ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - samapol
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8
201  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ที่ประชุมมหาเถรสมาคม สวดอภิธรรม 100 วัน พระพรหมกวี เจ้าคณะภาค 10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 10:48:50 pm
ที่ประชุมมหาเถรสมาคม สวดอภิธรรม 100 วัน พระพรหมกวี


เมื่อ วันที่ 21 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวภายหลังประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า พศ.ได้รายงานที่ประชุมมส.เพื่อทราบกรณี พระพรหมกวี(วรวิทย์ คังคปัญโญ) เจ้าคณะภาค 10 และเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์บนถนนเขตอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี และได้มรณภาพที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ในเวลา 17.45 น. เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา

ที่ประชุมมส.ได้แสดงความเสียใจ กับการสูญเสียพระนักการศึกษา มีผลงานเป็นที่ยอมรับของคณะสงฆ์ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมมส.ยังได้พิจารณาแต่งตั้ง พระราชโมลี(พรหมา สัปปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ในฐานะรองเจ้าคณะภาค 10 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 10 นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 11 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์  และจะมีการสวดอภิธรรม 100 วันพระพรหมกวี 100 วัน

ขณะเดียวกัน ตนได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานี เกี่ยวกับคณะที่เดินทางไปกับพระพรหมกวี ทราบว่า ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว โดยรองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ บาดเจ็บสาหัส แขนหัก พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนพระรูปอื่นๆบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะเดียวกัน ยังทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาพนักงานขับรถในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้ อื่นถึงแก่ความตาย เพราะมีอาการหลับใน


ที่มาเนื้อหาข่าวสาร
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=122632
202  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมคนยุคนี้ ต้องทำบุญ 9 วัดในหนึ่งวัน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 10:07:06 pm
ผมว่า ความสำคัญอยู่ที่ความตั้งใจครับ ผมเคยไปตั้งใจทำที่ไหว้ให้ครบ 9 วัดครับ

แต่พอทำกันจริง ๆ ครับเหนื่อยครับ เพราะเราเลือกวัด ประกอบกับการเดินทางยิ่งถ้าไป หน้าร้อน

ด้วยละก็ เหนื่อยมาก ๆ นึกถึง ธรรมสัญจรของคณะกรรมฐาน แล้วยังอดชื่นชอบและ หน้าติดตามไปด้วยครับ

เพราะว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ใช่ง่าย นะครับยิ่งถ้าระหว่างไปได้ ครูอาจารย์ คอยปราศัย แนะนำธรรมด้วยก็จะดีมาก

และถ้าเป็นไปได้ ค่าใช้จ่ายที่ไปไม่เป็นไปเพื่อการค้าด้วยอย่างคณะ ที่ไปที่ร่วมกันแชร์ผมว่า หน้าไปด้วยครับ

ทำบุญ 9 วัดนั้น มีผลดีดังนี้ครับ

  1.ต้องมีความตั้งใจ อย่างมาก

  2.ต้องมีกำลังทรัพย์เพียงพอ กับ วิธีการทำบุญ 10 ประการ

  3.เพิ่มสุขภาพจิต เพิ่มสุขภาพกาย

  4.เพิ่มความรู้ทางวิญญาณ

  5.เพิ่มวัฒนธรรมไทย

  6.สืบสานมรดก ไทยครับ

  7.เพิ่มกำลังใจให้กับพระคุณเจ้า

  ฯ ล ฯ


 :25:
203  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: สรุปธรรมสัญจร วันที่ 20 ก.พ.2554 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 09:57:57 pm
อนุโมทนา กับคณะธรรมสัญจร ด้วยครับ

พกบุญมาฝากน้อยจังครับ

 :25:
204  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวดมนต์ กับ นั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิเหมือนกันหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 09:13:46 pm
ผมขอสรุปประเด็นจากที่ตามอ่านเรื่องนี้ก่อนนะครับ

 1. สวดมนต์เป็นการฝึกสมาธิหรือไม่

 2. สวดมนต์ประกอบดนตรี ทำไมสบายใจ

 3. สวดมนต์เป็นภาษาไทย ภาวนาถูกหรือไม่

 4. ระหว่าง สวดมนต์เป็นไทย แปลไทย และ สวดบาลีอย่างเดียว ควรเลือกสวดแบบไหน

 5. ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีการปฏิบัติในเรื่องสวดมนต์นี้อย่างไร

