ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - ธรรมะ ปุจฉา
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 18
121  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดราชสิทธาราม เมื่อ: ธันวาคม 02, 2012, 05:48:28 pm


จาก โนเกีย 2700
122  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เมื่อเพื่อน ผมคนหนึ่ง ได้สรุปว่า การปฏิบัติแท้จริง ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ทุก.. เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 04:52:05 pm
ถ้าในการปฏิบัติ ไม่มีอะไร  ก็แล้วจะปฏิบัติอะไร 

   น่าจะเป็นว่า ปฏิบัติให้รู้ว่า ที่แท้ จริงๆแล้ว มันไม่ได้มีอะไร

   แล้วก็ที่ว่าไม่มีอะไร รวมถึงตอนนี้ ท่านก็ไม่มีกิเลสแล้วด้วยใช่ไหม ?
123  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การเป็นพระอรหันต์ ได้นั้น ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ครับ เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 04:44:36 pm
พระสารีบุตร สำเร็จพระอรหันแล้วทำไมจึงกระโดดข้ามธารน้ำ เหมือนจะแสดงอาการที่ไม่เรียบร้อย นี้ เป็นแค่หนึ่งตัวอย่าง ยังมีอีกมากอีกหลายท่าน ลองช่วยกันพิจารณาดู
124  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประมวลภาพ ปฏิบัติธรรม คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2012, 01:04:29 pm






125  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ธรรมวันนี้เสนอคำว่า "โยนิโสมนสิการ" แปลว่า.... เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2012, 12:57:44 pm
ส่วนคำว่า มนสิการ คือ ความกระทำไว้ในใจ
126  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สังฆคุณ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2012, 07:33:48 pm
       ก็ได้กล่าวถึงเรื่องของพระสารีบุตร พระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงกันไปแล้ว ต่อจากนี้ก็จะขอขยายความ ในส่วนของพระสังฆรัตน หรือพระสังฆคุณ ๙

        ภควโต  สาวกสงฺโฆ   พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค
๑.  สุปฏิปนฺโน                          เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว
๒.  อุชุปฏิปนฺโน                        เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว
๓.  ญายปฏิปนฺโน                      เป็นผู้ปฏิบัติธรรม
๔.  สามีจิปฏิปนฺโน                     เป็นผู้ปฏิบัติสมควร
    ยทิทํ                                 นี้คือใคร
     จตฺตาริ  ปุริสยุคานิ                คู่แห่งบุรุษ  ๔
     อฏฺฐ  ปุริสปุคฺคาลา                บุรุษบุคคล  ๘
     เอส  ภควโต  สาวกสงฺโฆ         นี้พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค
๕.  อาหุเนยฺโย                          เป็นผู้ควรของคำนับ
๖.  ปาหุเนยฺโย                          เป็นผู้ควรของต้อนรับ
๗.  ทกฺขิเณยฺโย                        เป็นผู้ควรของทำบุญ
๘.  อญฺชลีกรณีโย                      เป็นผู้ควรทำอัญชลี
๙.  อนุตฺตรํ  ปุญฺญกฺเขตตํ  โลกสฺส  เป็นนาบุญของโลก  ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า

        สังฆคุณ  คือคุณของพระสงฆ์  พระสงฆ์ในที่นี้หมายเอาพระอริยสงฆ์  คือพระสงฆ์ที่ได้บรรลุธรรมวิเศษ  มีโสดาปัตติผล  เป็นต้น
        ที่ชื่อว่า  สาวก  เพราะฟังโอวาทานุสาานีของพระผู้มีพระภาคโดยเคารพ  หมู่แห่งสาวกทั้งหลาย  ชื่อว่าสาวกสงฆ์  หมายความว่าประชุมสาวกผู้ถึงความเป็นกลุ่มก้อนกัน  โดยเป็นผู้มีศีลและทิฏฐิเสมอกัน

        ๑. สุปฏิปนฺโน  ปฏิบัติแล้ว  ปฏิบัติชอบ  ข้อนี้มีความหมายกว้าง  ท่านอธิบายไว้หลายนัย  เช่น  ปฏิบัติไม่ท้อถอย  ปฏิบัติสมควรแก่พระนิพพาน  ปฏิบัติไม่เป็นข้าศึกแก่ธรรมและบุคคล  ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม  รวมความแล้ว  ได้แก่การปฏิบัติในทางสายกลาง  คือมัชฌิมาปฏิปทา  ไม่ตึงนักไม่หย่อนนักในธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว

         ๒. อุชุปฏิปนฺโน  เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว  คือเป็นผู้ปฏิบัติจริง ๆ ไม่ลวงชาวโลก  ไม่มีมายาสาไถย  ปฏิบัติตรงต่อพระศาสดา และเพื่อนสาวกสงฆ์  มิปิดบังอำพรางความในใจแม้แต่อย่างเดียว

         ๓. ญายปฏิปนฺโน  เป็นผู้ปฏิบัติธรรม  ท่านสันนิษฐานว่า  ญาย  ออกจาก  ญา  ธาตุ  แปลว่า รู้  จึงอธิบายว่า  เป็นผู้ปฏิบัติปฏิปทาเป็นเครื่องรู้  คือปฏิบัติเพื่อความรู้ธรรม  อักอย่างหนึ่ง  ญาย  แปลว่า  พระนิพพาน  แปลว่า  เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่พระนิพพาน

         ๔. สามีจิปฏิปนฺโน  เป็นผู้ปฏิบัติสมควร  เป็นผู้ปกฺบัติชอบ  คือปฏิบัติน่านับถือ  สมควรได้รับสามีจิกรรมจากเหล่าคนทุกจำพวก  ผู้ปฏิบัติเหล่านี้  คือใคร  คือถ้านับเป็นคู่  ได้บุรุษบุคคล  ๔  คู่  คือ

                       ๑. ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค
                           ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล

                       ๒. ท่านผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิมรรค
                           ท่านผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิผล

                       ๓. ท่านผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมรรค
                           ท่านผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิผล

                       ๔. ท่านผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตมรรค
                           ท่านผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผล

         ถ้านับเรียงตัวบุคคล  ได้บุรุษบุคคล  ๘  คือ  ผู้ตั้งอยู่ในมรรค  ๔  ผล  ๔  นี้เป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค

         ๕. อาหุเนยฺโย  เป็นผู้ควรของคำนับ  ได้แก่เป็นผู้ควรรับของที่เขานำมาบูชา  วัตถุที่เขานำมาบูชา  เรียกว่า  อาหุนะ  หมายความว่าของที่เขานำมาแต่ที่ไกลแล้วถวายในท่านผู้มีศีล  เพราะทำให้อาหุนะนั้น  มีอานิสงส์มาก  มีผลมาก

         ๖. ปาหุเนยฺโย  เป็นผู้ควรของต้อนรับ  อาคันตุกทานที่เขาจัดแจงไว้อย่างดี  เพื่อประโยชน์แก่ญาติและมิตรทั้งหลาย  ผู้เป็นที่รักที่ชอบใจ  ซึ่งจะมาจากทิศใหญ่น้อย  เรียกว่าปาหุนะ  ถึงอาคันตุกทานเช่นนั้น  เว้นจากญาติมิตรที่รักที่ชอบใจเหล่านั้นเสีย  ก็ควรถวายแก่พระสงฆ์เท่านั้น  พระสงฆ์นั่นแหละเป็นผู้ควรรับอาคันตุกทานนั้น  เพราะแขกเช่นพระสงฆ์หามีไม่

         ๗. ทกฺขิเณยฺโย  เป็นผู้ควรของทำบุญ  ทานที่บุคคลเชื่อปรโลกแล้วจึงให้  ชื่อว่าทักขิณา  พระสงฆ์ควรแก่ทักขิณานั้น  หรือเกื้อกูลแก่ทักขิณานั้น  เพราะทำทักขิณานั้นให้มีผลมาก  มีอานิสงส์มาก  พระสงฆ์จึงจัดว่าเป็นผู้ควรซึ่งทักขิณาหรือเกื้อกูลแก่ทักขิณา

         ๘. อญฺชลีกรณีโย  เป็นผู้ควรทำซึ่งอัญชลี (คืิอประนมมือไหว้) คือผู้ใดผู้หนึ่ง  นำเครื่องสักการะไปถวายถึงสำนักของท่าน  ท่านสามารถทำความเลื่อมใสให้เกิดได้  โดยไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง  และท่านก็เป็นปฏิคาหกที่สมควรแก่การทำบุญ  หรือผู้ใดผู้หนึ่งยกมือขึ้นไหว้ท่าน  ท่านก็มีความดีที่ทุกคนพอจะไหว้ได้  โดยไม่ต้องกระดากอาย

         ๙. อนุตฺตรํ  ปุญฺญกฺเขตตํ  โลกสฺส  เป็นนาบุญของชาวโลก  ไม่มีนาบุญอื่นที่ยิ่งกว่า  เพราะทักขิณาที่บุคคลเชื่อปรโลกแล้วถวายในพระสงฆ์  ผู้เป็นนาบุญอย่างยอดเยี่ยมของชาวโลก  ย่อมจะมีผลมาก  มีอานิสงส์มาก ดุจพื้นที่นามีดินดี  พืชที่บุคคลหว่านลงไปในนานั้น  ย่อมมีผลอันไพบูลย์  ฉะนั้น  พระสงฆ์นั้น  เป็นผู้บริสุทธิ์  จึงเป็นนาบุญที่หว่านพืชคือของทำบุญของชาวโลก  ไม่มีนาบุญชนิดอื่นยิ่งกว่า

          นี้ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราท่านทั้งหลาย จะได้มีโอกาสเจริญ สังฆานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์  ในวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ วันที่พระสารีบุตรเถระ พระเอตทัคคะด้าน เป็นผู้มีปัญญามาก ปรินิพพาน  และก็เป็นวันลอยกระทงของชาวไทย
127  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ไม่เพียงแต่เป็น "วันลอยกระทง" แต่ยังเป็นวันที่พระสารีบุตรปรินิพพาน เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2012, 04:24:48 pm
เฉลยเลย แล้วกัน

      เฉลย :  เป็นวันที่พระสารีบุตรนิพพาน

      ถาม :  เกี่ยวกับกรรมฐานมัชฌิมาอย่างไร ?
      ตอบ :  พระสารีบุตร เป็นพระอาจารย์ของพระราหุล
               ซึ่งเป็นต้นของกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ
               โดยได้เป็นพระอุปัชฌาย์ บรรพชาพระราหุล
               ตามพระดำรัสสั่งของพระพุทธองค์

      ถาม  : มีปฏิปทาอะไรที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ ?
      ตอบ  : คุณสมบัติของนักการทูต คือเป็นผู้ประกอบด้วยองค์คุณ ๘ ประการ ได้แก่
                    ๑. รู้จักรับฟัง
                    ๒. รู้จักกระทำให้ผู้อื่นรับฟัง
                    ๓. เล่าเรียนดี
                    ๔. ทรงจำได้ดี
                    ๕. เป็นผู้รู้ดี
                    ๖. กระทำให้ผู้อื่นรู้
                    ๗. ฉลาดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์
                    ๘. ไม่ก่อการทะเลาะวิวาท (มีปฏิภาณดี)

        เรื่องความอดทน จะขอยกมาหนึ่งตัวอย่าง เพื่อให้เป็นแบบปฏิบัติแก่ผู้ที่เป็นบุตรทั้งหลาย คือ ความดีของพระสารีบุตร น่าอัศจรรย์แท้ เมื่อโยมมารดาของท่าน ด่าว่าท่าน  ท่านก็ไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อยนิด

         เรื่องความเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที นับตั้งแต่ท่านได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ ได้ธรรมจักษุ และได้บวชพระแล้ว พอรู้ข่าวว่าพระอัสสชิเถราจารย์อยู่ในทิศใด ก่อนนอนท่านจะไหว้ไปทางทิศนั้น และนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น คุณความดีนี้แม้พระราหุลผู้เป็นศิษย์ก็ได้ปฏิบัติสืบทอด เช่นเดียวกัน คือ เมื่อทราบว่า พระสารีบุตร องค์อุปัชฌาย์อยู่ทางทิศไหน ท่านจะบรรทม หันพระเศียรไปทางทิศนั้นเสมอ ๆ

         ก่อนที่พระสารีบุตรจะนิพพาน ได้เกิดสลดใจ ด้วยนึกถึงโยมแม่ว่า " โยมแม่ของเรา ได้เป็นแม่ของพระอรหันต์ถึง ๗ องค์ แต่ว่าโยมแม่ยังไม่ได้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ " คือความเห็นผิด เพราะฉะนั้น เราจะไปช่วยเปลื้องโยมแม่ให้ออกจากมิจฉาทิฏฐิ แล้วเราจะปรินิพพานในห้องที่เราเกิด  จึงได้เข้าไปเฝ้าองค์พระศาสดาเพื่อทูลลานิพพาน ในช่วงหนึ่งได้กล่าว กับพระพุทธองค์ว่า " ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงพอพระทัยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  อันมีในกาย  วาจาของข้าพระองค์  ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระกรุณาอดโทษแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด "

          พระสารีบุตรเดินทางมาจนถึงที่บ้าน  ฝ่ายนางสารีพราหมณีมารดาของพระสารีบุตร ก็คิดขึ้นด้วยความฉงนสนเท่ว่า  " บัดนี้ลูกชายของเราคงเบื่อการบวช และคงประสงค์จะสึกกระมัง "  ในขณะที่พระสารีบุตรนอนพัก เพราะการอาพาธอยู่ในห้องนั้น  ได้มีเหล่า เทวดา พรหม ได้เวียนกันมาเพื่อจะพยาบาล นางสารีพราหมณีอยู่ด้านนอกแอบเห็น พอได้โอกาส จึงเข้าไปหา และถาม " อุปติสสะ ดูก่อนพ่อ พวกที่เข้ามาหาลูกนั้นเป็นใครเล่า "  เมื่อได้ทราบว่าเป็น บรรดาเหล่าเทพ พรหม มากัน ก็ตกใจ " ลูกเป็นใหญ่กว่าเทพ พรหม เหล่านั้นหรือ "  นางพราหมณีถามด้วยความแปลกใจที่คาดการณ์ไม่ถึง

          ลำดับนั้น ปีติความอิ่มเอิบใจ บังเกิดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของนางพราหมณี และคิดเทียบเคียงว่า "ลูกของเรา ยังมีอนุภาพถึงเพียงนี้ แต่พระบรมครูของลูกชายของเราจักมีอนุภาพสักเพียงไหน"   พระสารีบุตรจึงเริ่มแสดงธรรม นางสารีได้ฟังธรรมจบแล้ว ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน    พระสารีบุตรคิดว่า "บัดนี้เราได้ตอบแทนค่าข้าวป้อน และค่าน้ำนมของโยมแม่ได้สมมโนรถแล้ว"

           เมื่อแสงอรุโณทัยปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า  ท่านพระสารีบุตรก็ดับขันปรินิพพานพอดี  ซึ่งวันนั้นตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒  และในขณะนั้น พื้นแผ่นดินอันใหญ่นี้ ก็เกิดอาการไหวบันลือลั่น  ประดุจว่าจะทรุดทำลายไป

            ฝ่ายนางสารีอุบาสิกา ผู้เป็นโยมแม่ของพระสารีบุตร ได้ลุกขึ้นด้วยคิดว่า "ลูกเราไม่กล่าวสิ่งใดอีกหรือ  แล้วไปคลำดูที่หลังเท้าของพระเถระ ก็ทราบว่าปรินิพพานแล้ว  จึงเปล่งเสียงร้องไห้ดังลั่นออกมา ผด้วยความเป็นแม่ ที่รักลูก) และได้หมอบลงในสถานที่ใกล้เท้าของพระเถระ ร้องไห้รำพันอยู่จนกระทั่งเวลาสว่าง  โดยกล่าวถึงพระสารีบุตรเถระว่า "ลูกเอ๋ย  เมื่อก่อนแม่ไม่รู้จักความดีของลูก  พอมาบัดนี้ แม่ไม่มีโอกาสที่จะนิมนต์ให้พระภิกษุหลายร้อยหลายพันหลายแสนองค์ ซึ่งมีลูกเป็นต้น  มานั่งฉันอาหารที่บ้านนี้เสียแล้ว  แม่ไม่มีโอกาสที่จะให้ลูกได้นุ่งห่มสบงจีวรได้อีกแล้ว  แม่ไม่มีโอกาสที่จะสร้างวิหารตั้งร้อยตั้งพันหลังเสียแล้ว"

            พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอานนท์  ดูก่อนอานนท์  ต้นไม้ใหญ่ ๆ ที่มีแก่นแข็งแรง ก็ต้องแตกหักผุพังไปฉันใด  สารีบุตรซึ่งเป็นเหมือนกับต้นไม้ใหญ่  โดยเป็นที่พึ่งพาของพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมาก  ก็ต้องปรินิพพานไป ฉันนั้น 
128  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ไม่เพียงแต่เป็น "วันลอยกระทง" แต่ยังเป็นวัน ... ! (คำใบ้้้) เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2012, 12:25:53 pm
คำใบ้เพิ่ม " เยธัมมา " (ในสมัยโบราณ ถือเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา)



เครดิตรูปภาพ : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=61

จุดประสงค์ของการถามคำถามนี้
       
         ๑.  เพื่อให้เกิดการศึกษาค้นคว้า
         ๒.  เพื่อศึกษาปฏิปทาแนวทางในการปฏิบัติ
         ๓.  เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของวันนี้
         ๔.  เพื่อให้สมดังคำที่เรากล่าวว่า "สังฆัง  สะระณัง  คัจฉามิ"
              ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
129  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประมวลภาพ ปฏิบัติธรรม คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2012, 05:00:37 pm
โยมมาถือศิลปฏิบัติธรรมที่พระอุโบสถ วันวิสาขบูชา 13 พ.ค. 57 เวลา 09.00 น.

130  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประมวลภาพ ปฏิบัติธรรม คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2012, 03:24:57 pm
พระภิกษุใหม่มาขึ้นและนั่งกรรมฐานด้วยเครื่องบูชา เรียกว่าขันธ์ห้า มีดอกไม้ ๕ ดอก ข้าวตอก ๕ ถ้วย ธุป ๕ ดอก เทียน ๕ เล่ม ใส่ในถาดเดียวกัน กองที่ ๑ บูชาพระพุทธ กองที่๒ บูชาพระธรรม กองที่ ๓ บูชาพระสงฆ์ กองท่ี ๔ บูชาพระกรรมฐาน กองที่ ๕ บูชา พระอาจารย์ผู้บอกกรรมฐาน ท่ีวัดราชสิทธาราม 15 พ.ค. 57 เวลา 14.00น

131  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / ประมวลภาพ ปฏิบัติธรรม คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2012, 12:15:19 pm
เป็นภาพที่คณะ 5


132  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ไม่เพียงแต่เป็น "วันลอยกระทง" แต่ยังเป็นวันที่พระสารีบุตรปรินิพพาน เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2012, 09:53:46 am
ไม่เพียงแต่เป็นวันลอยกระทง ! แต่ยังเป็นวันอะไร ใครรู้มั่ง ?

ในวันนี้ เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ศิยษ์กรรมฐาน ควรรู้

ใครรู้ก็ช่วยกันอธิบายกันไปก่อน นะจ๊ะ !

หรือจะลองค้นหาคำตอบกัน ใบ้ให้นิดนึง

เป็นพระอาจารย์ ของพระอาจารย์ ของพระ ... ... ...![/color][/size]
133  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / ประกาศ อนุโมทนา บุญกุศลเรื่อง กิจกรรมการเผยแผ่เว็บ www.madchima.org เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2012, 10:00:26 am
เป็นความตั้งใจจ๊ะ ที่จะย้อนมา ตรงที่ครบรอบหนึ่งปีตรงนี้  เพื่อประสงค์ จะเห็นของเก่า เหมือนย้อนดูอดีต ดูการเติญโต ของชาวธรรม และสิ่งต่าง ๆที่เราท่าน ทุกคนได้ช่วยกันทำ ให้เกิดสิ่งดี ๆ (ขอบใจจ๊ะ  :s_good: ก็คงจะมีฉันอยู่คนเดียว ที่ทำอะไรแปลก ๆ  :c017: )   :welcome:
134  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / ประกาศ อนุโมทนา บุญกุศลเรื่อง กิจกรรมการเผยแผ่เว็บ www.madchima.org เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2012, 09:24:11 pm


กระผม พระศรีคเณศ ปญฺญาปโชโต
กราบขอขมา พระอาจารย์สนธยา ธมฺมวํโส อย่างสูง
ที่ผ่านมา ถ้ามีอะไนที่ได้ล่วงเกิน ทั้งกาย วาจา ใจ ด้วยความยังเป็นปุถุชน ด้วยความรู้ ที่ยังเข้าไม่ถึงธรรม   ของดโทษทั้งปวง อย่ามีแก่กระผมเลย (สาธุ)

ขอพระอาจารย์เป็นที่พึ้งขอพวกเราตลอดไป (แม้อาจจะต้องมีวันที่จากกัน)

และขอให้เว็ป www.madchima.org นี้ อยู่คู่ชาวธรรมตลอดไป



อย่างเข้าปีที่ 4 แล้ว ไวเหมือนโกหก ความรู้สึกส่วนตัวเหมือน ผ่านมาแค่ปีเดียวเอง (ไวจัง เร็วมากเลย)

และก็ขอให้สมาชิกธรรม และผู้ที่เข้ามาเยื่ืยมชมทุกท่าน ประสพกับความสุขความเจริญ
สำเร็จธรรม กันทุกท่าน



และขอถือโอกาสอวยพรปีใหม่ด้วยเลย
ต้องขอยืมคำอวยพร ของพระรูปหนึ่ง มาอวยพรว่า
ขอให้ทุกท่าน รวยโดยฉับพลัน เถิด สาธุ[/color][/size]


135  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เผยชีวิตสุดทึ่งของโฮเซ มูจีกา ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 05:20:17 pm
เผยชีวิตสุดทึ่งของโฮเซ มูจีกา ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก



หากจะพูดถึงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว คนเกือบทุกคนบนโลกใบนี้คงจะคิดถึงผู้นำประเทศที่มีหน้ามีตาในสังคม มีบ้านพักหรูโอ่อ่าสมกับตำแหน่ง และไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนขับรถอารักขากันเป็นขบวน แต่หากใครได้เห็นวิถีชีวิตของประธานาธิบดีอุรุกวัยคนนี้แล้ว รับรองว่าต้องอึ้ง เพราะแม้ว่าตำแหน่งของเขาจะใหญ่โตที่สุดในประเทศ แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบชาวไร่ชาวนา อยู่ในบ้านหลังซอมซ่อ พอมีพอกินเฉกเช่นเกษตรกรคนหนึ่ง

 และนี่คือภาพวิถีชีวิตของ โฮเซ มูจีกา ประธานาธิบดีแห่งอุรุกวัยวัย 77 ปี ที่ได้รับการขนานนามว่า "ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก" จากการที่เขามีแนวคิดการใช้ชีวิตที่แปลก แตกต่างจากนักการเมืองคนอื่น ๆ นั่นคือ ปฏิเสธบ้านพักหรูที่ทางการจัดให้ ปฏิเสธการใช้ชีวิตหรูหรา แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตกับภรรยาอย่างสมถะอยู่ในบ้านเก่า ๆ หลังหนึ่งในชนบทนอกเมืองมอนเตวิเดโอ อยู่อย่างพอเพียง ทำสวน สูบน้ำขึ้นมาใช้เอง โดยมีสุนัขพิการ 3 ขา เป็นคู่หู คอยติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยเสมอ

 มูจีกาได้เปิดเผยว่า "แม้ว่าผมจะได้รับฉายาว่า ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก แต่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองจนเลยนะ คนจนสำหรับผมน่ะ คือคนที่เอาแต่ทำงานงก ๆ เพื่อยกระดับชีวิตตัวเองให้ร่ำรวย และมีความต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่ผมเป็นนี่แหละคืออิสรภาพอย่างแท้จริง ถ้าหากคนเราไม่มีความต้องการอะไรมาก เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานเยี่ยงทาสเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการเหล่านั้น และเราก็จะมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ผมอาจดูเป็นคนแก่ที่แปลกนะ แต่นี่คืออิสรภาพสำหรับผม"


 ขอขอบคุณภาพประกอบจาก izismile.com
 kapook.com

บทความจาก : http://www.facebook.com/photo.php?fbid=549087581771740&set=a.211100928903742.65540.211072425573259&type=1&ref=nf
136  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ภาพผนังวอลเปเปอร์ใหม่ ณ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 05:13:41 pm
ตามคำเรียกร้อง  ตอนนี้ มีเจ้าภาพ ศรัทธา ติดวอลเปเปอร์ ฝาผนังใหม่ อย่างสวย ก็นำภาพมาให้ชมกัน












































137  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เก็บข่าวมาเล่าน้องกอหญ้า ๓วันไม่อิตโรยทั้งที่แม่เสียชีวิตแล้ว อ้างแม่มาให้นม เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 05:33:01 pm
แม่ยังเล่นอยู่กับหนู แม่เปิดประตูให้หนู แม่เอานมให้หนูกิน แต่แม่หนูตายมา 3 วันแล้ว!

หนูอยู่กับแม่ 2 คน! (3 วันที่แม่จากไป) !!! "แม่ยังเล่นกับหนูอยู่เลย

สุดสลด!เด็กหญิงวัย 3 ขวบไร้เดียงสา ไม่รู้แม่ป่วยตายมา 3 วัน นอนกอดศพแม่ตลอด ญาติไม่ติดใจเชื่อป่วยเป็นโรคลมชัก ผวาเด็กบอกแม่เปิดประตูบ้านให้ ทั้งที่ตายไปหลายวัน




เมื่อเวลา 12.45 น. (14 พ.ย. 55) ทีมข่าว RKU News ทีมงานคนหลังไมค์ รับการประสานงานจาก ศูนย์วิทยุพระนคร มูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งพบผุ้เสียชีวิตหลายวัน!

