ่งยากในชีวิต
พ่อราย นี้ตัดสินใจไม่ลงโทษลูกสาวแต่อย่างใด แต่ได้จัดการนำโน็ตบุคที่เธอใช้ มาวางไว้ที่พื้นก่อนที่จะใช้ปืนยิง ถึง 9 นัด เพื่อสั่งสอนลูกสาว รวมทั้งให้เพื่อนๆของเธอได้รู้ว่าการโพสท์ในสิ่งที่ไม่ดีลงบนเฟสบุ้ค จะได้รับบทลงโทษอย่างไร
เขากล่าวว่า แม้ลูกสาวจะคิดว่าพ่อแม่ไม่รู้ว่าเธอโพสท์อะไรลงไปในเฟสบุ้ค เพราะมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้ แต่อย่าลืมว่าเขาทำงานด้านไอที ทำไมจะไม่รู้  เขาพบข้อความดังกล่าวขณะอัพเกรดคอมพิวเตอร์ของลูกสาว
ในข้อความที่ลูกสาวโพสท์ยังบอกด้วยว่า เธอน่าจะได้เงินค่าทำงานบ้านด้วยซ้ำ  เธอทำงานบ้านทุกอย่าง  หลายชั่วโมงในแต่ละวัน เธอไม่ใช่ทาสรับใช้ แล้วก็ไม่ต้องมารับผิดชอบทำความสะอาดสิ่งของพวกนี้ อยากทำอะไรก็ทำเอง
อย่า นั่งอยู่กับที่แล้วมองฉันทำงานงกๆ ทุกๆวันฉันกลับมาจากโรงเรียน ต้องล้างจาน เช็ดโต๊ะ ถูพื้น ซักผ้า ทิ้งขยะ รู้ไหมมันลำบากแค่ไหนที่ต้องทำงานบ้านพร้อมกับทำการบ้านไปด้วย ฉันจะบ้าตาย เหนื่อยที่จะทน สักวันหนึ่งฉันคงจะไม่อยู่ที่นี่ ไม่อยู่ที่จะให้พวกคุณใช้ฉันทำงานอีกต่อไป

ข้อ ความข้างต้น สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับคนเป็นพ่อ แต่พอมาเจอข้อความที่ลูกได้เขียนบ่นถึงครอบครัว ก็ได้อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งก็ร้องไห้ แต่บางครั้งก็รู้สึกโกรธ จึงกระทำดังกล่าวขึ้น


เนื้อหาจาก FWD mail พอดีค้นเจอภาพเรื่องเดียวกันคะ




ถึงเรื่องจะเก่าไปนิด แต่ก็นำมาเตือนจิตสะกิดใจ เด็กไทยเราที่มีพ่อแม่ ให้เคารพรักดูแล สงกรานต์บ้านเราจึงอบอุ่นด้วยน้ำใจครอบครัว ไม่เหมือนต่างประเทศที่ต่างคนต่างอยู่ ซึ่งชีวิตอย่างนี้กำลังเป็นในเมือง ในกรุงกัน ต่างคนต่างอยู่ ประมาณนี้เพราะขาดน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อกันและกัน

 :s_good:
188  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: คำกลอน โยม หรือ พระ ต่างกันที่ตรงไหน เมื่อ: เมษายน 10, 2012, 08:47:25 am
สาธุ คะ พึ่งจะได้อ่านเหมือนกันคะ

  :c017: :25:

189  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: โดนกีดกัน เพราะฐานะผมยากจนกว่าเขา ( ไม่รู้ขอคำปรึกษาถูกที่ หรือ ไม่ ) เมื่อ: เมษายน 10, 2012, 08:46:00 am
ออกไปทำงาน เถอะคะ เดี๋ยวก็หาย ถ้ามัวนอนอยู่อย่างนั้น จะมีแต่ความทุกข์ ส่วนความไม่สมหวังเรื่องค่าสินสอดนั้นเป็นเพียงด่านทดสอบ คะ ถ้ารักกันจริง เป็นเนื้อคู่กันจริง ก็จะได้อยู่ร่วมกันเองคะ

  หากแม้นไม่สมหวัง ก็เป็นธรรมดาคะ เพราะเมื่อมีรัก ก็ต้องมีไม่สมหวังบ้างคะ

  :88:

190  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: แผ่เมตตา ด้วยความสงสัย ผู้รับการแผ่เมตตา จะได้ส่วนบุญประมาณไหน จ๊ะ เมื่อ: เมษายน 02, 2012, 08:39:02 am
อนุโมทนา สาธุ คะ

 :c017: :25: :58:
191  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากทราบว่า ในพระพุทธศาสนา มีกล่าวกับเรื่องวิญญาณที่ยังเวียนว่ายอยู่บนโลกมนุษย์ เมื่อ: เมษายน 02, 2012, 08:37:28 am
เป็นเรื่องที่มองเห็นยาก คะ สำหรับ วิญญาณที่คอยจองล้างจองเวร เคยดูหนังเรื่อง 9 วัด สุดท้ายพระท่านก็ต้องไปตายที่่บ่อน้ำจุดเกิดเหตุ ด้วยกัน คนไทยมีความเชื่อเรื่องนี้นะคะ คือวิญญาณที่แค้นกลับมาล้างแค้น ประมาณนี้ดังนั้น ในหลักของพระพุทธศาสนา ท่านจึงสอนให้ยึดใน ปัจจุบันขณะ มีสติ แล้วระลึกกุศลในขณะปัจจุบัน ส่วนสิ่งใดจะเกิดก็ให้ระลึกไว้ว่าเป็นผลแห่งกรรม