 ซึ่งผมสรุปจากคำถามของเจ้าของกระทู้นะครับ ว่ามีประเด็นเท่านี้

 ที่นี้ประเด็นเพิ่มเติม ที่ได้เป็นคำตอบด้วย

  1.การสวดมนต์ เป็นยาทา วิปัสสนา เป็นยากิน

  2.การสวดมนต์ เป็นการฝึกสติ และ การฝึก สมาธิ

  3.การสวดมนต์เป็นไทย แปลไทย บาลี มีผลไม่เหมือนกัน

  4.การสวดมนต์ เหมือนการบำบัดจิต เช่นดนตรีบำบัด

  5.การสวดมนต์ แบบไหนก็ดี ทั้งนั้น

  6.การสวดมนต์ มีบทที่เป็น วิปัสสนา เจริญสติ เจริญสมาธิ วิธีการเฉพาะบท
 
  7.การสวดมนต์ ก็คือ การออกเสียง จำเป็นต้องมีการออกเสียง

  8.การสวดมนต์ นั้น รักษา เยียวยา และเป็นการฝึกจิต

  9.การสวดมนต์ ต้อง ทำ 3 ส่วน คือกายนั่ง ยืน เดิน นอน วาจากล่าว จิต มีสติ หรือ สมาธิ

และประเด็นปลีิกย่อย ผมว่าอาจจะต้องทำความเข้าใจกับคำถาม และสิ่งที่เราเสนอนั้นตรงกับคำถาม

ของผู้ถามหรือยังครับ

 :08:

205  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 08:15:18 pm
ผมขอสรุปเนื้อเรื่อง ก่อนนะครับ เพื่อจะได้เปิดประเด็นนะครับ

  1.เรื่องนี้เป็นเรื่อง คลุมถุงชน

  2.ฝ่ายหญิง ทำงานเป็นครู อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เป็นคนสวย ฐานะมั่นคง อายุ 29 ปี
 
  3.ฝ่ายชาย ไม่ได้ทำงาน รู้จักฝ่ายหญิง อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เป็นที่อยู่เดียวกับพ่อแม่ คนละหมู่บ้าน ฐานะมั่นคง

  4.ฝ่ายหญิง ไม่ได้รักฝ่ายชาย ซึ่งฝ่ายหญิงอาจจะมีคนรักอยู่แล้ว

  5.ฝ่ายชาย น่าจะชอบฝ่ายหญิง ( สันนิษฐาน ) เพราะรู้จักฝ่ายหญิง

  6.เมื่อแต่งงาน ทางฝ่ายหญิง ให้ฝ่ายหญิง ลาออก แสดงว่าฐานะการเงินนั้น น่าจะอยู่ด้วยความมั่นคง จึงไม่เห็น

    ถึงความสำคัญของอาชีพครู ซึ่งเป็นข้าราชการ มีเงินเดือน

  7.ฝ่ายหญิง คงมีการตัดสินใจไว้แล้วบางส่วน แต่เพราะความเป็นลูก เห็นพ่อแม่ร้องไห้ ก็อดจะรู้สึกว่าตนเอง

    ทำบาปหรือทำผิด หรือไม่

  8.มีการรับขันหมาก แล้วโดยพ่อแม่ฝ่ายหญิง ซึ่งรอกำหนดวันแต่งงาน

  9.เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ฝ่ายหญิง มาขอคำปรึกษาจากคุณ pamai ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าทุกข์

 เท่านี้ก่อนนะครับ เพื่อจะได้วิเคราะห์ สถานการณ์ให้ถูกทาง เพราะเห็นด้วยการมีชีวิตคู่นั้น ไม่ใช่ที่จะมาทำกัน

เล่น ๆ เป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพราะหากผิดพลาดก็จะเกิดวงจรกรรมอันไม่ดีต่อไปในภพภูมิชาติหน้า เนื่องด้วย

คู่ครอง ทำให้ต้องมีคู่ชีวิต หลายคู่ หลายคน ไม่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนพระโพธิสัตว์

เชิญเพื่อนร่วมกันวิเคราะห์ ตามประเด็นที่ผมแตกไว้ให้ครับ

 :13: :13: :13:
   :s_good:
206  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชวนทุกท่านมาปลุก พลังบวก ในตัวเราให้แกร่งเถิดครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2011, 07:42:36 pm
อันนี้ไม่น่าจะเกี่ยว กับ เสื้อแดง เหลือง นะครับ