ศูนย์วิทยุพระนคร มูลนิธิร่วมกตัญญู จัดเจ้าหน้าที่ น.เขต นคร 65 พร้อมด้วย บูรณะ 01,25 ทุ่งครุ 27 น.พยาบาลคันที่ 7 พร้อมกำลังเข้าสนับสนุนที่เกิดเหตุ!

ที่เกิดเหตุ! ทาวเฮ้าส์เลขที่ 846/437 หมู่บ้านสินทวี สวนธน ซอยประชาอุทิศ 44 แยก 6 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ...

เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ! ต้องผงะ! เมื่อเจอหนูน้อยน่าตาน่ารักวัย 3 ขวบ สวมเสื้อยืดที่มีคราบน้ำเหลืองเปื้อนเต็มตัวยืนอยู่กับญาติๆที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว!

จากการสอบถามทราบชื่อ "น้องกอหญ้า" อายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิตนั่นเอง...

ในส่วนผุ้เสียชีวิต อยู่ภายในห้องนอน ชั้นที่ 2 ของบ้านหลังดังกล่าว...

โดยสภาพศพเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน โดยเริ่มเน่าและส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ...

ตรวจสอบทราบนาม นางอรณัชดา ไทยสกลุทอง อายุ 35 ปี สภาพศพนอนตะแคง สวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน นอนห่มผ้านวมสีน้ำเงินลายดอก...

จากการสอบถามทางญาติแจ้งว่า ผู้ตายขาดการติดต่อประมาณ 3 วันมาแล้ว โดยที่เพื่อนผู้ตายโทรมาหาญาติๆ สอบถามว่าทำไมผุ้ตายไม่ไปทำงาน...

ทางญาติจึงเดินทางมาตรวจสอบที่บ้านหลังเกิดเหตุ! ซึ่งเมื่อมาถึงก็พบว่า "น้องกอหญ้า หรือ ด.ญ.กชกร ไทยสกุลทอง" อายุ 3 ขวบ ได้เดินออกมายืนที่หน้าบ้าน...

โดยสภาพที่พบเจอ เสื้อเปื้อนไปด้วยเลือด น้ำหนอง ทั่วทั้งร่างกาย...

จึงชวนเพื่อนบ้านเข้าไปดูภายในบ้าน ก็พบร่างของแม่น้องกอหญ้า เสียชีวิต เริ่มเน่าเปื่อยมาหลายวันแล้ว...

ซึ่งต่อมาอาสาสมัครได้มาสอบถาม "น้องกอหญ้า" ด้วยภาษาของเด็กๆ น้องบอกว่า... แม่ไม่สบาย มีเลือดไหลด้วย!

เมื่อถามว่า "น้องกอหญ้า" ทานอะไรหรือยัง? ... น้องบอกว่า... หนูดื่มนมทุกวัน เพราะม่าม๊าให้หนูดื่มนมในตู้เย็นทุกวัน!

โดยที่ความสงสัยยังมีอยู่ เพราะบ้านโดนปิดล็อคหนาแน่น จึงถามว่า "น้องกอหญ้า" ออกมายืนที่หน้าบ้านได้อย่างไร? น้องบอกว่า... แม่เปิดประตูให้หนูออกมาหาอี้ และ ยังเล่นกับหนูอยู่เลย!

ซึ่งด้วยความที่เป็นเด็ก "น้องกอหญ้า" นอนกอดร่างอันไร้วิญญาณของคุณแม่ทุกคืนวัน ไม่ทราบว่าแม่เป็นอะไร คงนึกว่าแม่นอนหลับก็อยู่ จึงนอนกับแม่ทุกคืนวัน ทั้งที่แม่จากไปแล้ว!

สาเหตุเบื้องต้นผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นลมชักมาตั้งแต่เกิด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่เสียชีวิตในครั้งนี้!

ร.ต.อ.อาทิตย์ ศรีสุพจน์ ร้อยเวร สน.ราษฎรบูรณะ ว.0 ให้ นคร 67 บันทึกภาพ พิมพ์มือ ส่งนิติเวชศิริราช...

หมายเหตุ! "น้องกอหญ้า" อยู่กับคุณแม่ 2 คน เพราะคุณพ่อได้เลิกราไปตั้งแต่น้องยังไม่ถึง 1 ขวบ ... ซึ่ง ณ เวลานี้! คุณน้ารับ "น้องกอหญ้า" ไปดูแลต่อแล้วจ๊ะ...



ส่วนเรื่องประหลาดที่น้องกอหญ้าพูดกับผู้สื่อข่าวโดยมีชาวบ้านร่วมฟังถึงเหตุการณ์ที่ว่า ทำไมถึงออกจากบ้านได้ โดยน้องกอหญ้าบอกว่า แม่เป็นคนเปิดประตูให้ และยังเล่นกับหนูอยู่เลย ได้สร้างตกใจและขนหัวลุกไปตามๆ กันนั้น วันนี้ชาวบ้านต่างโจษจันถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าเป็นความรักความผูกพันลูกกับแม่ แม้จะตายไปแล้วแต่ก็ยังเป็นห่วงลูก


ขอบคุณภาพข่าวโดย...
Collon Thungkgkru และ Hatori Yamasaki อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญ
และ www.dailynews.co.th

138  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ? เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 02:01:15 pm
น่าจะเป็นอย่างนี้นะจ๊ะ (วิจารส่วนตัว) การเป็นเช่นนั้น จึงได้ชื่อนั้น ๆ  คือ เช่น เป็นผู้อยู่ในมรรค นั้นแล้ว จึงเรียก มรรคสมังคี  แต่การที่อยู่ระหว่าง ทำให้สำเร็จ กำลังทำการรวบรวมอยู่ คิดว่า น่าจะยังเรียก ว่า มรรคสมังคีไม่ได้ เพราะยังทำการประกอบอยู่  องค์ประกอบ ยังไม่ครบ ยังไม่สมบูรณ์ยังไม่สำเร็จ 

ตามความเข้าใจส่วนตัวแล้ว ก็คือ การกระทำต่าง ๆ นะแหละ ที่บุคคลทำ นำมาเป็นชื่อของบุคคลนั้น ๆ คล้าย ๆ อย่างนั้น เช่นอย่างในภาษอังกฤษ คำว่า fishery แปลว่า การจับปลา ซึ้งเป็นการกระทำ เป็นกิริยา  แต่พอเป็น fisherman ก็กลายเป็นคนตกปลา     
139  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เก็บข่าวมาเล่า เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 12:58:03 pm

เก็บข่าวมาเล่า 
หญิงรายหนึ่งคลอดลูกออกมาเป็นม้า สำนักข่าวไนจีเรีย เนชั่น รายงานว่า หญิงรายหนึ่งในเมือง เบนิน อ้างว่าทำการคลอดลูกออกมา ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง สิ่งที่พบก็คือ มีสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายกับม้า ซึ่งหญิงดังกล่าวยังไม่มีการยืนยันชื่อ แต่รายงานระบุว่า ระหว่างที่เธอคลอดลูกออกมาเป็นม้า มีเลือดออกมาจากช่องคลอดเป็นจำนวนมาก มีวัตถุขนาดใหญ่ปิดกั้นช่องคลอดเอาไว้ และเมื่อคลอดออกมาเธอก็ถึงกับงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น



อีวานเจลิส เวลลท์ หัวหน้าโบสถ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ระหว่างที่ทำการสวดมนต์ ก็พบสิ่งผิดปกติกับช่องคลอดของหญิงดังกล่าว เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มีเลือดออกจำนวนมาก โดยร่างของสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากช่องคลอดมีลักษณะคล้ายกับม้า แต่ไม่ยืนยันว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่ก็พบภายหลังว่า ร่างดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว

 ผมไม่สามารถอธิบายสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากร่างของเธอ และก็ไม่เคยพบกรณีแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน ระหว่างที่เธอคลอดก็ถึงกับช็อคกับสิ่งที่เห็น

 อย่างไรก็ตาม ภาพสิ่งมีชีวิตที่เผยแพร่ตามนั้น ยังคงมีการถกเถียงกันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือ บางส่วนมองว่าเป็นการลงโทษของพระเจ้าที่ทำให้เธอต้องคลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ แต่ขณะที่บางรายก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้

 ผู้ที่เห็นเหตุการณ์อย่าง เวโรนิกา อีจิบอร์ (Veronica Egiebor) พยาบาลระบุว่าหญิงดังกล่าวเป็นแม่ค้าขายผักมากว่า 10 ปี ได้คบหากับแฟนหนุ่มคนหนึ่ง แต่ถูกกีดกันจากแม่ของฝ่ายชายจึงเลิกรากัน และเธอก็ได้แต่งงานกับสามีใหม่

 พยาบาลระบุว่า หญิงรายนี้มักบ่นเสมิว่า มีเหตุประหลาดเกิดขึ้นคือ บางครั้งจะรู้สึกเหมือนตัวเองท้อง แต่ไม่ได้ท้องโตเหมือนคนท้องแต่อย่างใด จึงได้เข้าทำพิธีกรรมในโบสถ์มากกว่าจะไปที่โรงพยาบาล

 ศาสตราจารย์นายแพทย์Jerry Uwaifo กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะคลอดลูกออกมาเป็นม้า แต่จะมีลักษณะที่เด็กมีความพิการ จนร่างกายผิดปกติเท่านั้น แต่ไม่ใช่สัตว์


โพส์เมื่อ : 26 ก.ย. 2555 เวลา 11:00:00
ที่มา :  http://toptenthailand.com/2012/topten-news-info.php?cate_id=1&nid=567
140  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ? เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 12:26:39 pm
สมังคี  ผู้พรั่งพร้อม,  ผู้พร้อม (ด้วย... ),  ผู้ประกอบ (ด้วย... );  มักใช้เป็นบทท้ายในคำสมาส  เช่น  กุศลสมังคี (ผู้ประกอบด้วยกุศล)  โทสสมังคี (ผู้ประกอบด้วยโทสะ)  มรรคสมังคี (ผุ้ประกอบด้วยมรรค  คือ  ตั้งอยู่ในมรรค  เช่น  ในโสดาปัตติมรรค)  ผลสมังคี (ผู้ประกอบด้วยผล  คือ  ได้บรรลุผล  เช่น  ถึงโสดาปัตติผล  เป็นโสดาบัน  เป็นต้น)

ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสน์  ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) 
141  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ในการร่วมทำบุญ ส่งเสริม ธรรมทาน เผยแผ่ โดยการส่งปัจจัย เป็นธนาณัต เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 10:14:58 pm
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคยมีเกิดขึ้นแล้ว

ในเดือน ตุลาคม 2553 ต้องต่อสัญญาค่าโดเมน และ ค่าเช่าโฮสติ้ง เป็นจำนวนเงิน 2000 บาทใครต้องการเป็นเจ้าภาพ ในการแจกธรรมก็ติดต่อแจ้งความประสงค์มาที่ อาตมาได้
ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดทำหนังสือ คำบรรยาย กรรมฐาน + cd file บรรยายธรรม ของขวัญปีใหม่
ร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ดูรายชื่อได้ที่ลิงก์นี้ นะจ๊ะ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1415.msg6522#msg6522

ที่สอบถามกันมานะจ๊ะ ในการร่วมทำบุญ ส่งเสริม ธรรมทาน เผยแผ่ โดยการส่งปัจจัย
             เป็นธนาณัติ สั่งจ่าย  ปณจ.ปากเพรียว 18001 ในนาม
                            พระสนธยา ธัมมะวังโส
                   สำนักงานส่งเสริม พระกรรมฐาน สระบุรี
   6/14 ซอย 10 ถนน เทศบาล 4 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี 18001


ที่เป็นตัวสีฟ้า พระอาจารย์เคยให้ไว้เองที่ : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=572.msg2273#msg2273

นี้เป็นสิ่งที่ พระอาจารย์ ได้ให้ไว้แล้ว ก็เป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องแล้ว คิดว่า ความคิดความอ่านของพวกเรา
คงจะไม่มีใคร เก่ง รอบคอบ ชัดเจน เิกินพระอาจารย์ นะ!

