แม้ตื่นอยู่ ก็ยังชื่อว่าหลับ : แม้หลับอยู่ ก็ยังชื่อว่าตื่น
ชาครสูตรที่ ๖
[๑๓] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
เมื่อธรรมทั้งหลายตื่นอยู่ ธรรมประเภทไหนนับว่าหลับ
เมื่อธรรมทั้งหลายหลับ ธรรมประเภทไหนนับว่าตื่น
บุคคลหมักหมมธุลีเพราะธรรมประเภทไหน
บุคคลบริสุทธิ์เพราะธรรมประเภทไหน ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
[๑๔] เมื่ออินทรีย์ ๕ อย่างตื่นอยู่ นิวรณ์ ๕ อย่างนับว่าหลับ
เมื่อนิวรณ์ ๕ อย่างหลับ อินทรีย์ ๕ อย่างนับว่าตื่น
บุคคลหมักหมมธุลีเพราะนิวรณ์ ๕ อย่าง
บุคคลบริสุทธิ์เพราะอินทรีย์ ๕ อย่าง ฯที่มา :- ชาครสูตรที่ ๖ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=79&Z=90&pagebreak=0อรรถกถาชาครสูตรที่ ๖
พึงทราบวินิจฉัยพระสูตรที่ ๖ ต่อไป :-
บทว่า ชาครตํ แปลว่า ตื่นอยู่.
บทว่า ปญฺจ ชาครตํ อธิบายว่า
ก็เมื่อว่าโดยคาถาที่วิสัชนา เมื่ออินทรีย์ ๕ มีศรัทธาเป็นต้นตื่นอยู่ นิวรณ์ ๕ ก็ชื่อว่าหลับ.
เพราะเหตุไร. เพราะว่า บุคคลผู้พรั่งพร้อมด้วยนิวรณ์ ๕ นั้นนั่งก็ดี ยืนก็ดี แม้นอนจนอรุณขึ้นก็ดี ในที่ใดที่หนึ่ง ย่อมเป็นผู้ชื่อว่าหลับแล้ว เพราะความประมาท คือเพราะความเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยอกุศล.
เมื่อนิวรณ์ ๕ นี้หลับแล้วอย่างนี้ อินทรีย์ ๕ จึงชื่อว่าตื่นอยู่
เพราะเหตุไร. เพราะว่า บุคคลผู้พรั่งพร้อมด้วยอินทรีย์ ๕ มีศรัทธาเป็นต้นนั้น แม้นอนหลับในที่ใดที่หนึ่ง ก็ชื่อว่าเป็นผู้ตื่นอยู่ เพราะความไม่ประมาท คือ เพราะเป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยกุศล.
บุคคลย่อมถือเอา ย่อมถือ ย่อมถือมั่นซึ่งธุลี คือ กิเลสด้วยนิวรณ์ ๕ นั่นแหละ.
พึงทราบเนื้อความนี้ว่า นิวรณ์ทั้งหลายมีกามฉันทะเป็นต้นที่เกิดก่อน ย่อมเป็นปัจจัยแก่กามฉันทะเป็นต้นซึ่งเกิดขึ้นทีหลัง ดังนี้เป็นต้น จึงชื่อว่า บุคคลย่อมบริสุทธิ์ด้วยอินทรีย์ ๕ ดังนี้.
แม้ในที่นี้ ท่านกล่าวอินทรีย์ ๕ ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระดังนี้แล.ที่มา :- อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นฬวรรคที่ ๑ ชาครสูตรที่ ๖
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=13
อินทรีย์ 5 (ธรรมที่เป็นใหญ่ในกิจของตน)
1. สัทธา (ความเชื่อ)
2. วิริยะ (ความเพียร)
3. สติ (ความระลึกได้)
4. สมาธิ (ความตั้งจิตมั่น)
5. ปัญญา (ความรู้ทั่วชัด)
อินทรีย์ 5 (ธรรมที่เป็นใหญ่ในกิจของตน) ที่เรียกว่า อินทรีย์ เพราะความหมายว่า เป็นใหญ่ในการกระทำหน้าที่แต่ละอย่างๆ ของตน คือเป็นเจ้าการ ในการครอบงำเสียซึ่งความไร้ศรัทธา ความเกียจคร้าน ความประมาท ความฟุ้งซ่าน และความหลงตามลำดับ ที่มา :- พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)