สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 12, 2017, 09:48:37 am



หัวข้อ: หนทางแห่งการดับทุกข์ เริ่มต้นจากมี"สัมมาทิฏฐิ"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 12, 2017, 09:48:37 am


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_12_05_17_10_05_56.jpeg)


หนทางแห่งการดับทุกข์ เริ่มต้นจากมี"สัมมาทิฏฐิ"

สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูกที่เกิดจากมีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมของพระพุทธองค์อย่างถูกต้อง ในประการแรกคือเชื่อในกฏแห่งกรรมว่ากรรมมีจริง ผลของกรรมมีจริง ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง

ชีวิตคนเราต่างล้วนต้องการให้ตนมี “ความสุข” ทั้งทางกายและใจกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร วัยไหน คนดี คนเลว คนรวย คนจน คนสูงศักดิ์หรือต่ำศักดิ์เพียงใดก็ตามที การดำเนินชีวิตประจำวันมีแต่ความโลภ ซึ่งเป็นความติดข้องต้องการในสิ่งต่างๆ

ในแต่ละวันอยากเห็นสิ่งที่สวยงามทางตา อยากได้ยินเสียงที่น่าฟังทางหู อยากได้กลิ่นหอมทางจมูก อยากลิ้มรสอร่อยทางลิ้น อยากได้การสัมผัสทางกายที่ไม่เย็นและร้อนจนเกินไป อยากได้การสัมผัสทางกายที่ไม่อ่อนและแข็งจนเกินไป เมื่อได้รับในสิ่งที่ต้องการก็มี “ความสุขสมหวังทางใจ”

ในทางกลับกันหากไม่ได้เห็นสิ่งที่สวยงามทางตา ไม่ได้ยินเสียงที่น่าฟังทางหู ไม่ได้กลิ่นที่หอมทางจมูก ไม่ได้รับรสชาติที่อร่อยทางลิ้น ไม่ได้รับการสัมผัสทางกายที่เย็นและร้อนอย่างพอเหมาะพอดี ไม่ได้รับการสัมผัสทางกายที่อ่อนและแข็งอย่างพอเหมาะพอดี เมื่อไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการก็มี “ความทุกข์ทางใจ”

 :96: :96: :96: :96:

การดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละคนมีการรับรู้ทางปัญจทวาร คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และนึกคิดทางมโนทวารหรือทางใจ ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อย่างถูกต้อง จึงมีแต่ความยินดีและความยินร้ายในสิ่งต่างๆ ที่เจือปนด้วย “กิเลสหยาบหนา” ไม่เว้นแต่ละวัน นำพาชีวิตให้เร่าร้อนด้วยไฟกิเลสที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา

ทั้งความโลภที่อยากได้และพอใจในสิ่งที่ต้องการ ความโกรธ ที่ไม่อยากได้และไม่พอใจในสิ่งที่ไม่ต้องการ ความหลง ที่ไม่รู้ความเป็นจริง แต่ผู้ที่ศึกษาพระธรรมที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง จึงจะไม่เป็นผู้ที่มีความยินดียินร้ายกับสิ่งต่างๆ จนเกินไป

เพราะมีสติยั้งคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในสิ่งที่ต้องการและไม่ต้องการ ไม่เป็นผู้เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจึงควรศึกษาพระธรรมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง “ความทุกข์” ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็จะมีน้อยลงไม่เดือดร้อนจนเกินไป

 :25: :25: :25: :25:

ในทางพระพุทธศาสนามีการกล่าวถึง โลกธรรม 8 ซึ่งเป็นธรรมดาของโลกมี 8 ประการ คือ มียศคู่กับเสื่อมยศ มีลาภคู่กับเสื่อมลาภ มีสรรเสริญคู่กับนินทา มีสุขคู่กับทุกข์ โลกธรรม 8 นี้ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน สิ่งใดที่มีอยู่ก็จะกลับไม่มีในเวลาใดเวลาหนึ่ง ถือเป็นธรรมดาของโลกไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนพุทธศาสนิกชน จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ ทั้งหลายที่มีอยู่ ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เหตุปัจจัยที่ดีย่อมส่งผลดี เหตุปัจจัยที่ไม่ดีย่อมส่งผลไม่ดีเช่นกัน

สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก ที่เกิดจากการมีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมของพระพุทธองค์อย่างถูกต้อง ความเห็นถูกในประการแรก คือ “เชื่อในกฏแห่งกรรมว่ากรรมมีจริง ผลของกรรมมีจริง ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง” หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์จะนำความสุขความเจริญแก่ผู้ที่น้อมนำไปประพฤติปฏิบัติทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

ความเห็นถูกในประการต่อมา คือ การรักษาศีล โดยละเว้นการประพฤติชั่วทางกายและวาจา การเจริญสมาธิโดยมีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้เท่าทันกับสิ่งที่มากระทบทางปัญจทวารและการนึกคิดทางมโนทวาร การเจริญปัญญาทางมโนทวารเพื่อให้รู้ถึงสภาวธรรมที่ประกอบด้วยรูปขันธ์และนามขันธ์เป็นอารมณ์

 st12 st12 st12 st12

ความเห็นถูกในประการสุดท้าย คือ อริยสัจ 4 ซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ คือ ทุกข์ (การเวียนว่ายตายเกิด) สมุทัย (เหตุที่เกิดทุกข์) นิโรธ (ความดับทุกข์) มรรค (วิธีให้ถึงความดับทุกข์)

สัมมาทิฏฐิ เป็นเบื้องต้นของอริยมรรคมีองค์ 8 ที่จะเป็นเหตุนำไปสู่การดับทุกข์มี 8 ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ) สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ) สัมมากัมมันตะ (การงานชอบ) สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ) สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ) สัมมาสติ (การระลึกชอบ) สัมมาสมาธิ (การตั้งจิตมั่นชอบ)

“พุทธศาสนิกชน” จึงไม่ควรตั้งอยู่บนความประมาทในการดำเนินชีวิต การศึกษาพระธรรม การประพฤติปฏิบัติตนโดยรักษากาย วาจา ใจให้สุจริต จะนำพาชีวิตให้มีความสุขความเจริญตามอัตภาพของแต่ละบุคคล



คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”
ขอบคุณภาพจาก : วิกิพีเดีย, sites.google.com, Suphak Chanthajit   
ขอบคุณที่มา  : https://www.dailynews.co.th/article/573173 (https://www.dailynews.co.th/article/573173)


หัวข้อ: Re: หนทางแห่งการดับทุกข์ เริ่มต้นจากมี"สัมมาทิฏฐิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 12, 2017, 12:58:05 pm
 st12 st12 st12


หัวข้อ: Re: หนทางแห่งการดับทุกข์ เริ่มต้นจากมี"สัมมาทิฏฐิ"
เริ่มหัวข้อโดย: suchin_tum ที่ พฤษภาคม 13, 2017, 08:51:10 pm
ขออนุโมทนาสาธุ