แต่กลับจะเป็นสิ่งที่ดีมากด้วยซ้ำ ที่การที่เราจะทำบุญนี้ได้ อีกนัยหนึ่ง ก็จะต้อง มีความเพียรพยายาม พอสมควร
เราจึงจะพาตัวเรา ไปที่ไปรษณีย์ได้ 

ถ้าเราจะมามองกันให้เกิดประโยนช์นั้นมีมาก 
เริ่มตั้งแต่ 
      - ต้องมีความตั้งใจอย่างสูง ที่จะทำบุญ
      - ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ละความสบาย ที่เคยทำธุระกรรม
      - ต้องมีการว่างแผน การจัดการเวลา การจัดการการเิดินทาง ศึกษาดูว่าที่ทำการไปรษณีย์
         เปิดบริการตอนไหนบ้าง  ตั้งอยู่ที่ตรงไหน จะเดินทางไปที่ทำการไปรษณีย์ได้อย่างไร
       
     สิ่งทั้งหมดเหล่านี้ จะว่าง่าย ก็ง่าย จะว่ายาก ก็ยาก  แต่การที่เราสามารถทำได้ นั้นแสดงให้เห็นว่า เราได้ละเงื่อนไขของตัวเองที่มี  และยอมรับคนอื่น   

และสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง ในสังคม ถ้าเราทุกคนละเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เราได้สร้างขึ้นมา เป็นกรอบกำแพง ล้อมรอบตัวเอง ปิดกั้นตัวเอง คุณจะเห็น สิ่งอื่นๆ ที่ดีๆ อีกมากมาย ที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ ที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน

ส่วนหนึ่งคิดว่าพระอาจารย์ รู้ดีอยู่แล้วว่า จะไม่มีใครไปที่ไปรษณีย์ แน่นอน ก็สอดคล้องกันกับ ที่ไม่ได้บอกเลขบันชี แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นไม่ให้ร่วมทำบุญกัน

แต่ถ้าหากมีความแนวแน่ตั้งใจจริง อย่างสุดซึ้งแล้ว การที่เราจะไปส่งธนาณัติ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เดินทางไปต่างจังหวัดยังไกลกว่า นานกว่าเลย

เหล่านี้ ก็เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่จะทำใ้ห้ท่านทั้งหลายได้บุญมาก
ส่วนได้บุญมากอย่างไร คงต้องรบกวน ให้คุณnathaponsonมาบอกเหล่าให้ได้รู้กัน

และในส่วนที่ผู้เขียน เขียนนี้ ผู้เขียน ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว พระศรีคเณศ ปัญญาปโชโต
142  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ขอความช่วยเหลือต้องเลือดกรุ๊ป โอ จำนวนมากภายในวันศุกร์นี้ เพื่อทำการผ่าตัด เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 04:53:24 pm
ทางทีมงานได้ ติดต่อทางโทรศัพท์กับคุณรุ่งโรจน์ เพื่อทราบข่าว และความคืบหน้า ได้รับการตอบว่า หลังจากที่ได้มีการประการแจ้งข่าว ต้องการเลือดกรุ๊ปโอ เพื่อใช้ในการผ่าตัด  หลังจาก 1 ชม. ผ่านไปได้มีความช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามา จนตอนนี้ทางโรงพยาบาล ได้ปิดรับเลือดแล้ว เพราะตอนนี้ได้รับบริจาคเพียงพอแล้ว

ก็ขอขอบคุณแทนคุณรุ่งโรจน์กับทุกน้ำใจที่ทุกท่านมีให้กัน  สาธุ  สาธุ
143  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขอความช่วยเหลือต้องเลือดกรุ๊ป โอ จำนวนมากภายในวันศุกร์นี้ เพื่อทำการผ่าตัด เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 04:09:02 pm


มีเรื่องประชาสัมพันธ์ ขอความช่วยเหลือครับ หลานสาวผม น้องวุ้น ด.ญ.วรนิษฐา ภมรสูตร อายุ 13 ปี ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง นอนอยู่ รพ.ราชวิถี ต้องการรับบริจาคเลือด กรุ๊ป O โอ จำนวนมากภายในวันศุกร์นี้ เพื่อทำการผ่าตัด หากท่านใดมีเลือดกรุ๊ป โอ หรือกรุ๊ปใดก้ได้ครับทางรพ.ให้แลกกรุ๊ปเลือดได้ และสามารถบริจาคเลือดได้ ต้องการช่วยเหลือบริจาคได้ที่ รพ.ราชวิถี มุมอนุเสาวรีชัยสมรภูมิ ติดต่อ รพ.ราชวิถี อาคารสิรินธร ชั้น 7 แผนกธนาคารเลือด หรือติดต่อคุณพ่อน้องวุ้นที่เบอร์ 0874089456 หรือติดต่อที่ผม รุ่งโรจน์ 0863385215

ก็ได้เวลาชาวธรรม ที่จะได้มีโอกาศที่จะได้ช่วยเหลือกันแล้วนะจ๊ะ
ใครช่วยได้ก็รพกวนช่วยกันนะจ๊ะ ส่วนตัวผู้เขียน ได้ไปบริจากมาก่อนหน้านี้ไปแล้ว กรุ๊ป AB

งานนี้ได้บุญกันอย่างแรง  สาธุ ล่วงหน้าก่อนเลย สาธุ สาธุ


จาก : http://www.facebook.com/photo.php?fbid=468307379886128&set=a.164571166926419.40707.100001206115757&type=1&ref=nf
144  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เจลลี่ พระราชทาน เป็นเงินส่วนพระองค์ของในหลวงทำออกมาแจกให้กับผู้ป่วย เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 01:18:55 pm

ทราบเรื่องนี้ แล้วรู้สึกสำนึกในพระเมตตาของพระองค์ท่านอย่างยิ่ง  เลยขอกระจายให้คนไทยบางคนที่ไม่ทราบ
 เจลลี่ พระราชทาน เป็นเงินส่วนพระองค์ของในหลวงทำออกมาแจกให้กับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งในช่องปาก และผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤก อัมพาต ผู้ป่วยที่ไม่สามารถกินอาหารได้ต้องให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการบดเคี้ยวลิ้นแข็ง เบื่ออาหาร ทำให้ร่างกายผู้ป่วยผอม ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ลองไปขอรับเจลลี่ พระราชทาน มารับประทานดู มันจะเหมือนเต้าหู้นิ่มก้อนสี่เหลี่ยม มีรสชานม กับรสมะม่วงกินแทนข้าวมันจะอิ่ม หรือจะกินข้าว แล้วกินเจลลี่ พระราชทานคู่กันไปด้วยก็ได้ แต่ถ้ากินข้าวได้ก็ให้กินข้าว แต่ถ้ากินข้าวไม่ได้ก็ให้กินเจลลี่ พระราชทาน 1 มื้อ ต่อ 1 กล่อง
 ผลิตภัณฑ์ “นวัตกรรมอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก” เป็นอาหารสำเร็จรูปรับประทานได้ทันที มีลักษณะกายภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว ทำให้เคี้ยวและกลืนได้ง่าย แม้จะไม่มีฟันหรือเจ็บปากเจ็บคอ มีองค์ประกอบเป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตประมาณ 50% โปรตีนประมาณ 20% และไขมันประมาณ 30% จึงถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง
 เจลลี่โภชนา 1 กล่อง มีปริมาตร 250 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 230-260 กิโลแคลอรี จึงเหมาะสำหรับรับประทานเสริมเพื่อให้ได้รับพลังงานจากอาหารเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาการบดเคี้ยวและการกลืน เช่น ผู้ป่วยมะเร็งช่องปากและคอหอย ซึ่งมีคุณภาพชีวิตไม่ดี เนื่องจากขาดสารอาหารและน้ำหนักลด ดังนั้น การรับประทานเจลลี่โภชนาจึงจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ ปัจจุบันเจลลี่โภชนาที่ผลิตสำเร็จแล้วมี 2 รสชาติ ได้แก่ รสชานมและรสมะม่วง
 หากต้องการเจลลี่โภชนาพระราชทานต้องทำอย่างไร?
 เจลลี่โภชนาพระราชทาน เป็นอาหารพระราชทาน ห้ามจำหน่าย จึงยังไม่สามารถหาซื้อได้ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ตามมูลนิธิได้จัดทำโครงการอาหารพระราชทานสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก ซึ่งจะแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก หรือ อื่นๆ ที่มีปัญหาการเคี้ยว การกลืน ตามสถานพยาบาล 10 แห่ง คือ
 • คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา กรุงเทพฯ 02-3087600 กด 9, 088-0223049
 • โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา 044-235582, 081-955-9002
 • สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรุงเทพฯ 02-3547025-35
 • ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 02-5461960-6
 • ศูนย์มะเร็งชลบุรี 038-784001-5
 • ศูนย์มะเร็งลพบุรี 036-621800
 • ศูนย์มะเร็งลำปาง 054-335262-8
 • ศูนย์มะเร็งอุดรธานี 042-207375-80
 • ศูนย์มะเร็งอุบลราชธานี 045-285610-5, 045-285637-40
 • ศูนย์มะเร็งสุราษฎร์ธานี 077-211625-8 ต่อ 1006
 ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถานพยาบาล ดังกล่าว หรือ ติดต่อสอบถามมูลนิธิทันตนวัตกรรม ได้ที่
 คุณบัวขาว หงษาชุม โทรศัพท์ 089-664-4634, 02-218-9027
 หากต้องการมารับเจลลี่โภชนาพระราชทานที่มูลนิธิต้องทำอย่างไร?
 • ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่มูลนิธิ คุณบัวขาว หงษาชุม โทรศัพท์ 089-664-4634, 02-218-9027 เพื่อนัดหมาย
 • นำสำเนาบัตรประชาชนของผู้ป่วยมารับด้วย
 • นำรูปถ่ายผู้ป่วยมาด้วย (ถ้ามี)
 วิธีรับประทานต้องทำอย่างไร?
 • ใช้กรรไกรตัดปากกล่อง แล้วใช้ช้อนตักรับประทาน หรือ เทออกใส่จานเพื่อรับประทาน
 • หลังจากเปิดกล่องแล้ว ควรรับประทานให้หมด หรือเก็บในตู้เย็นไม่เกิน 7 วัน
 • แช่เย็น เพื่อความอร่อย
 • สามารถรับประทานได้ทั้งผู้บริโภคทั่วไป และผู้มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวและการกลืน
 • ผู้ที่มีปัญหาแพ้นม สามารถรับประทานได้
 เจลลี่โภชนาพระราชทาน ผ่านการทำปราศจากเชื้อด้วยระบบ UHT จึงเก็บได้ 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น


:25:  ทรงพระเจริญ   :25:   ทรงพระเจริญ    :25:   ทรงพระเจริญ    :25:[/b]
145  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / คำแนะนำ สำหรับน้องๆ เด็กนักเรียน และผู้ใจบุญทั้งหลาย ในวิธีการทำบุญ เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 12:12:35 pm
คำแนะนำ สำหรับน้องๆ เด็กนักเรียน และผู้ใจบุญทั้งหลาย (เห็นมีคุณครูหลายท่านบอกว่า เด็กนักเรียนของท่านก็เขามาอ่านที่ในเว็ปนี้กันเป็นประจำทุกวัน วันนี้ก็เลย ขอคุยให้ประโยชน์แก่เด็ก ๆ โดยตรงหน่อย)

       - หลายๆคนมีความประสงค์ที่จะทำบุญ แต่มักจะไม่ได้ไปทำ  อาจจะเป็นเพราะ ไม่ค่อยจะมีเวลาว่าง
          ที่นี้ จะทำยังไงดี?

       - ที่จะทำได้ก็คือ อาจจะหยอดใส่กระปุกบุญที่บ้านเก็บไว้ อาจจะทำเป็นประจำทุก ๆ วัน หรือ ทุก ๆ เดือน 
          เรามีความต้องการ หรือมีความสามารถที่จะทำบุญเท่าไหร่ เราก็หยอดใส่กระปุกเอาไว้
          ดูไม่ให้ตัวเองเดือดร้อน 
          หรือพอตอนที่เราได้ไปพบประสพเจอเหตุการ หรือได้ยิน ได้เห็นข่าว  แล้วเกิดมีใจ อยากจะบริจาคช่วยเหลือ  แต่ไม่สามารถที่จะทำได้จริง ก็ไม่เป็นไร เราก็หยอดเก็บเอาไว้ในกระปุกบุญของเราเอาไว 
พอมีโอกาสที่จะร่วมทำบุญ  ก็สามารถที่จะเอากระปุกบุญของเรา็ไปร่วมทำบุญได้

ทีนี้มากันที่ช่องทางทำบุญ
         เราเองคงจะไปกำหนดให้ที่นั้นที่นี่ นั้น ให้มาทำตามอย่างที่เราต้องการนั้นคงจะเป็นการยาก
แต่ที่เราจะสามารถทำได้ก็คือตามช่องทางต่าง ๆ ที่เขามีไว้  เช่น ต้องเดินทางไปที่จุดรับบริจาคต่าง ๆ ที่เขากำหนด อย่างเช่นตอนประสพภัยพิบัติ  เราก็ต้องไปตามจุด หรือช่องทางที่เขากำหนด  เท่าที่จะมี หรือเท่าที่เราจะทำได้     
การส่ง ธนาณัติ เป็นการส่งผ่านทางไปรษณีย์  นี้ก็เป็นอีกวิธี ซึ่งในวันเสาว์ในช่วงเช้ายังเปิดบริการ  เราก็ยังสามารถที่จะทำให้ความต้องการ ที่จะร่วมทำบุญของเรา ให้สำเร็จได้ ไม่ยากนะจ๊ะ   

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเอง ได้ไปอยู่ที่เชียงราย ตอนนั้นก็ได้โทรปรึกษาดู ว่าทางไปรณีย์จะเข้ามาที่บ้านได้ไหม เขาว่าได้  แล้วเขาก็เข้ามาก็มีเพื่อนกัน ต้องการที่จะส่งธนาณัติ เจ้าหน้าที่เขาก็รับไป แล้วอีกวัน เขาก็กลับมาส่งใบเสร็จให้ ก็เรียนร้อยดี  (ในตอนนั้นก็มีสองรายการ อีกรายการหนึ่งเป็นพัสดุ)

