ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เขตแดนพระนิพพาน  (อ่าน 1489 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เขตแดนพระนิพพาน
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2013, 09:40:36 am »
0


เขตแดนพระนิพพาน

เขตแดนของพระนิพพานที่พระพุทธเจ้าค้นพบนั้น เป็นพระนิพพานโลกุตรภูมิ เป็นพระนิพพานเมื่อจิตอยู่เหนือโลก ในขณะที่จิตอยู่ภายใต้อำนาจโลกเป็นนิพพานที่เรียกว่า นิพพานพรหม นิพพานพรหมอันนี้เป็นนิพพานของบรรดาเหล่าฤๅษี ถึงแม้ว่าจะรู้ในโลกียภูมิหมดสิ้นแล้ว แต่ก็ต้องยังกลับมาเกิดอีก   
     นิพพานพรหมนั้น ไม่ได้เป็นนิพพานที่ถอดความคิด หรือแยกความคิดออกมา
     แต่ว่าเป็นปรากฏการณ์ความรู้ ความเข้าใจ แต่ยังคงรักษาสิ่งสุดท้ายอยู่ คือรักษาความเป็นเจ้าของดวงจิต


     แม้ว่าจิตดวงนี้จะเบ่งบาน มีความรู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆ รู้เท่าทันสิ่งต่างๆ แล้ว
     แต่จิตยังไม่สามารถปล่อยวางความเป็นเจ้าของจิตดวงนี้ได้ ยังยึดติดในดวงจิตของเรา ดวงวิญญาณของเรา ซึ่งในโลกียภูมินั้นยังไม่มีความเท่าทันในความเป็นอัตตาเจ้าของดวงจิตได้ ยกเว้นแต่จิตจะยกขึ้นก้าวสู่เหนือโลกเป็นโลกุตรภูมิเท่านั้น


     พอเป็นโลกุตรภูมิแล้ว จิตจะกลับมามองตัวเอง แล้วจะเห็นว่าจิตดวงนี้ยังมีความหลงอยู่ในอวิชชา คือยังคิดว่าจิตยังเป็นของของมัน จนกระทั่งจิตดวงนี้สามารถปล่อยวางความเป็นเจ้าของ เป็นตัวเป็นตน เป็นของของเรา
     ก็จะเกิดธาตุรู้เฉยๆ ธาตุรู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีเจ้าของครอบครอง แต่เมื่อเจ้าของไม่มีแล้ว
     ธาตุรู้นั้นจะกลายเป็นธาตุรู้ที่ไม่มีเจ้าของ เหมือนธาตุอื่นๆ เช่น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ เป็นของกลางๆ ไม่มีเจ้าของ
   



    เมื่อธาตุรู้นั้นโดนปลดปล่อย ธาตุรู้นั้นจึงไม่มีอัตตาหลงเหลือ
    ไม่มีเป็นของของใคร ธาตุรู้นั้นเป็นเพียงกรรมดีและกรรมชั่ว
    เมื่อธาตุรู้ไม่มีเจ้าของแล้ว กรรมดีกรรมชั่วต่างๆ ที่ธาตุรู้เคยคิดว่าเป็นของของมันก็หมดสิ้นไป
    เนื่องจากธาตุรู้นั้นไม่มีใครครอบครอง ไม่มีเจ้าข้าวเจ้าของแล้ว
    เป็นเพียงธาตุรู้เฉยๆ เหมือนธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ไปรวมกันอยู่โดยไม่มีเจ้าของ
    เมื่อธาตุนั้นเป็นธาตุปกติธรรมดาไม่มีเจ้าของแล้ว การเกิดก็ย่อมไม่มีขึ้น
    เพราะว่าได้ปล่อยวางความเป็นเจ้าของธาตุรู้ มันเป็นธาตุเฉยๆ
    ซึ่งนี่คือ ภาวะพระนิพพานที่พระพุทธเจ้าค้นพบ


    ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้เราปฏิบัติจนเข้าใจ หากปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าถึง เมื่อมีความเข้าใจแล้วการปฏิบัติย่อมไปถูกทาง ตามแนวทางของความจริง
     ถ้าไม่เข้าใจแล้ว บางทีปฏิบัติไปเข้าใจผิดๆ คิดว่าอาการทางสมาธิเป็นสิ่งที่วิเศษ
     จิตเมื่อถูกอบรมก็จะมีอาการทางสมาธิเกิดขึ้น อาการทางสมาธินั้นไม่ได้หมายความว่า จิตได้ภูมิจิตภูมิธรรม
     อาการทางสมาธินั้นเป็นเพียงข้อสังเกตว่าจิตพัฒนาไปถึงไหน


    :25: :25: :25:

    ดังนั้นแล้วเมื่อปฏิบัติสมาธิเบื้องต้นก็อย่าไปหลงอาการ อย่าไปคิดว่าทำสมาธิแล้วได้อย่างนั้น อย่างนี้ เพราะอาการเหล่านั้นเป็นเครื่องวัดระดับของจิต เพราะความสามารถของจิตคือ เครื่องรู้ของสติที่เท่าทันต่อกิเลส คือสติที่รู้เท่าทันปรากฏการณ์ที่อยู่ภายในจิตของตัวเอง สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เป็นกิเลสในจิต

    สตินั้นรู้เมื่อไหร่ เท่าทันเมื่อไหร่ ธรรมะที่จริงคือตรงนี้ เพราะธรรมะไม่ใช่อาการ ธรรมะนั้นอยู่ที่สติที่เกิดปัญญา ปัญญาที่เท่าทัน พอเท่าทันกิเลสก็เกิดปัญญาขึ้น กิเลสก็ไม่สามารถที่จะดึงลงไปสู่อำนาจความคิดฝ่ายต่ำ หรือไปทำร้ายได้แล้ว เพราะว่าจิตมีความเท่าทันปัจจุบัน อยู่บนโลก แต่ก็ไม่หลงโลก ก็สามารถทำให้เราอยู่บนโลกได้อย่างไม่ทุกข์ หรือทุกข์น้อย มีความเท่าทันเร็ว.


อ้างอิง :-
นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมภ์สาระน่ารู้ : เขตแดนพระนิพพาน 25 November 2555 - 00:00
http://www.thaipost.net/tabloid/251112/65656
ภาพจาก เฟซบุ้ค MadchimaRDN
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เขตแดนพระนิพพาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2013, 03:22:04 pm »
0
อนุโมทนา ครับ แค่อ่านกลอน ก็ นับว่ายอดแล้วครับ

 st11 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า