เป็นรายการที่ ช่วยผลักดัน คนที่มีกำลังใจตก ให้กับมามีกำลังใจในการทำงาน หรือใช้ชีิวิต

ที่ผมติดตาม ก็เป็นการนำเสนอเวลาที่แต่ละคนวิกฤติ หมดกำลังใจ ก็หันมาพัฒนาชีวิตในเชิงบวก

ก็คือการใช้หลักธรรม คือ สติ.... เป็นจุดเริ่มต้น

 :13:
207  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "พระสารีบุตรเป็นมิจฉาทิฏฐิ" ใครหนอ??!!กล่าวเช่นนี้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 03:21:16 am
อาจริยวัตร
             [๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันเตวาสิกพึงประพฤติชอบในอาจารย์.
             วิธีประพฤติชอบในอาจารย์นั้น ดังต่อไปนี้
             อันเตวาสิกพึงลุกแต่เช้าตรู่ ถอดรองเท้า ห่มผ้าเฉวียงบ่า แล้วถวายไม้ชำระฟัน
ถวายน้ำล้างหน้า ปูอาสนะไว้
             ถ้ายาคูมี พึงล้างภาชนะแล้วน้อมยาคูเข้าไปถวาย เมื่ออาจารย์ดื่มยาคูแล้ว พึงถวายน้ำ
รับภาชนะมา ถือต่ำๆ อย่าให้กระทบกัน ล้างให้สะอาดแล้วเก็บไว้ เมื่ออาจารย์ลุกแล้ว พึงเก็บ
ผ้าอาสนะ
             ถ้าที่นั้นรก พึงกวาดเสีย.
             ถ้าอาจารย์ประสงค์จะเข้าบ้าน พึงถวายผ้านุ่ง พึงรับผ้านุ่งผลัดมา พึงถวายประคตเอว
พึงพับผ้าสังฆาฏิให้เป็นชั้นถวาย พึงล้างบาตรแล้วถวายพร้อมทั้งน้ำด้วย
             ถ้าอาจารย์ปรารถนาให้เป็นปัจฉาสมณะ พึงปกปิดมณฑลสาม นุ่งให้เป็นปริมณฑล
แล้วคาดประคตเอว ห่มสังฆาฏิทำเป็นชั้น กลัดดุม ล้างบาตรแล้วถือไป เป็นปัจฉาสมณะของ
อาจารย์ ไม่พึงเดินให้ห่างนัก ไม่พึงเดินให้ชิดนัก พึงรับวัตถุที่เนื่องในบาตร
             เมื่ออาจารย์กำลังพูด ไม่พึงพูดสอดขึ้นในระหว่าง อาจารย์กล่าวถ้อยคำใกล้ต่ออาบัติ
พึงห้ามเสีย
             เมื่อกลับ พึงมาก่อนแล้วปูอาสนะที่นั่งฉันไว้ พึงเตรียมน้ำล้างเท้า ตั่งรองเท้า
กระเบื้องเช็ดเท้าไว้ พึงลุกขึ้นรับบาตรและจีวร พึงถวายผ้านุ่งผลัด พึงรับผ้านุ่งมา.
             ถ้าจีวรชุ่มเหงื่อ พึงผึ่งแดดไว้ครู่หนึ่ง แต่ไม่พึงผึ่งทิ้งไว้ที่แดด
             พึงพับจีวร เมื่อพับจีวร พึงพับจีวรให้เหลื่อมมุมกัน ๔ นิ้ว ด้วยตั้งใจมิให้มีรอยพับ
ตรงกลาง พึงทำประคตเอวไว้ในขนดอันตรวาสก.
             ถ้าบิณฑบาตมี และอาจารย์ประสงค์จะฉัน พึงถวายน้ำแล้วน้อมบิณฑบาตเข้าไปถวาย
พึงถามอาจารย์ด้วยน้ำฉัน เมื่ออาจารย์ฉันแล้ว พึงถวายน้ำ รับบาตรมา ถือต่ำๆ อย่าให้กระทบ
ล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วผึ่งไว้ที่แดดครู่หนึ่ง แต่ไม่พึงผึ่งทิ้งไว้ที่แดด
             พึงเก็บบาตรจีวร เมื่อเก็บบาตร พึงเอามือข้างหนึ่งจับบาตร เอามือข้างหนึ่งลูบคลำ