เห็นว่า ก็เคยทำได้สำเร็จดี จึงนำมาบอกล่าว เหล่าฟังกัน
146  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ขอท่านทั้งหลาย พิจารนา ความเป็นมงคลตามนี้เถิด เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 11:25:12 am
มงคลสูตร
อะเสวะนา  จะ  พาลานัง         ปัณฑิตานัญจะ  เสวะนา
ปูชา  จะ  ปูชะนียานัง           เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑. การไม่คบคนพาล  ๒. การคบหาสมาคมกับบัณฑิต  ๓. การยกย่อง
บูชาบุคคลที่ควรบูชา  นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


ปะฏิรูปะเทสะวาโส  จะ          ปุพเพ  จะ  กะตะปุญญะตา
อัตตะสัมมาปะณิธิ  จะ           เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๔. การอยู่ในประเทศถิ่นฐานอันสมควร  ๕. การได้ทำบุญไว้ในปางก่อน
๖. การตั้งตนไว้โดยชอบธรรม  นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


พาหุสัจจัญจะ  สิปปัญจะ       วินะโย  จะ  สุสิกขิโต.
สุภาสิตา  จะ  ยา  วาจา        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๗. ความเป็นผู้สดับรับฟังมาก  ๘. การมีศิลปะวิชา  ๙. การมีวินัยที่ได้
สำเหนียกศึกษาดีแล้ว  ๑๐. การกล่าววาจาสุภาษิต นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


มาตาปิตุอุปัฏฐานัง              ปุตตะทารัสสะ  สังคะโห
อะนากุลา  จะ  กัมมันตา       เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑๑. การบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดา  ๑๒.-๑๓. การสงเคราะห์บุตรและภรรยา
๑๔. การเป็นผู้ทำงานไม่คั่งค้าง นี้เป็นอุดมมงคล คือเหตุให้ถึงความเจริญ


ทานัญจะ  ธัมมะจะริยา  จะ    ญาตะกานัญจะ  สังคะโห
อะนะวัชชานิ  กัมมานิ           เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑๕. การให้ทาน  ๑๖. การประพฤติธรรม  ๑๗. การสงเคราะห์หมู่ญาติด้วยความเอื้อเฟื้อ
๑๘. การทำงานที่ไม่มีโทษ นี้เป็นอุดมมงคล คือเหตุให้ถึงความเจริญ


อาระตี  วิระตี  ปาปา           มัชชะปานา  จะ  สัญญะโม
อัปปะมาโท  จะ  ธัมเมุ          เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑๙. การงดเว้นจากบาป  ๒๐. การไม่ดื่มน้ำเมา  ๒๑. ความไม่ประมาท
ในธรรมทั้งหลาย นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


คาระโว  จะ  นิวาโต  จะ      สันตุฏฐิ  จะ  กะตัญญุตา
กาเลนะ  ธัมมัสสะวะนัง        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๒๒. การมีความเคารพ  ๒๓. การไม่เย่อหยิ่งจองหอง  ๒๔. ความสันโดษ
๒๕. ความกตัญญู  ๒๖. การฟังธรรมตามกาล นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


ขันตี  จะ  โสวะจัสสะตา       สะมะณานัญจะ  ทัสสะนัง
กาเลนะ  ธัมมะสากัจฉา        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๒๗. การเป็นคนมีความอดทน  ๒๘. การเป็นคนว่าง่าย  ๒๙. การพบเห็นสมณะผู้สงบ
๓๐. การได้สนทนาธรรมตามกาล นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


ตะโป  จะ  พรัหมะจะริยัญจะ  อะริยะสัจจานะ  ทัสสะนัง
นิพพานะสัจฉิกิริยา  จะ         เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๓๑. ความเพียรเครื่องเผากิเลส  ๓๒. การประพฤติธรรมอันประเสริฐ
๓๓. การเห็นอริยสัจสี่  ๓๔. การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน นี้เ็นอุดมมงคลคือเหตุใหเถึงความเจริญ


ผุฏฐัสสะ  โลกะธัมเมหิ         จิตตัง  ยัสสะ  นะ  กัมปะติ
อะโสกัง  วิระชัง  เขมัง        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๓๕. จิตของผู้ถูกโลกธรรมกระทบแล้วไม่หวั่นไหว  ๓๖. จิตไม่เศร้าโศก
๓๗. จิตปราศจากธุลี (คือราคาทิกิเลส) ๓๘. จิตเกษม นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


เอตาทิสานิ  กัตวานะ           สัพพัตถะมะปะราชิตา
สัพพัตถะ  โสตถิง  คัจฉันติ   ตันเตสัง  มังคะละมุตตะมันติ

เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย  พากันทำมงคลเช่นนีเแล้ว  ย่อมเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้
ข้าศึกทุกหมู่เหล่า  ย่อมถึงความสุขสวัสดีในที่ทุกสถาน  ข้อนั้นเป็นมงคล
คือเหตุให้ถึงความเจริญอันสูงสุด  ของเทพยดาและมนุษย์เหล่านั้น
ด้วยประการฉะนี้แล ฯ
147  ธรรมะสาระ / บทสวดมนต์ มนต์พิธี / เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงสาธยายมงคลสูตรกันเถิด เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 11:20:02 am
มงคลสูตร (มงคล ๓๘ ประการ)

หันทะ  มะยัง  มังคะละสุตตะปาฐัง  ภะณามะ  เส
เชิญเถิด  เราทั้งหลาย  จงสาธยายมงคลสูตรกันเถิด

อะเสวะนา  จะ  พาลานัง         ปัณฑิตานัญจะ  เสวะนา
ปูชา  จะ  ปูชะนียานัง           เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑. การไม่คบคนพาล  ๒. การคบหาสมาคมกับบัณฑิต  ๓. การยกย่อง
บูชาบุคคลที่ควรบูชา  นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


ปะฏิรูปะเทสะวาโส  จะ          ปุพเพ  จะ  กะตะปุญญะตา
อัตตะสัมมาปะณิธิ  จะ           เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๔. การอยู่ในประเทศถิ่นฐานอันสมควร  ๕. การได้ทำบุญไว้ในปางก่อน
๖. การตั้งตนไว้โดยชอบธรรม  นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


พาหุสัจจัญจะ  สิปปัญจะ       วินะโย  จะ  สุสิกขิโต.
สุภาสิตา  จะ  ยา  วาจา        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๗. ความเป็นผู้สดับรับฟังมาก  ๘. การมีศิลปะวิชา  ๙. การมีวินัยที่ได้
สำเหนียกศึกษาดีแล้ว  ๑๐. การกล่าววาจาสุภาษิต นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


มาตาปิตุอุปัฏฐานัง              ปุตตะทารัสสะ  สังคะโห
อะนากุลา  จะ  กัมมันตา       เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑๑. การบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดา  ๑๒.-๑๓. การสงเคราะห์บุตรและภรรยา
๑๔. การเป็นผู้ทำงานไม่คั่งค้าง นี้เป็นอุดมมงคล คือเหตุให้ถึงความเจริญ


ทานัญจะ  ธัมมะจะริยา  จะ    ญาตะกานัญจะ  สังคะโห
อะนะวัชชานิ  กัมมานิ           เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑๕. การให้ทาน  ๑๖. การประพฤติธรรม  ๑๗. การสงเคราะห์หมู่ญาติด้วยความเอื้อเฟื้อ
๑๘. การทำงานที่ไม่มีโทษ นี้เป็นอุดมมงคล คือเหตุให้ถึงความเจริญ


อาระตี  วิระตี  ปาปา           มัชชะปานา  จะ  สัญญะโม
อัปปะมาโท  จะ  ธัมเมุ          เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๑๙. การงดเว้นจากบาป  ๒๐. การไม่ดื่มน้ำเมา  ๒๑. ความไม่ประมาท
ในธรรมทั้งหลาย นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


คาระโว  จะ  นิวาโต  จะ      สันตุฏฐิ  จะ  กะตัญญุตา
กาเลนะ  ธัมมัสสะวะนัง        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๒๒. การมีความเคารพ  ๒๓. การไม่เย่อหยิ่งจองหอง  ๒๔. ความสันโดษ
๒๕. ความกตัญญู  ๒๖. การฟังธรรมตามกาล นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


ขันตี  จะ  โสวะจัสสะตา       สะมะณานัญจะ  ทัสสะนัง
กาเลนะ  ธัมมะสากัจฉา        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๒๗. การเป็นคนมีความอดทน  ๒๘. การเป็นคนว่าง่าย  ๒๙. การพบเห็นสมณะผู้สงบ
๓๐. การได้สนทนาธรรมตามกาล นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


ตะโป  จะ  พรัหมะจะริยัญจะ  อะริยะสัจจานะ  ทัสสะนัง
นิพพานะสัจฉิกิริยา  จะ         เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๓๑. ความเพียรเครื่องเผากิเลส  ๓๒. การประพฤติธรรมอันประเสริฐ
๓๓. การเห็นอริยสัจสี่  ๓๔. การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน นี้เ็นอุดมมงคลคือเหตุใหเถึงความเจริญ


ผุฏฐัสสะ  โลกะธัมเมหิ         จิตตัง  ยัสสะ  นะ  กัมปะติ
อะโสกัง  วิระชัง  เขมัง        เอตัมมังคะละมุตตะมัง

๓๕. จิตของผู้ถูกโลกธรรมกระทบแล้วไม่หวั่นไหว  ๓๖. จิตไม่เศร้าโศก
๓๗. จิตปราศจากธุลี (คือราคาทิกิเลส) ๓๘. จิตเกษม นี้เป็นอุดมมงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญ


เอตาทิสานิ  กัตวานะ           สัพพัตถะมะปะราชิตา
สัพพัตถะ  โสตถิง  คัจฉันติ   ตันเตสัง  มังคะละมุตตะมันติ

เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย  พากันทำมงคลเช่นนีเแล้ว  ย่อมเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้
ข้าศึกทุกหมู่เหล่า  ย่อมถึงความสุขสวัสดีในที่ทุกสถาน  ข้อนั้นเป็นมงคล
คือเหตุให้ถึงความเจริญอันสูงสุด  ของเทพยดาและมนุษย์เหล่านั้น

ด้วยประการฉะนี้แล ฯ
148  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เมื่อนั่งหลับตาปฏิบัติอยู่ จะรู้ได้อย่างไร ว่า ครบเวลาตามกำหนดแล้ว ! เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2012, 12:19:13 pm
เมื่อนั่งหลับตาปฏิบัติอยู่  เราจะไปรู้กันได้อย่างไรว่า ตอนนี้ เรานั่งปฏิบัติมาครบ 30 นาทีแล้ว หรือ 1 ชั่วโมงแล้ว  เพื่อที่หลังจากที่เรารู้เวลาแล้ว เราจะได้ทำการออกจากการนั่งปฏิบัติกรรมฐาน  เพราะว่า ได้มีการระบุบอกว่า ให้นั่ง ปฏิบัติ 30 นาทีบ้าง 1 ชั่วโมงบ้าง  ก็ปกติเวลาที่เราจะรู้เวลาได้ก็ต่อเมื่อเราลืมตาหันไปมองที่นาฬิกา เราก็จะรู้เวลา  แต่นี้ นั่งหลับตาอยู่ จะรู้ได้อย่างไร!
149  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ช่วยอธิบาย คำว่า อนุสัย หน่อยครับ เหมือนกับ นิสัย ใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 12:38:32 pm
อนุสัย  แปลว่า  กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน เรียกว่า อนุสัยกิเลส  ก็ได้
   
   อนุสัย หมายถึง กิเลสละเอียดที่ตกตะกอนนอนแนบนิ่งอยู่ในจิต  จนบางครั้งทำให้เข้าใจผิดว่าไม่มี จนเมื่อมีอะไรมากระทบอย่างรุยแรง จึงแสดงตัวออกมา คล้ายๆ เหมือนเวลาที่เราถูกยั่วโมโหมากๆ เข้าจนในที่สุด เราก็ทนไม่ไหว้ แสดงความโกรธออกมา แต่ถ้าเราถูกรบกวนน้อยๆ เราก็จะยังเก็บความโกรธไหว้ได้อยู่ (ไม่โกรธ) เหมือนตะกอนที่นอนอยู่ในตุ่มใหญ่ซึ่งมีน้ำใสอยู่ข้างบน  พอถูกกวนแรง ๆ ตะกอนจึงฟุ้งขึ้นมา
       
          อนุสัยมี ๗ อย่าง คือ
              ๑. กามราคะ   ความกำหนัดในกาม
              ๒. ปฏิฆะ       ความหงุดหงิดไม่พอใจ
              ๓. ทิฐิ           ความเห็นผิด
              ๔. วิจิกิจฉา    ความลังเลสงสัย
              ๕. มานะ        ความถือตัว
              ๖. ภวราคะ     ความติดใจในภพ
             ๗. อวิชชา     ความไม่รู้แจ้ง

