ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์ "บ้านพนอม" นครพนม  (อ่าน 1022 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์ "บ้านพนอม" นครพนม

"ตำบลพนอม" ปัจจุบันขึ้นตรงกับ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นหมู่บ้านชุมชนโบราณ ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีเรื่องราวอาถรรพณ์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าขานสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่กล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ และสิ่งเหล่านั้นยังเป็นดำปริศนามาจนทุกวันนี้!!

ชัยภูมิของบ้านพนอมในอดีตกาล ตั้งอยู่บน"โนน(ภู)สามขา" เป็นบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง ประกอบด้วย...
 
1."โนนกระแต" เริ่มจากสันโนนจาก"ต้นโพธิ์โบราณ"กลางทุ่งนาของบ้านพนอมหมู่ที่ 1 เหยียดลงใต้ไปจรด "โนนหินลาด" บ้านพนอมทุ่งหมู่ที่ 4 มีหลักฐานคือ "บ่อน้ำเก่าแก่" เป็นหลักเขต ชาวบ้านเรียกบ่อน้ำนี้ว่า "น้ำซ่างกระแตเลาะ" อยู่ใน "วัดป่าโนนสูง" ซึ่งต้นโพธิ์โบราณนี้ มีเรื่องเล่ากันว่า..เป็นสถานที่พักช้างศึก+ม้าศึก..และที่พักแรมทหารไทยของ "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1" ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศ "สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก" ทหารเอก "พระเจ้ากรุงธนบุรีตากสินมหาราช" ครั้งกรีธาทัพไปตีกรุงเวียงจันท์สำเร็จ จึงเกณฑ์ไพร่พล+เชลยศึก พร้อมเครื่องบรรณาการต่างๆ นำทัพเลาะเลียบแม่น้ำโขง ก่อนจะหยุดทัพพักแรม ณ บริเวณต้นโพธิ์แห่งนี้!!
 
2."โนนหินลาด" ลักษณะเป็นลานหินกว้าง จากคำบอกเล่าอดีตเป็นป่ารกชัฏ มีถ้ำเป็นโขดหินใหญ่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่ารุกขเทวดา ปัจจุบันคือที่ตั้ง"วัดป่าโนนสูง" มีลิงป่าจำนวนมากอาศัยอยู่
 
3."โนนหัวคน" สันนิษฐานเกิดในยุคขอมโบราณ ที่มีการรบพุ่งแย่งชิงพื้นที่ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพ่ายแพ้จะตกเป็นเชลย ถูกนำตัวมายัง "หลักประหาร" เพื่อตัดหัวเสียบประจาน อดีตมีนกแร้งจำนวนมาก บินวนว่อนเหนือท้องฟ้าเพื่อรอกินซากศพ มีหลักฐานเป็น"เสาไม้กันเกรา(มันปลา)" ทรงสี่เหลี่ยมสูง 5 เมตร ที่ใช้เป็นที่ประหารหลงเหลืออยู่ ใกล้ๆกันมีบ่อน้ำเก่า ที่พวกเพชฌฆาตใช้น้ำในบ่อลับคม ก็พอจะมีเค้าลางให้เยี่ยมชมอยู่ ยามค่ำคืนบริเวณนี้ไม่มีผู้ใดใช้คมนาคม เพราะเคยมีคนเห็นทหารโบราณเดินถือดาบแกว่งไป-มาบ่อยครั้ง!!

 
  :96: :96: :96: :96:

ประวัติความเป็นมา"บ้านพนอม" เพี้ยนมาจากคำว่า "พระนอน" ก่อตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ.2327 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ เล่าว่ามีชาวกรุงเวียงจันท์ อพยพล่องเรือมาตามลำแม่น้ำโขง ขึ้นฝั่งเทียบท่าที่"ปากห้วยหนองเทา(โรงเรียนบ้านพนอมปัจจุบัน)" ได้นำพระพุทธรูปสร้างด้วยปูน"ปางไสยาสน์" พุทธลักษณะนอนตะแคงขวา รูปทรงอยู่ในปางทรมาน มีร่างกายซูบผอมเหลือแต่โครงกระดูก ยาว 1.20 เมตร ติดเรือมาด้วย จึงเรียกชื่อพระองค์นี้ว่า "พระแจงแห้ง" คือผู้ที่มีร่างกายผอมแห้งนั่นเอง!!
 