ใต้เตียงหรือใต้ตั่ง แล้วจึงเก็บบาตร แต่ไม่พึงเก็บบาตรไว้บนพื้นที่ไม่มีสิ่งใดรอง
             เมื่อเก็บจีวร พึงเอามือข้างหนึ่งถือจีวร เอามือข้างหนึ่งลูบราวจีวร หรือสายระเดียง
แล้วทำชายไว้ข้างนอก ทำขนดไว้ข้างใน แล้วจึงเก็บจีวร
             เมื่ออาจารย์ลุกแล้ว พึงเก็บอาสนะ เก็บน้ำล้างเท้า ตั่งรองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้า
ถ้าที่นั้นรก พึงกวาดที่นั้นเสีย.
             ถ้าอาจารย์ใคร่จะสรงน้ำ พึงจัดน้ำสรงถวาย ถ้าต้องการน้ำเย็น พึงจัดน้ำเย็นถวาย
ถ้าต้องการน้ำร้อน พึงจัดน้ำร้อนถวาย.
             ถ้าอาจารย์ประสงค์จะเข้าเรือนไฟ พึงบดจุณ แช่ดิน หรือถือตั่งสำหรับเรือนไฟ แล้ว
เดินตามหลังอาจารย์ไป ถวายตั่งสำหรับเรือนไฟแล้ว รับจีวรมาวางไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พึงถวายจุณ ถวายดิน
             ถ้าอุตสาหะอยู่ พึงเข้าเรือนไฟ เมื่อเข้าเรือนไฟ พึงเอาดินทาหน้า ปิดทั้งข้างหน้า
ข้างหลัง แล้วเข้าเรือนไฟ ไม่พึงนั่งเบียดภิกษุผู้เถระ ไม่พึงห้ามกันอาสนะภิกษุใหม่ พึงทำ
บริกรรมแก่อาจารย์ในเรือนไฟ
             เมื่อออกจากเรือนไฟ พึงถือตั่งสำหรับเรือนไฟ แล้วปิดทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลังออกจาก
เรือนไฟ
             พึงทำบริกรรมแก่อาจารย์แม้ในน้ำ อาบเสร็จแล้ว พึงขึ้นมาก่อน ทำตัวของตนให้แห้งน้ำ
นุ่งผ้าแล้ว พึงเช็ดน้ำจากตัวของอาจารย์ พึงถวายผ้านุ่ง พึงถวายผ้าสังฆาฏิ ถือเอาตั่งสำหรับ
เรือนไฟมาก่อน แล้วปูอาสนะไว้ เตรียมน้ำล้างเท้า ตั่งรองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้าไว้ พึงถาม
อาจารย์ด้วยน้ำฉัน.
             ถ้าประสงค์จะเรียนบาลี พึงขอให้อาจารย์แสดงบาลีขึ้น ถ้าประสงค์จะสอบถามอรรถกถา
พึงสอบถาม.
             อาจารย์อยู่ในวิหารแห่งใด ถ้าวิหารแห่งนั้นรก ถ้าอุตสาหะอยู่ พึงปัดกวาดเสีย
เมื่อปัดกวาดวิหาร พึงขนบาตรจีวรออกก่อนแล้ววางไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พึงขนผ้าปูนั่ง
และผ้าปูนอน ฟูก หมอน ออกวางไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
             เตียงตั่ง อันเตวาสิกพึงยกต่ำๆ อย่าให้ครูดสี อย่าให้กระทบกระแทกบานและกรอบประตู
ขนออกให้เรียบร้อย แล้วตั้งไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.  เขียงรองเตียง กระโถน พนักอิง
พึงขนออกตั้งไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เครื่องปูพื้น พึงสังเกตที่ปูไว้เดิม แล้วขนออกวางไว้