      ส่วน คำว่า นิสัย นั้น ที่จริงแล้วเป็นบาลี แต่ภาษาไทยเรามีการนำมาใช้ผิดเพี้ยนกันไปบ้างเล็กน้อย
มาว่ากันในส่วนของที่เป็นภาษาไทยกันก่อน
 
      คำไทยเราคำว่า นิสัย มักจะหมายความว่า ลักษณะการแสดงออก พฤติกรรม หรือจริต กิริยาอาการ ของผู้นั้นๆ

       ที่นี้มากันที่ทางบาลี ทางพระ ทางธรรมกันบ้าง นิสัย หรือ นิสสัย แปลว่า  ที่พักพิง, ที่พึ่ง, ที่อาศัย
          - ใช้เรียกปัจจัยสำหรับใช้สอยของบรรพชิตก็ว่า คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช
          - ใช้เรียกการที่ผู้ขอบวชเปล่งวาจาขออยู่ในความปกครองดูแลของพระอุปัชฌาย์
             หรือขอร้องให้เป็นพระอุปัชฌาย์ก็ว่า ขอนิสสัย
          - พระวินัยกำหนดไว้ว่าภิกษุผู้มีพรรษายังไม่ครบ ๕ พรรษา จะต้อง ถือนิสสัย 
             คืออยู่ในความปกครองดูแลของพระอุปัชฌาย์หรืออาจารย์ หากมีพรรษาพ้น ๕ พรรษาแล้ว
             ไม่ต้องถือนิสสัย  เรียกว่า นิสสัยมุตตกะ (ผู้พ้นนิสสัยแล้ว)

      ส่วนทาง การเรียนภาษบาลี ก็ได้มีกล่าวไว้ว่า สระ เรียกว่า นิสสัย เพราะเป็นที่อาศัยของพยัญชนะ  พยัญชนะ ต้องอาศัยสระจึงจะออกเสียงได้   

     ที่บอกว่า "อนุสัย คือสันดาน" ก็ตอบได้ว่า ใช่ แต่ สันดาน ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ไม่ไพเราะ (ตอบในเบื้องต้น ไม่ละเอียดก็เท่านี้นะจ๊ะ)
150  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถ้าปรารถนา นิพพาน แต่ไม่ออกบวช จะได้ นิพพาน หรือไม่คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 11:42:49 am
อานนท์ ! ผู้ใดจะเป็นภิกษุก็ตาม  เป็นภิกษุณีก็ตาม  เป็นอุบาสก  หรือเป็นอุบาสิกาก็ตามที,
ถ้าเป็นผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม  ปฏิบัติชอบยิ่ง  ปฏิบัติตามธรรมอยู่,
ผู้นั้นแลชื่อว่าได้สักการะ  ได้ให้ความเคารพนับถือ  และบูชาเราตถาคตด้วยการบูชาอย่างสูงสุด
ด้วยประการฉะนี้แล. (มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๓๓)


การที่ผู้หญิงมานุงขาวห่มขาว ถือศีลแปด นำมาปฏิบัติ อย่างนี้ก็เรียกว่านักบวชด้วยเหมือนกัน     

      บวช แปลกันว่า งดเว้นจากการทำความชั่วต่าง ๆ ด้วยการสละโลกีย์ทิ้งเหย้าเรือนไปถือเพศ เป็นนักบวช เป็นสมณะ เป็นภิกษุสามเณร เป็นต้น  เพื่อขัดเกลากิเลสและเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งมวล
     ในปัจจุบัน  การสละเหย้าเรือนไปถือศีลปฏิบัติธรรมที่วัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรมในระยะยาวบ้างชั่วคราวบ้างก็นิยมเรียกว่า บวช เช่นบวชชี บวชชีพราหมณ์ บวชเนกขัมมะ อย่างนี้เป็นต้น

  จึงสรุปรวมลงว่า เป็นผู้หญิง เป็นฆราวาส ก็สามารถที่จะสำเร็จธรรมได้
       (แต่อาจจะต้องใช้ความเพียรมากหน่อย)
151  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถ้าปรารถนา นิพพาน แต่ไม่ออกบวช จะได้ นิพพาน หรือไม่คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 10:28:03 am
นางวิสาขา ก็ไม่ได้เป็นพระแต่ก็สามารถที่จะสำเร็จพระโสดาบันได้ (เข้าสู่กระแส พระนิพพาน)
ก็แล้วทำไม ถึงมีอุบาสก และอุบาสิกา  ทำไม ไม่ต้องมีแต่พระภิกษุ

คำตอบก็คือ  อยู่ที่ศีล อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของผู้ที่ครองเพศนั้นๆ
การที่จะสำเร็จ โสดาบันได้นั้น ต้องละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส

มิได้บอกว่า ให้เป็นนักบวช แล้วจะสำเร็จได้เลย
แม้นักบวชเองก็ต้องกระทำกิจเช่นเดียวกัน

เพียงแต่ในการครองเรือน ถือเพศฆราวาสนั้น มีกิจมาก มีการงานมาก
ทำให้ไม่สามารถที่จะกระทำความเพียร ความบริสุทธิ์ได้เต็มที่
ผู้ที่เห็นภัยจากการครองเรือนจึงหันมาออกบวช เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติสมณธรรมได้เต็มที่
152  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / “เจ้าเอ็กซ์” วีรบุรุษ 4 ขา...ยอดสุนัขตำรวจผู้พลีชีพเพื่อชาติ!! เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 05:50:55 pm
เรื่องราวของเจ้าเอ็กซ์ได้เคยถูกถ่ายทอดผ่านภาพเหตุการณ์จำลอง และได้ออกอากาศในรายการ “นาทีฉุกเฉิน” ไปเมื่อวันพุธที่ 8 ก.ค. 2552 หรือกว่า 3 ปีก่อน แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เรื่องราวของเจ้าเอ็กซ์ก็ยังคงเป็นที่พูดถึงกันอยู่อย่างต่อเนื่อง สุนัขตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีความกล้าหาญ เสียสละ และจงรักภักดีต่อชาติยิ่งกว่าชีพของตัวเอง



 เรื่องราวของเจ้าเอ๊กซ์ :

 เอ็กซ์ เป็นสุนัขพันธุ์เยอรมันเซฟเพอด เพศผู้สีดำเหลืองอายุประมาณ 6 ปี น้ำหนัก 33 กิโลกรัม (ในขณะนั้น) สุขภาพแข็งแรง นิสัยสุภาพเรียบร้อย ขึ้นประจำการเมื่อ พ.ศ. 2513 ได้ผ่านการฝึกเชื่่อฟังคำสั่ง ดมกลิ่น สะกดรอย ฝึกให้ต่อสู้ช่วยเหลือการจ้บกุม โดยมีผู้ควบคุมสุนัขคือ ส.ต.ท. ศักดา มาลา ผบ.หมู่งานสายตรวจ

 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2517 ร.ต.ต. ศักดา มาลา และสุนัขชื่อ เอ็กซ์ ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการปราบปรามขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน (ขจก.) ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ต่อมาในวันที่ 19 ตุลาคม 2517 ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.ภ.จว.ยะลา พบที่พักแรมของ ขจก. ที่ถูกรื้อถอนออกไปใหม่ๆจึงให้ เอ็กซ์ ดมกลิ่นจากเสื้อผ้าของคนร้ายที่ทิ้งไว้แล้วเดินลาดตระเวนเข้าไปในป่าสวนยางเชิงเขาประมาณ 1 กิโลเมตร เอ็กซ์ก็หยุดเดินเงยหน้าขึ้นมีลักษณะอาการ หู หาง ตั้ง ปากหุบ ทำให้ ส.ต.ท. ศักดา มาลา รู้ว่าต้องมีคนร้ายอยู่ใกล้บริเวณนั้น จึงบอกให้เจ้าหน้าที่ทราบและหลบเข้าที่กำบัง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นและได้เกิดการยิงต่อสู้ปะทะกันประมาณ 5 นาทีผลปรากฎว่า เอ็กซ์ ตายในที่เกิดเหตุทันทีส่วน ขจก.หลบหนีได้

 ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น หากไม่ได้รับการบอกเหตุจาก เอ็กซ์ เจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติหน้าที่อาจหลบเข้าที่กำบังไม่ทันและอาจถูกยิงเสียชีวิตกันหมดทั้งชุดก็เป็นได้ กองกำกับการสุนัขตำรวจ(เดิม)จึงได้สร้างรูปปั้นไว้ที่หน้าที่ทำการตึกบัญชาการเพื่อเป็นการยกย่องในวีรกรรมของสุนัขตำรวจ "เอ็กซ์" (ปัจจุบันกองกำกับการสุนัขตำรวจ ได้เปลี่ยนเป็น กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ)

 โพสจัง


จาก : DharmaTV สถานีความดี 24 ชม.
153  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ถ้าคุณรู้ว่า ลูก คุณ โกหกคุณ หลาย ๆ เรื่อง คุณจะทำอย่างไร ? เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 09:20:45 pm
        เราก็เคย  เป็น    อย่างที่เขา  เป็น
        เราก็เคย  พูด    อย่างที่เขา  พูด
        เราก็เคย  ทำ     อย่างที่เขา  ทำ
        เราก็เคย  คิด    อย่างที่เขา   คิด


ในบทสวดมนต์ทำวัตเข้า
ในส่วนของ ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา คาถานอบน้อบแด่พระรัตนตรัย  และการพิจารณาธรรมสังเวช
ที่ขึ้นต้นว่า "พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว   โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน"
จนถึงตรงที่ว่า

     "โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ  ทุกขา,
       แม้ความโศก  ความร่ำไรรำพัน,  ความไม่สบายกาย  ความไม่สบายใจ
       ความคับแค้นใจ  ก็เป็นทุกข์;


       อัปปิเยหิ  สัมปะโยโค  ทุกโข
       ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ  ก็เป็นทุกข์;
   
       ปิเยหิ  วิปปะโยโค  ทุกโข,
       ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ  ก็เป็นทุกข์;

       ยัมปิจฉัง  นะ ละภะติ  ตัมปิ  ทุกขัง
       มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น  นั่นก็เป็นทุกข์; "

   ก็สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการ  ทั้งเรา ทั้งเด็ก(ลูกเรา) จึงทำการป้องกัน เท่าที่ตัวเองจะทำได้

   สิ่งที่รักที่พอใจในช่วงวัย ตอนนี้จะเป็นเพื่อนๆ เสียมากกว่า ที่จะเป็นจากเราที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง
ก็ลองนึกถึงเราในช่วงวัยนั้นๆดู ว่ารักเพื่อนตามเพื่อนมากแค่ไหน เราก็เหมือนกัน เขาก็เหมือนกัน
ถ้าเกิดการทำร้ายจิตใจกันเกิดขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่ไม่อยากจะโดนทำร้ายอีก จึงต้องทำการปกป้อง ป้องกันตัวเอง อาจจะเป็นการโกหก เพียงเพื่อจะให้ได้มาซึ้ง สิ่งที่ปรารถนา ที่ตนปรารถนา เพียงเพื่อไม่ให้ทุกข์ในใจของเขาเกิด เพราะเขายังอ่อนต่อโลก และระดับจิตใจที่ยังอ่อนแอ จึงเกิดทุกข์ที่ตรงนี้(ตรงจุดนี้การปฏิบัติธรรมจะช่วยให้มีจิตที่เข็มแข่งขึ้นได้ ด้วยการฝึกจิต)

    โดยอย่างยิ่ง เวลาที่เขาได้บอกกับคน  ที่เขาคิดว่ารักเขา เข้าใจเขา (อย่างเรา ผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นแม่ หรือผู้ปกครอง) แต่คนเหล่านั้นกลับให้ความทุกข์กับเขาเพิ่ม เช่น การดุ ดา ว่ากล่าว อาจจะเพราะ ด้วยความหวังดี ด้วยความถูกต้อง  แต่สิ่งแรกที่คนเราทุกคนต้องการนะเวลานั้นคือกำลังใจ ที่พึง ที่เราจะสามารถพึงได้จริงๆ ที่จะไม่ทำร้ายเราไม่ทำร้ายจิตใจเรา (แล้วมีหรือเปล่า) ที่จะทำให้เราสบายใจ  ไม่ทุกข์  ผู้เขียนเองเห็นจะมีก็เพียงแต่พระพุทธองค์  ธรรมะคำสอนของพระพุทธองค์  ที่ไม่เคยจะทำร้ายใคร ลองนึกดูเรา ก็เคยทำร้ายผู้อื่น อย่างน้อยก็ด้วยหอก คือปากที่พูดทิ่มแทงจิตใจกัน  นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องโกหก ก็เพราะความจริงมันทำให้เขาต้องเจ็บปวดใจ เขาเลยต้องยอมก้าวเข้าสู่โลกที่ไม่จริง คืิอการโกหก หรือหลอกตัวเอง เราเองก็มี ที่หลอกตัวเราเอง โกหกตัวเราเอง ก็เช่นกัน

  "และเมื่อความจริงถูกเปิดเผย"

   ก็คงต้องหันมาดูมายอมรับกันว่า ความผิดส่วนหนึ่งก็เป็นที่เราด้วยเพราะแม้เราเองก็ยังเป็นปุถุชน หลายๆครังก็ไม่มีสติรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ บางครั้งเราก็อ่อนแอ่ ยอมแพ้ให้กับกิเลส เขาก็เหมือนเรา  ก็คงต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ไม่ว่าจะต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันไหม่ซักกี่ครั้ง  ที่จะทำได้ก็คงต้องไปปรับความคิด ให้ถูกต้อง ให้คิดถูก คิดชอบ อย่างที่มีกล่าวไว้ใน อริยมรรค มีองค์แปด ในข้อแรก คือ สัมมาทิฏฐิ  ความเห็นชอบ และข้ออื่นๆจนครบทั้งแปดข้อ นี้เป็นข้อ ที่พอจะแนะนำท่านได้ 
154  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เพลงธรรม ทะเลใจ ให้ข้อคิดดีๆ เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2012, 09:41:33 pm
เพลง... ทะเลใจ
ศิลปิน... คาราบาว

เหมือนชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน

เหมือนชีวิตผันผ่านคืนวันอันเปลี่ยวเหงา
ตัวเป็นของเราใจของใคร
มีชีวิตเพื่อสู้คืนวันอันโหดร้าย
คืนที่ตัวกับใจไม่ตรงกัน

คืนนั้นคืนไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวันอันน่ากลัวตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสีศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยากเย็น

คืนนั้นคืนไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไปไกลลิบโลก
ดั่งนกน้อยลิ่วล่องลอยแรงลมโบก
พออับโชคตกลงกลางทะเลใจ

ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย
ใจในร่างกายกลับไม่เจอ
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

คืนนั้นคืนไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวันอันน่ากลัวตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสีศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยากเย็น

คืนนั้นคืนไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไปไกลลิบโลก
ดั่งนกน้อยลิ่วล่องลอยแรงลมโบก
พออับโชคตกลงกลางทะเลใจ

ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย
ใจในร่างกายกลับไม่เจอ
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

!