ต่อมาพระแจงแห้งพลัดตกจากที่สูงจนเศียรหัก ร่ำลือว่าอาจจะเกิดอาเพศเหตุร้าย จึงตกลงนำพระแจงแห้งไปลอยแพในแม่น้ำโขง เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ จากนั้นก็ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ ตามรูปทรงของพระปางไสยาสน์ว่า "บ้านพระนอน" ภายหลังเพี้ยนมาเป็น"บ้านพนอม"!!
 


พ.ศ.2382 สมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านพนอมได้ย้ายวัดและชุมชนจากปากห้วยหนองเทา(โรงเรียนบ้านพนอม) มาตั้งอยู่ที่ "ปากห้วยไผ่" บริเวณต้นโพธิ์ใหญ่ ตั้งชื่อว่า "วัดศรีชมชื่น" ภายหลังเกิดน้ำโขงกัดเซาะตลิ่งพัง จึงย้ายวัดไปสร้างแห่งใหม่ โดยมีพระพุทธรูปโบราณเป็นองค์ประธานอยู่ภายในอุโบสถ แต่ปี พ.ศ.2520 มีโจรใจบาปแอบขโมยพระพุทธรูปดังกล่าวไป..!!
 
พ.ศ.2455 ต้นรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หมู่บ้านพนอมยกฐานะเป็น"อำเภอพนอม" มี "ขุนชัยประชาบาล(แฉ่ง)" เป็นนายอำเภอคนแรก ในปีเดียวกันนายอำเภอแฉ่งย้ายสลับตำแหน่งไปอยู่ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร นายอำเภอพนอมคนที่สองชื่อ "พระบริบาลสุภากิจ(คำสาย ศิริขันธ์)" แต่เป็นอำเภอได้แค่ปีเดียว พ.ศ.2456 ก็ยุบไปรวมกับ"เมืองไชยบุรี" ก่อนจะขึ้นตรงกับ อ.ท่าอุเทน ในปัจจุบัน!!
 
 :29: :29: :29: :29:

"อาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์" ที่ชาวบ้านพนอมสักการะบูชามาอย่างยาวนาน คือ "หอพระธัม" ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณวัดเก่าศรีชมชื่น เล่ากันว่า "พระธัม" เป็นผู้ทรงศีลมีตบะแก่กล้า บำเพ็ญเพียรภาวนาในถ้ำ เดินทางมาจากประเทศลาว มาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ในช่วงเกิดโรคระบาดหรือโรคห่า มีผู้คนล้มตายไม่เว้นวัน ฝูงแร้งกาบินรอกินซากศพจำนวนมาก พระธัมได้ขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่างๆจนหมดสิ้น ชาวบ้านจึงมีความเคารพศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อผู้ทรงศีลท่านนี้!!
 
ภายหลังพระธัมได้หายไปจากหมู่บ้านอย่างไร้ร่องรอย มีคนพบท่านครั้งสุดท้าย บริเวณวัดศรีชมชื่นเก่า จึงพร้อมใจกันสร้าง "หอพระธัม" ณ จุดที่ท่านหายไป ทุกปีจะมีการ"เลี้ยงพระธัม" จะมี ขนมหวาน+น้ำ+และหมาก เท่านั้น!! ส่วนเนื้อสัตว์หรือสุรา ห้ามนำเข้ามาภายในพิธีเด็ดขาด ต่อมาลูกหลานชาวบ้านพนอม ร่วมจัดงาน"สรงน้ำพระธัม" มี นายอภิชาติ หรือคิงส์ ดีบุกคำ สจ.เขต 2 ท่าอุเทน เป็นผู้ริเริ่ม โดยนำ "หินโบราณ" แสดงเป็นสัญลักษณ์แทนท่านพระธัม กำหนดไว้ทุกวันสงกรานต์ที่ 14 เมษายน ของทุกปี เป็นวันสรงน้ำท่านฯ
 

 :25: :25: :25: :25: :25:
 
ส่วนความศักดิ์สิทธิ์ของพระธัมมีอยู่มากมาย ครั้งหนึ่งอดีตตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) ซึ่งมาจากภาคกลาง ไม่มีความเชื่อและศรัทธาต่อท่าน ทั้งกล่าวลบหลู่เหยียดหยามต่างๆนาๆ และต้องการอยากลองของ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขึ้นฟ้าไล่ดะจากบ้านพักยันหอพระธัม เสียงปืนแผดกัมปนาทบาดแก้วหูชาวบ้าน พบชายชรานุ่งโจงกระเบนมือถือไม้เท้า ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าหอ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ แต่ยิงกี่ครั้งกระสุนปืนด้านทุกนัด ครั้นยิงขึ้นฟ้ากลับดังสนั่นคุ้งน้ำ ตชด.ผู้นั้นถึงกับเข่าอ่อนคลุกตัวก้มลงกราบขอขมาลาโทษ สันนิษฐานว่าท่านคงใช่"พระธัม" พอเงยหน้าขึ้นมาท่านก็หายไปแล้ว ปัจจุบันอดีต ตชด.ผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นผู้อุปถัมภ์ดูแลหอพระธัมด้วยความเคารพและศรัทธายิ่งนัก!!
 