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
             ถ้าในวิหารมีหยากเยื่อ พึงกวาดแต่เพดานลงมาก่อน กรอบหน้าต่างและมุมห้อง
พึงเช็ดเสีย ถ้าฝาเขาทำบริกรรมด้วยน้ำมัน หรือพื้นเขาทาสีดำขึ้นรา พึงเอาผ้าเช็ดน้ำบิดแล้ว
เช็ดเสีย ถ้าพื้นเขามิได้ทำ พึงเอาน้ำประพรมแล้วเช็ดเสีย ระวังอย่าให้วิหารฟุ้งด้วยธุลี พึงกวาด
หยากเยื่อทิ้งเสีย ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
             เครื่องลาดพื้น พึงผึ่งแดด ชำระ เคาะ ปัด แล้วขนกลับปูไว้ตามเดิม เขียงรองเตียง
พึงผึ่งแดด ขัด เช็ด แล้วขนกลับตั้งไว้ที่เดิม เตียงตั่งพึงผึ่งแดดขัดสี เคาะเสีย ยกต่ำๆ อย่าให้
ครูดสี กระทบกระแทกบานและกรอบประตู ขนกลับไปให้ดีๆ แล้วตั้งไว้ตามเดิม ฟูก หมอน
ผ้าปูนั่ง ผ้าปูนอน พึงผึ่งแดดทำให้สะอาด ตบเสีย แล้วนำกลับวางปูไว้ตามเดิม กระโถน
พนักอิง พึงผึ่งแดด เช็ด ถูเสีย แล้วขนกลับตั้งไว้ตามเดิม
             พึงเก็บบาตรจีวร เมื่อเก็บบาตร พึงเอามือข้างหนึ่งจับบาตร เอามือข้างหนึ่งลูบคลำ
ใต้เตียงหรือใต้ตั่ง แล้วจึงเก็บบาตร แต่ไม่พึงเก็บบาตร บนพื้นที่ไม่มีสิ่งใดรอง
             เมื่อเก็บจีวร พึงเอามือข้างหนึ่งถือจีวร เอามือข้างหนึ่งลูบราวจีวรหรือสายระเดียงแล้ว
ทำชายไว้ข้างนอก ทำขนดไว้ข้างใน แล้วเก็บจีวร.
             ถ้าลมเจือด้วยผงคลี พัดมาแต่ทิศตะวันออก พึงปิดหน้าต่างด้านตะวันออก ถ้าพัดมา
แต่ทิศตะวันตก พึงปิดหน้าต่างด้านตะวันตก ถ้าพัดมาแต่ทิศเหนือ พึงปิดหน้าต่างด้านเหนือ
ถ้าพัดมาแต่ทิศใต้ พึงปิดหน้าต่างด้านใต้ ถ้าฤดูหนาวพึงเปิดหน้าต่างกลางวัน ปิดกลางคืน
ถ้าฤดูร้อน พึงปิดหน้าต่างกลางวัน เปิดกลางคืน
             ถ้าบริเวณ ซุ้มน้ำ โรงฉัน โรงไฟ วัจจกุฎี รก พึงปัดกวาดเสีย ถ้าน้ำฉัน น้ำใช้ไม่มี
พึงจัดตั้งไว้ ถ้าน้ำในหม้อชำระไม่มี พึงตักน้ำมาไว้ในหม้อชำระ
             ถ้าความกระสันบังเกิดแก่อาจารย์ อันเตวาสิกพึงช่วยระงับ หรือพึงวานภิกษุอื่นให้ช่วย
ระงับ หรือพึงทำธรรมีกถาแก่อาจารย์นั้น ถ้าความรำคาญบังเกิดแก่อาจารย์ อันเตวาสิกพึงช่วย
บรรเทา หรือพึงวานภิกษุอื่นให้ช่วยบรรเทา หรือพึงทำธรรมีกถาแก่อาจารย์นั้น ถ้าความเห็นผิด
บังเกิดแก่อาจารย์ อันเตวาสิกพึงให้สละเสีย หรือพึงวานภิกษุอื่นให้ช่วย หรือพึงทำธรรมีกถา
แก่อาจารย์นั้น. ถ้าอาจารย์ต้องอาบัติหนัก ควรปริวาส อันเตวาสิกพึงทำความขวนขวายว่า
ด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์พึงให้ปริวาสแก่อาจารย์ ถ้าอาจารย์ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม อันเตวาสิก
พึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์พึงชักอาจารย์เข้าหาอาบัติเดิม ถ้าอาจารย์
ควรมานัต อันเตวาสิกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ สงฆ์พึงให้มานัตแก่
อาจารย์ ถ้าอาจารย์ควรอัพภาน อันเตวาสิกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ
สงฆ์พึงอัพภานอาจารย์.
             ถ้าสงฆ์ปรารถนาจะทำกรรมแก่อาจารย์ คือ ตัชชนียกรรม นิยสกรรม ปัพพาชนียกรรม
ปฏิสารณียกรรม หรืออุกเขปนียกรรม อันเตวาสิกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ
สงฆ์ไม่พึงทำกรรมแก่อาจารย์ หรือสงฆ์พึงน้อมไปเพื่อกรรมสถานเบา หรืออาจารย์นั้นถูกสงฆ์
ลงตัชชนียกรรม นิยสกรรม ปัพพาชนียกรรม ปฏิสารณียกรรม หรืออุกเขปนียกรรมแล้ว
อันเตวาสิกพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ อาจารย์พึงประพฤติชอบ พึงหาย
เย่อหยิ่ง พึงประพฤติแก้ตัว สงฆ์พึงระงับกรรมนั้นเสีย.
             ถ้าจีวรของอาจารย์จะต้องซัก อันเตวาสิกพึงซัก หรือพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบาย
อย่างไรหนอ ใครๆ พึงซักจีวรของอาจารย์ ถ้าจีวรของอาจารย์จะต้องทำ อันเตวาสิกพึงทำ
หรือพึงทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ ใครๆ พึงทำจีวรของอาจารย์ ถ้าน้ำย้อม
ของอาจารย์จะต้องต้ม อันเตวาสิกพึงต้ม หรือพึงทำความขวนขวายว่า  ด้วยอุบายอย่างไรหนอ
ใครๆ พึงต้มน้ำย้อมของอาจารย์ ถ้าจีวรของอาจารย์จะต้องย้อม อันเตวาสิกพึงย้อม หรือพึง
ทำความขวนขวายว่า ด้วยอุบายอย่างไรหนอ ใครๆ พึงย้อมจีวรของอาจารย์ เมื่อย้อมจีวร
พึงย้อมพลิกกลับไปกลับมาให้ดีๆ เมื่อหยาดน้ำย้อมยังหยดไม่ขาดสาย ไม่พึงหลีกไปเสีย.
             อันเตวาสิกไม่บอกอาจารย์ก่อน ไม่พึงให้บาตรแก่ภิกษุบางรูป ไม่พึงรับบาตรของภิกษุ
บางรูป ไม่พึงให้จีวรแก่ภิกษุบางรูป ไม่พึงรับจีวรของภิกษุบางรูป ไม่พึงให้บริขารแก่ภิกษุบางรูป
ไม่พึงรับบริขารของภิกษุบางรูป ไม่พึงปลงผมให้ภิกษุบางรูป ไม่พึงให้ภิกษุบางรูปปลงผมให้
ไม่พึงทำบริกรรมแก่ภิกษุบางรูป ไม่พึงให้ภิกษุบางรูปทำบริกรรมให้ ไม่พึงทำความขวนขวาย
แก่ภิกษุบางรูป ไม่พึงสั่งให้ภิกษุบางรูปทำความขวนขวาย ไม่พึงเป็นปัจฉาสมณะของภิกษุบางรูป
ไม่พึงพาภิกษุบางรูปไปเป็นปัจฉาสมณะ ไม่พึงนำบิณฑบาตไปให้ภิกษุบางรูป ไม่พึงให้ภิกษุบางรูป
นำบิณฑบาตมาให้ ไม่บอกลาอาจารย์ก่อน ไม่พึงเข้าบ้าน ไม่พึงไปป่าช้า ไม่พึงหลีกไปสู่ทิศ
ถ้าอาจารย์อาพาธ พึงพยาบาล จนตลอดชีวิต พึงรอจนกว่าจะหาย.
อาจริยวัตร จบ