   "ทะเลใจ" กับ หัวใจที่ยังแสวงหา
ผมเชื่อว่าหลายท่านคงคุ้นเคยกับเพลง “ทะเลใจ” ของคาราบาว โดยส่วนตัวแล้ว, ผมคิดว่าทั้งเนื้อร้องและทำนองของเพลงนี้ขึ้นชั้นอมตะทางดนตรีไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้คาราบาวครบรอบ 25 ปีครับ อย่างไรก็ดีก็ถือว่าครบรอบ 15 ปี ของเพลงทะเลใจ ด้วย เพลงนี้แต่งเนื้อร้องและทำนองโดย ยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ผมจำได้ว่าฟังเพลงนี้ครั้งแรกสมัยเรียน ม.5 ด้วยติดใจในท่วงทำนองมากกว่าเนื้อหาของเพลง

    อาจกล่าวได้ว่าทะเลใจเป็นเพลงที่มาพร้อมกับเหตุการณ์ทางการเมือง เพราะหลังพฤษภาทมิฬปี 2535 น้าแอ๊ดแกก็ออกอัลบั้มที่ชื่อ พฤษภา เพลงของคาราบาวในทุกยุคทุกสมัยจึงสะท้อนอะไรบางอย่างภายในสังคมของเรา ลองย้อนกลับไปดูตั้งแต่ชุดวณิพก ผมเริ่มฟังเพลงคาราบาวครั้งแรกเมื่อปี 2527 ในชุด Made in Thailand และทุกครั้งที่ผมฟังเพลงคาราบาวผมมักนึกถึงใครคนหนึ่งที่ได้จากผมไปแล้ว

   ตลอดระยะเวลาสิบห้าปี เพลงทะเลใจยังถูกนำมาร้องใหม่อยู่เสมอ เช่น งานของนรีกระจ่าง (2536) หรือ งานของป๊อด โมเดอร์นด๊อก (2550) ผมคิดว่า “ทะเลใจ” น่าจะเป็นตัวแทนของชีวิตช่วงหนึ่งที่กำลังแสวงหาอะไรบางอย่าง

     ผมว่ามนต์เพลงคาราบาวมีเสน่ห์แบบบ้านๆ ดีครับ ด้วยท่วงทำนองที่ขึงขังแต่ละมุนละไมในบางครั้ง หรือ เนื้อหาที่ดุดันแต่แฝงไปด้วยสารบางอย่างที่ต้องการจะสื่อ ทำให้เพลง “บาว” คล้ายบทสวดมนต์ของนักแสวงหาไปโดยปริยาย และด้วยวัยที่โตขึ้น ผมค่อยๆศึกษาถ้อยคำบางคำที่ปรากฏในเนื้อเพลงทะเลใจ และสิ่งหนึ่งที่ผมพบ คือ ถ้อยคำเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการค้นหาตัวตนตลอดจนเป้าหมายบางอย่างของมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราๆ

    ใช่แล้วครับ ! ชีวิตเล็กๆของมนุษย์แต่มักคิดเรื่องราวใหญ่โตอยู่เสมอ และแทบจะเป็นสูตรสำเร็จเลยก็ว่าได้ที่เรามักผิดหวังหรือพ่ายแพ้ทางความรู้สึก ย้อนมองจากประวัติศาสตร์อันใกล้โดยมี “คนเดือนตุลา” เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในเรื่องของ “เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน” หรือแม้กระทั่งย้อนไปไกลเมื่อสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ภายใต้กลุ่มคนหนุ่มที่ขนานนามตัวเองว่า “คณะราษฎร” ก็ถือเป็นกรณีคลาสสิคของมนุษย์เล็กๆที่คิดการใหญ่โดยจะอยากเปลี่ยนแปลงสังคม อยากสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับแผ่นดินเกิด แต่ท้ายที่สุดคนหนุ่มเหล่านี้ล้วนต้องมาฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจ” เพียงอย่างเดียว ประวัติศาสตร์ได้สอนให้เรารู้ว่ามนุษย์มักพ่ายแพ้ต่ออำนาจ เงินตรา กิเลสตัณหา หรือแม้กระทั่งความรัก แต่ที่สำคัญคือ แพ้ใจของตนเอง ครับ และนี่เองที่น้าแอ๊ดแกสรุปได้ดีว่า “ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน”

    เนื้อหาใน “ทะเลใจ” กล่าวถึง การปรับสมดุลในการใช้ชีวิตด้วยการประนีประนอมอารมณ์ของโลกแห่งความฝันให้เข้ากับสภาพของความเป็นจริงที่เผชิญอยู่ สังเกตได้จากท่อนที่ว่า “คืนนั้นคืนไหน ใจแพ้ตัว คืนและวันอันน่ากลัวตัวแพ้ใจ ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์ อาจหลงทางไปไม่ยากเย็น คืนนั้นคืนไหนใจเพ้อฝัน คืนและวันฝันไปไกลลิบโลก ดั่งนกน้อยลิ่วล่องลอยแรงลมโบก พออับโชค ตกลงกลางทะเลใจ” ผมเคยตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้จากการอ่านหนังสือของอาจารย์เสก (เสกสรรค์ ประเสริฐกุล) ตั้งแต่ ฤดูกาล , ดอกไผ่ , มหาวิทยาลัยชีวิต , เดินป่าเสาะหาความจริง,เร่ร่อนหาปลา , เพลงเอกภพ มาจนกระทั่ง วันที่ถอดหมวก มีบางอย่างที่ผมสังเกตเห็นคือ เมื่อครั้งวัยหนุ่มสาว ,ความตั้งใจของมนุษย์มักต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมที่เป็นอยู่ให้เข้าสู่สังคมอุดมคติแต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นความตั้งใจเหล่านั้นกลับค่อยๆหดหายลดทอนไปพร้อมๆกับกำลังวังชาตามวัย หากแต่สิ่งที่ได้มาจากบาดแผลที่เจ็บปวด คือ การเรียนรู้ที่จะเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ โดยเฉพาะเป็นมิตรกับตัวเอง เลิกทะเลาะกับตนเองเสียทีรวมไปถึงรื่นรมย์ไปกับโลกที่มันเป็นอยู่

    ผมนึกถึงอีกท่อนหนึ่งที่ว่า “ทุกชีวิตดิ้นรน ค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกับไม่เจอ ทุกข์ที่เกิดซ้ำเพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข” เนื้อหาท่อนนี้มีความคล้ายคลึงกับปรัชญาพุทธศาสนาโดยเฉพาะเรื่องของ “เซน”

    ผมเชื่อเหลือเกินว่าเราทุกคนล้วนมีคำถามอยู่ในใจว่า "เราเกิดมาทำไม?" คำถามแบบนี้เป็นจุดเริ่มต้นของศาสนา ซึ่งปรัชญาตะวันตกอย่างกรีกได้ตั้งคำถามเรื่องของการมีอยู่ของชีวิตโดย อธิบายถึงเรื่อง “แบบ” ของสิ่งต่างๆ ดังนั้นปรัชญาตะวันตกจึงเชื่อในความสมบูรณ์ของ “แบบ” ขณะที่ปรัชญาตะวันออกกลับกล่าวถึงการละวางตัวตน โดยเน้นไปที่การทำลายอัตตาด้วยวิถีที่ต่างกัน ทั้งนี้การปล่อยวางของโลกตะวันออกนำไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “นิพพาน” ด้วยเหตุนี้เองที่วิธีคิดแบบสองโลกนี้จึงส่งผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ในแต่ละซีกโลกไม่ว่าจะเรื่องการสร้างสังคม การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประเพณี ขนบจารีตและความเชื่อที่แตกต่างกัน

    คราวนี้ลองกลับมาย้อนดูที่ตัวเราเองบ้างสิครับ เราจะพบว่ายิ่งเติบใหญ่ ยิ่งพอกพูนอัตตาที่มากหลาย ด้วยเหตุนี้เองโลกตะวันออกจึงเชื่อว่าการสละอัตตาให้หลุดเหลือน้อยที่สุดนั้นเป็นมรรคาของการหลุดพ้นจากความทุกข์ของชีวิต หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องราวของ “มิยาโมโต้ มูซาชิ” จอมดาบไร้สำนักผู้มีตัวตนอยู่จริงในญี่ปุ่นสมัยโชกุนโตกุงาว่า (ประมาณศตวรรษที่ 17) ซึ่ง โยชิคาวา เอญิ นักเขียนชาวญี่ปุ่นได้จับเรื่องราวของเขามาเรียงร้อยใหม่ในรูปแบบนิยายอิงชีวประวัติ ว่ากันว่าหนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลต่อคนญี่ปุ่นอย่างมากในการหันกลับมาสร้างชาติอีกครั้งหลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2(หนังสือเล่มนี้ถูกแปลเป็นภาษาไทยโดยอาจารย์สุวินัย ภรณวลัย)จะเห็นได้ว่าสังคมตะวันออกให้ความสำคัญกับปล่อยวางและทำลายอัตตามากกว่าสังคมตะวันตกที่มุ่งหน้าสะสมอัตตา (Ego Accumulation) จึงไม่น่าแปลกใจที่โลกของทุนนิยมจะกลืนกินทุกอย่างแม้กระทั่งตัวและหัวใจของมนุษย์

     ทุกครั้งเมื่อรู้สึกพ่ายแพ้ เหนื่อยหน่าย หรือท้อแท้กับการใช้ชีวิต ลองนึกถึงเนื้อร้องที่ว่า “ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีตลอดกาล” ดูสิครับ ผมว่ามันน่าจะเป็นคาถาชั้นดีที่ทำให้เรารู้สึกปล่อยวางและมีความสุขกับชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก

บทความโดยคุณ Hesse004 จาก : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=100175
[/size]
155  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: บวชพระอ่ย่างไร จึงจะได้บุญมาก ครับ โปรดแนะนำกันด้วยนะครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2012, 09:19:38 pm
อานิสงส์บวช

      ...บวชนี้ย่อมมีผลานิสงส์อย่างมากมาย องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสเทศนาอานิสงส์แห่งการบรรพชาอุปสมบทไว้โดยอเนกประการว่า

     ทาสสฺส อานนฺท ดูกรอานนท์
     บุคคลใดมีศรัทธา บรรพชาทาสกรรมกรให้เป็นสามเณร หรือสามเณร มีอานิสงส์ ๔ กัล์ป บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี มีอานิสงส์ ๘ กัล์ป
     และ ถ้าอุปสมบทจะได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัล์ป
     หากอุปสมบทได้อานิสงส์ ๓๒ กัล์ป
     ถ้าอุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ถึง ๖๔ กัล์ป
     บุคคลใดได้บรรพชาบุตรตนก็ดี บุตรของผู้อื่นก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ

    แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า
    ดูกรอานนท์ดังจะเห็นได้จาก หญิงผู้หนึ่ง เขามีบุตรอยู่คนเดียว บุตรชายเขาขอไปบวชมารดาก็ไม่ให้บวชบุตรชายจึงหนีไปบวช อยู่มาวันหนึ่งมารดาของสามเณรนั้นออกจากบ้านไปแต่เช้า เพื่อจักแสวงหาฟืน มารดาสามเณร