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเหลือเชื่อเหนือฟ้าเหนือบาดาล กล่าวคือ "นางสมอน หรือหมอน ศรีสวัสดิ์" อายุ 67 ปี (เกิด 2478) อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 1 ต.พนอม อาชีพเกษตรกร ก็ดำรงชีวิตเหมือนผู้สูงอายุทั่วไป ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ เกิดขึ้นวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2541 หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ยายหมอนก็เข้านอนตามปกติ กระทั่งประมาณสามทุ่ม พยานเห็นยายหมอนเดินตรงไปริมแม่น้ำโขง แต่ไม่นึกเอะใจ จวบจนรุ่งเช้าลูกหลานพากันโวยวาย เพราะยายหมอนหายไป จึงระดมคนออกค้นหา ระหว่างนั้นเองมีคนขี่ จยย.มาจากนครพนม ส่งจดหมายให้ญาติไปรับยายหมอนที่โรงพยาบาลเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว ทุกคนต่างตกใจและไม่เชื่อ เพราะบ้านพนอมอยู่ห่างจากเมืองท่าแขกกว่า 60 กม. ยายหมอนไปได้อย่างไร? ผู้ถือสาส์นยืนยันเสียงแข็ง จึงพากันไป รพ.แขวงคำม่วน พบยายหมอนนอนอยู่บนเตียงคนไข้จริงๆ..!!
 


จากคำบอกเล่าของชายหาปลา ทราบว่าขณะที่กำลังยามปลากลางแม่น้ำโขง ใกล้กับ"พระธาตุเมืองเก่าศรีโคตบูตร" เห็นผู้หญิงลอยน้ำมา ครั้งแรกคิดว่าเป็นศพ ลองใช้ไม้พายตีตามลำตัวดู ปรากฎว่ายังมีชีวิตอยู่ จึงรีบช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล สอบถามว่าชื่อ นางสมอน หรือหมอน ศรีสวัสดิ์ อยู่บ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้น จึงทำการประสานญาติให้ไปรับตัวกลับ สรุปยายหมอนหายออกจากบ้านไป 1 วัน 1 คืน
 
ยายหมอนเล่าว่า ตนเองฝันมีคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรรพรรณสวยงาม พากันมารับไปทำบุญยังเมืองพญานาคใต้บาดาล มีขบวนกลองฆ้องเป็นทิวยาวแห่ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ก่อนที่ตนจะไปนครบาดาลได้นำผ้าถุง 2 ผืนติดตัวไป ผลัดเปลี่ยนทิ้งไว้ที่นั่น 1 ผืน หลังเสร็จงานก็นำตนมาส่งยังผิวน้ำ ก่อนร่ำลาได้บอกว่าอีก 5 ปี จะมารับไปอยู่เมืองพญานาคอย่างถาวร ลูกหลานต่างพากันระมัดระวังดูแลยายหมอนอย่างไม่คาดจากสายตา

 st11 st11 st11 st11
 
วันเวลาล่วงเลยมาถึง วันที่ 17 มีนาคม 2545 ครบ 5 ปีพอดี ยายหมอนได้หายออกจากบ้านไปอีกครั้ง ชาวบ้านระดมกันออกค้นหาตลอดทางน้ำ คราวนี้พบเป็นศพลอยติดแพชาวบ้าน ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งเรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้ยังเป็นที่กล่าวขานร่ำลือเสมอมา ระยะทางกว่า 60 กม. ยายหมอนลอยน้ำไปได้อย่างไร? เป็นเรื่องที่ยากต่อการพิสูจน์จริงๆทั้งหมดที่กล่าวมาถ้วนเป็น "อาถรรพณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์"ของบ้านพนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม!!
 

 
พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล..รายงาน
ที่มา http://www.banmuang.co.th/news/region/36925
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