  คิดว่าเรื่องวิญญาณ เป็นเรื่องที่เข้าใจยากคะ

   :88:
192  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "ชิง หมิง เจี๋ย" เทศกาลเช็งเม้ง 2555 เมื่อ: เมษายน 02, 2012, 08:33:55 am
ขอบคุณเนื้อหาสาระ คะ ที่นำมาให้อ่าน เป็นลูกหลานชาวจีนเหมือนกันคะแต่ วันเชงเม้ง ยังไม่เคยไปร่วมกับตระกูลเลยคะ ไปแต่วัดทำบุญอย่างวันมหาสงกรานต์ คะ

  :c017: :25:
193  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระประจำวันเกิด เมื่อ: มีนาคม 31, 2012, 09:19:12 am









ขอบคุณภาพเนื้อหาจาก http://variety.teenee.com
194  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / Re: พระคาถาอาราธนานั่งธรรม “วาณีสุนทรี” ความสำเร็จสมประสงค์ เมื่อ: มีนาคม 24, 2012, 12:26:43 pm
ขอบคุณมากคะ กำลังตามหาอ่านเรื่องนี้พอดี เลยคะ กระทู้มีมากพิมพ์ค้นก็ไม่พบ

ขอบคุณอีกครั้ง คะ

  :25: :25: :25:
195  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / Re: ตำราคัมภีร์ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เมื่อ: มีนาคม 24, 2012, 12:22:28 pm
ขอบคุณ คะ ที่มาช่วยทบทวนความจำคะ โดยเฉพาะหนังสือ ตำรา กรรมฐาน เห็นแล้วรู้สึกได้ว่า มีหลายเล่มนะคะ ที่ชอบก็เห้นจะเป็นเล่ม นี้ คะ

 

 อ่านเข้าใจง่ายที่สุด เล่มอื่น ๆ รู้สึกว่า อ่านได้แต่ยังเข้าใจยากอยู่คะ

  :c017:
196  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 07:30:43 am
197  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 07:29:29 am


ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร

1. นิมนต์พระ
หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน
การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า “นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน” แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า “ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ” (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า “นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์” (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง “นิ โมนน!!” (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -”)
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ
อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า “นิมนต์ค่ะ หลวงลุง” ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์
หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ

2. จบ
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ
การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน
การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป
เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า “โยมขออะไรเราน้า?”

3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า
จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น
บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -” (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : “โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ”
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

4. ใส่บาตร
อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า
บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร
พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป
พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ ก็ฝากด้วยนะครับ เดี๋ยวทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ
นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี
ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป เคยมีโยมใส่บาตรด้วย “กล้วย 3 หวี” กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า แต่นี่ใส่ “กล้วยหอม” (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู “กล้วยหอม 3 หวี” อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า “โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง”
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)
ขั้นตอนต่อไปคือ

5. รับพร
หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

Cr.พระมหาสมปอง
198  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ เมื่อ: มีนาคม 20, 2012, 08:35:41 am
อนุโมทนา สาธู คะ

 :25: :s_hi: :c017:
199  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สวดมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น เหมาะแก่ คนที่อยู่ที่บ้าน หรือไม่คะ เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 02:56:01 pm


แท้นิ่งสงบเราแต่สยบเขา แพ้ชนะไม่มีแก่นสาร




   ชอบประโยคนี้ คะ......

  :88: :58:
200  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สวดมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น เหมาะแก่ คนที่อยู่ที่บ้าน หรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2012, 11:20:07 am
นางธนัญชานี ได้สวด บท นโม อยู่ตลอดเวลา บทนี้ไม่ได้สาธยายธรรมเป็น การสรรเสริญ คุณธรรมของ พระพุทธเจ้าคะ มนต์บางบทสวดแล้ว เป็นการสวดเพื่อ เสริมกำลังใจ และ ศรัทธา บางบท หลาย ๆ บทก็เป็นการสวดสาธยายธรรม

  ดูเหมือนกับ ตอนที่ เรื่องอะไรจำไม่ได้ สวดมนต์ ต่อชีวิต ให้กับเด็กน้อย

  หรือ เทวดา สวดต่อชีวิต

  ดังนั้นคิดว่า การสวดมนต์เป็น อะไร หลาย ๆ อย่างคะ โดยเฉพาะเรือ่งเสริมกำลังจิต และกำลังใจ
จำได้การสัมปยุตธรรม ลงศูนย์นาภี ก็ใช้ บทพระพุทธคุณ นะคะ

  สรุป คนที่ไม่สวดก็เรื่อง เค้า สิคะ เราสวดของเรา ก็เป็นเรื่องของเรา สวดที่บ้านเป็นกิจลักษณะส่วนตัวเรา ทำห้องพระไว้ต่างหากก็ดีคะ ทุกคนจะได้รู้ว่า เข้าห้องพระแล้ว ก็ภาวนา นะจ๊ะ จะสวด จะนั่ง จะนอนก็ขอให้ภาวนา

  เห็นด้วยคะ ว่า การภาวนาเช่นการสวดมนต์ ไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะที่วัดคะ เพราะเราอยู่ที่บ้าน ก็ภาวนาที่บ้าน ถ้าคิดอย่างนี้ก็จะทำให้เกิดค่านิยมไล่คนภาวนา เข้าไปอยู่ในวัด เดี๋ยวหมู่มาร ก็ได้หัวเราะกันพอดี คะ

  สาธุ สาธุ สาธุ

   :25: :25: :25:
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10