     ครั้นหาฟืนได้พอสมควรแล้วก็กลับบ้าน พอมาถึงระหว่างทางได้พักอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ แล้วลงนอนพักผ่อนก็หลับไป ได้นิมิตรฝันไปว่ามีพระยายมราชมาถามว่า
     ดูกรผู้หญิง เธอได้กระทำบุญหรือว่าไม่ได้กระทำเลย
     มารดาของสามเณรนั้นตอบว่า ข้าแต่เจ้า ดิฉันไม่ได้กระทำบุญอย่างไรเลย
     พระยายมราชทราบแล้ว ก็จับเอาผู้หญิงนั้นไปใส่นรกทันที

     ผู้หญิงนั้นได้เห็นไฟนรกลุกโพรงก็ถามพระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นอย่างไร
     พระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นไฟนรก ผู้หญิงจึงบอกว่าเหมือนกับผ้าจีวรของลูกชายของข้าพเจ้าอันได้บวชเป็นสามเณรนั้นแล
     พระยายมราชจึงกล่าวว่า ดูกรผู้หญิง ลูกชายของเธอยังได้บวชหรือ
     นางก็ตอบว่า ลูกชายยังได้บวชเป็นสามเณรอยู่
     พระยายมราชได้ยินคำของนางดังนั้นแล้ว จึงนำนางมาคืนไว้เดิมเสีย เหตุอันนี้ก็เพราะบุญของลูกชายตนได้บวชเป็นสามเณร ในพุทธศาสนาไปกั้นไว้ในนรกได้

     ครั้นนางตื่นขึ้นมาก็ตกใจกลัวรีบกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นนางก็เลื่อมใสในพุทธศาสนา เฝ้าปฏิบัติสามเณรลูกชายของตน มิได้ขาดจนนางได้ตายไปตามอายุขัยก็ไปบังเกิดในสวรรค์ดั้งนี้ เป็นต้น

อานิสงส์ถวายสัพพทาน
...... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานของสัปบุรุษเหล่านี้ ๘ อย่าง คือ
      ๑. ให้ของที่สะอาด ๒. ให้ของประณีต ๓. ให้ถูกกาล ๔. ให้ของที่สมควร
      ๕. เลือกให้ ๖. ให้เสมอ ๆ๗. กำลังให้ยังจิตให้เลื่อมใส ๘. ครั้นให้แล้วปลื้มใจ
      สัปปุริสทาน ๘ อย่างนี้ประเสริฐยิ่งนักหนา
     ในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก็สถิตสำราญอยู่ในป่าเชตวันอันเป็นอารามของนายอนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีอยู่ในที่ใกล้ ๆ นครสาวัตถี

      ในกาลครั้งนั้นมีพระยาองค์หนึ่ง ชื่อ มหานามะ ก็เอา ประธูปประทีปคันธรสของหอมแล้วพาหมู่บริวารทั้งหลายเข้าไปสู่ที่เฝ้าพระสัพพัญญูเจ้า แล้วก็นั่งในที่ควรแห่งหนึ่ง จึงทูลถามพระสัพพัญญูเจ้าว่า
       “ภนฺเต ภควา” ข้าแต่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าบุคคลผู้ใดเลื่อมใสศรัทธา มาก่อสร้างสัพพาทานหลาย ๆ ชนิด ก็จักมีอานิสงส์ดังรือพระเจ้าข้า “ภควา” อันว่าองค์

        ... สมเด็จพระศาสดาจารย์เจ้าจึงเทศนาว่า ดูกรมหาบพิตร นรชนหญิงชายทั้งหลายมีใจเลื่อมใสศรัทธา
มาก่อสร้างสัพพาทานหลาย ๆ ชนิดเป็นต้นว่า

        สร้างพระพุทธรูปก็จักได้อานิสงส์ ๙ กัลป
        สร้างพระไตรปิฏกธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ได้อานิสงส์ ๑๐ กัลป
        ผู้ใดได้บวชตนเป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๒ กัลป
        ผู้ไดได้บวชตนเป็นพระภิกษุ ก็จักได้ อานิสงส์ ๒๔ กัลป

        ผู้ใดได้สร้างพระธาตุเจดีย์ก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป
        ผู้ใดได้ปลูกไม้ศรีมหาโพธิ์ ก็จักได้อานิสงส์ ๙ กัลป
        ผู้ใดให้โภชะนังยังข้าวน้ำ โภชนะอาหารให้เป็นทานแก่ภิกษุสามเณร ก็จักได้บริวารแสนหนึ่ง
        ผู้ใดได้สร้างเจดีย์ทรายก็จักได้อานิสงส์ ๖๐ กัลป

        ผู้ใดสร้างกุฏีให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐ กัลป
        ผู้ใดสร้างอุโบสถให้เป็น ทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐ กัลป
        ผู้ใดสร้างกฐินให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป
        ผู้ใดสร้างอารามให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐กัลป
        ผู้ใดสร้างพัทธสีมาให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๑๐๐ กัลป

        ผู้ใดได้บวชบุรุษผู้อื่นให้เป็นพระภิกษุก็จักได้อานิสงส์ ๘ กัลป
        บวชบุตรตนเองให้เป็นภิกษุ ก็จะได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
        ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
        ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นพระภิกษุ ก็จักได้อานิสงส์ ๓๒ กัลป
        สามีบวชภรรยาให้เป็นภิกษุณี ก็จักได้อานิสงส์ ๖๔ กัลป ฯลฯ


ที่มา http://84000.org/anisong/38.html

จากหนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑" หน้า ๒๙-๓๕ ขอคัดบางส่วนมาแสดง
   ..........องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ
     อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้ แต่ว่าการอุปสมบมบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า
     สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น
     บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน
     เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ
     แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์
     นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่น.........

     ทีนี้จะว่ากันไปถึงอานิสงส์แห่งการอุปสมบท-บรรพชา คำว่า บรรพชา นี้หมายความว่า บวชเป็นเณร  คำว่า อุปสมบท นี้หมายความว่า บวชเป็นพระ สำหรับท่านที่บรรพชาในพุทธศาสนาเป็นสามเณร อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
     ท่านผู้บรรพชาเองคือเณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดี นี่เอากันถึงด้านการประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติเลวการการบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ถ้าปฏิบัติดีนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า
     ท่านที่บวชเข้ามาเป็นเณรในพุทธศาสนาแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามระบอบพระธรรมวินัย สำหรับเณรผู้นั้น ย่อมมีอานิสงส์คือ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดา ไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน
     องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนสวรรค์ ได้ถึง ๓๐ กัป เช่นเดียวกัน.......
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นเณรเอง และมีความประพฤติปฏิบัติดี ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมอยู่ถึง ๓๐ กัป นั่นก็หมายความว่า อายุเทวดาหรือพรหมย่อมีกำหนดไม่ถึง ๓๐ กัป และเมื่อหมดอายุแล้วจะเกิดเป็นพรหมใหม่ อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง ๓๐ กัป หรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้านิพพานก่อน
     สำหรับ บิดามารดา ของบุคคลผู้บวชเป็น สามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ ๑๕ กัป คือครึ่งหนึ่งของเณร หมายความว่าบิดารมีอานิสงส์ ๑๕ กัป มารดามีอานิสงส์เสวยความสุขบนสวรรค์หรือพรหมโลก ๑๕ กัป......
     สำหรับบรรดาท่านผู้ไม่ใช่บิดามารดาของบุตรกุลธิดาที่อุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ช่วยในการบวช นี่หมายความว่า เวลาเขาจะบวชพระครั้งหนึ่ง เราทราบเข้าก็ไปบำเพ็ญกุศลร่วมกับเข้าด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ให้สิ่งของบ้าง ช่วยขวยขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้าง หมายความว่า
    เขาจะบวชลูกบวชหลานของเขา เราไม่มีลูกหลานจะบวช เขามาบอกบุญมาหรือไม่บอกบุญก็ตาม เอาจตุปัจจัยบ้าง เอาของที่จะพึ่งจะใช้ในงานบ้าง ไปช่วยในงานด้วยความเลื่อมใส ถ้าไม่มีจตุปัจจัย ไม่มีของ ก็เอากายไปช่วย ช่วยขวนขวายในกิจการงาน  อย่างนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่าท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่บนสวรรค์ หรือในพรหมโลก คนละ ๘ กัป
    แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน ๔๒ องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง ๔๒ องค์ ก็ต้องเอา ๔๒ ตั้งเอา ๘ คูณ  นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตรกุลธิดาในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน
    แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะคนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ ๑๒ กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน.....

อ่านรายละเอียดอื่นๆ ได้ทีี่่
https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-8-5-1


COPY ทั้งหมดมาจากที่คุณnathaponsonเคยโฟสไว้ ที่ : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8363.msg31385#msg31385
ชื่อกระทู้ : การเป็นเจ้าภาพ บวชพระสงฆ์ ได้บุญ และ อานิสงค์อย่างไร ครับ
156  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พุทธวจน (BuddhaWord) สะสมภาพ >> สะสมบุญ เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2012, 07:16:30 pm
ขออนุญาติ คุณ sasomboon นำรูปภาพ ที่มีประโยชน์มาก ขนาดนี้ ไปใช้ เป็นธรรมทาน ในการเผยแผ่ธรรม

ไม่ทราบว่า คุณ sasomboon จะอนุญาติไหมจ๊ะ ?
157  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เรียน K.THAWATCHAI173 จากหัวข้อ ขอคำแนะนำ .... เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2012, 08:42:15 am
ท่านทั้งหลายได้ทำความดีกัน   เราชาวธรรมก็ยินดีด้วย   เราก็มีความสุขด้วย   ชื่นใจด้วยจ๊ะ

                            สาธุ   สาธุ     :25:       :25:
158  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ขอคำแนะนำ เพื่อน ๆ ในห้องนี้เรื่อง คุณลุงกิตติศักดิ์ ค่ะ เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2012, 08:37:54 am


 :25:                      :25:                         :25:                                   :25:
159  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ขอคำแนะนำ เพื่อน ๆ ในห้องนี้เรื่อง คุณลุงกิตติศักดิ์ ค่ะ เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2012, 08:25:21 pm
เขาปิดทองหลังพระ  เราก็สาธุ 

       
   สาธุ    :25:[/size][/color]


เห็นจะเป็นเรื่องปกติ กับการปิดทองหลังพระ ของชาวเรา มัชฌิมา สาธุ :bedtime2:
160  ธรรมะสาระ / บทสวดมนต์ มนต์พิธี / เชิญเถิด เราทั้งหลายจงกล่าวคาถาแสดงความเคารพพระธรรมกันเถิด เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2012, 02:29:37 pm
ธัมมคารวาทิคาถา

หันทะ  มะยัง  ธัมมะคาระวาทิคาถาโย  ภะณามะ  เส
เชิญเถิด เราทั้งหลายจงกล่าวคาถาแสดงความเคารพพระธรรมกันเถิด

เย  จะ  อะตีตา  สัมพุทธา       เย  จะ  พุทธา  อะนาคะตา,
โย  เจตะระหิ  สัมพุทโธ         พะหุนนัง  โสกะนาสะโน

พระพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้วด้วย,  ที่ยังไม่มาตรัสรู้ด้วย,
และพระพุทธเจ้าผู้ขจัดโศกของพหูชนในกาลบัดนี้ด้วย


สัพเพ  สัทธัมมะคะรุโน          วิหะริงสุ  วิหะรันติ  จะ,
อะถาปิ  วิหะริสสันติ             เอสา  พุทธานะ  ธัมมะตา

พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์  ทรงเคารพพระธรรม,  ได้เป็นมาแล้วด้วย,
กำลังเป็นอยู่ด้วย,  และจักเป็นด้วย,  เพราะธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นเช่นนั้นเอง


ตัสมา  หิ  อัตตะกาเมนะ         มะหัตตะมะภิกังขะตา,
สัทธัมโม  คะรุกาตัพโพ          สะรัง  พุทธานะ  สาสะนัง

เพราะฉะนั้น,  บุคคลผู้รักตน,  หวังอยูเฉพาะคุญเบื้องสูง,  เมื่อระลึกได้ถึง
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย,  จงทำความเคารพพระธรรมเถิด


นะ  หิ  ธัมโม  อะธัมโม  จะ     อุโภ  สะมะวิปากิโน
ธรรมและอธรรม  จะมีผลเหมือนกันทั้งสองอย่าง  ก็หาไม่

อะธัมโม  นิระยัง  เนติ            ธัมโม  ปาเปติ  สุคะติง
อธรรมย่อมนำไปสู่นรก,  ธรรมย่อมนำให้ถึงสุคติ

ธัมโม  หะเว  รักขะติ  ธัมมะจาริง
ธรรมแล  ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเป็นปรกติ

ธัมโม  สุจิณโณ  สุขะมาวะหาติ
ธรรมที่ประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้

เอสานิสังโส  ธัมเม  สุจิณเณ
นี่เป็นอานิสงส์ในธรรมที่ตนประพฤติดีแล้ว

นะ  ทุคคะติง  คัจฉะติ  ธัมมะจารี.
ผู้ประพฤติธรรมอยู่เป็นนิจ,  ย่อมไม่ไปสู่ทุคติเลย.

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 18