ที่มาเนื้อหา

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=4&A=2092&w=%CD%D2%A8%C3%D4%C2%C7%D1%B5%C3
208  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "พระสารีบุตรเป็นมิจฉาทิฏฐิ" ใครหนอ??!!กล่าวเช่นนี้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 03:19:01 am


เป็นภาพที่น่าประทับใจมากครับ ผมเองก็พึ่งเห็นเป็นครั้งแรกครับ
 :25:
209  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / รักษาโรคด้วยพลังจิต ครับ ลองเข้าไปศีกษาดูนะครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 06:12:50 am
รักษาโรคด้วยพลังจิต ครับ ลองเข้าไปศีกษาดูนะครับ

http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B5-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%96-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2-%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84-157147.html
210  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมสร้างโรงเรียน ปริยัติธรรม เพชรบูรณ์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 06:08:34 am


211  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 05:54:52 am
ระงับกายสังขาร ก็คือ หยุดนิ่งการปรุงแต่งทางกาย

 กาย ก็ได้แ่ก่ ลมหายใจเข้า หายใจออก

  ลมหายใจหมด ก็ไม่ใช่ เพราะ ลมหายใจ เป็นสิ่งที่เรียกว่า กาย

  ที่จริงแล้วลำดับ น่าจะเกิดปีติ ต่อ แต่เป็นเพราะไม่มีนิมิตเกิด ปีติ ก็ยังไม่เกิด สุข ก็ยังไม่เกิด

 ผมว่าที่สำคัญอยู่ที่นิมิต คือ ลมหายใจเข้า หายใจออก จะมีนิมิตอยู่ประมาณ 9 - 10 อย่าง

  เช่น เกิดดังเมฆหมอก เกิดเห็นดังสำลี เกิดดังธารน้ำ เป็นต้น

  นิมิตควรจะมี ก็ตั้งแต่ อุคคหนิมิต ถ้านิมิตไม่เกิด ลมหายใจมีความรู้สึกว่าดับ ขั้นนี้กล่าวว่าเป็น ฌาน 4 เชียวนะ

แต่การจะได้ ฌาน 4 โดยไม่เกิด ปีติ และ สุข เป็นไปไม่ได้

 เพราะ ปฐมฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข ก่อนจะ เอกัคคตา

 ส่วน ฌาน 4 ที่กล่าวว่า ลมหายใจหยุด คือ ไม่มีลมนั้น เป็น เอกัคคตา

 การปฏิบัติ ฌาน 4 โดยไม่ผ่าน ฌานอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะสภาวะ เกิดตามลำดับ จะเร็ว จะช้า ก็ต้องเกิด

อนุโมทนาด้วยครับ ขอให้ตั้งใจฝึกต่อไปครับ
 :13:
212  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การค้นพบพระพุทธรูป อายุ 2600 ปี ที่อัฟกานิสถาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 05:30:45 am

ขอบคุณกับบทอ้างอิง ความรู้ส่วนนี้ครับ

บทอ้างอิง น่าจะถูก หรือ ผิด อยู่ที่ดุลยพินิจของทุกท่าน แสดงให้เห็นว่าวิจัย ที่พวกฝรั่งทำนี้ก็ใช่ถูกเสมอไป
โดยเฉพาะการคำนวณอดีต พิสูจน์ จาก carbon ก็เป็นข้อสันนิษฐาน อนุมานเปรียบเทียบเท่านั้น

ความสำคัญอยู่ที่มีสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คนแถวนั้น นับถือพระพุทธเจ้า มาก่อนแน่นอน หรือเคยนับถือ
แล้วปัจจุบันหายไปไหน เพราะอะไร ตรงนี้ที่ผมกำลังคิดต่อ
 :13: :13:
213  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ฆราวาสธรรม 4 ประการ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2011, 05:57:37 am
ฆราวาสธรรม ทั้ง 4 คือ

1. สัจจะ ความจริง จะทำสิ่งใดก็ต้องทำอย่างจริงจัง จริงใจ ต้องซื่อตรงต่อพุทธวัจนะ และความจริง ไม่ใ่ช่ซื่อตรงต่อตัวบุคคล พวกพ้องหรือหมู่คณะ

2. ทมะ ความข่มใจ รู้จักกดข่มกิเลส ไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสเกิดขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นเฉยๆ หรือรู้เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร แล้วปล่อยให้กิเลสดับไปเอง การรู้เฉยๆ นั้น เป็นการรู้อารมณ์ของอกุศล จิตก็ย่อมเป็นอกุศล แม้จิตจะไม่ตรึกในอกุศล แต่อารมณ์ที่จิตรับย่อมมีธรรมชาติเป็นอกุศล และสั่งสมป็นอกุศลวิบาก กิเลสหรืออกุศลตัวหนึ่ง ย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้อกุศลหรือกิเลสตัวอื่นๆเกิดขึ้นต่อๆไปไม่มีที่ สิ้นสุด

3. ขันติ ความอดทน รู้จักอดทนต่ออารมณ์ที่น่ายินดี น่าพอใจ จากภาพ เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่เรารักใคร่ พอใจ ชอบใจหรือเคยติดใจ หรือคุ้นเคยจนเป็นนิสัย อันนำไปสู่การปฏิบัติตนแบบมักง่าย ไม่รู้จักอดทน จนเป็นเหตุให้ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็เลือกทำ เลือกเอาแต่ที่ถูกใจเป็นหลัก แทนที่จะเลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้องถูกทำนองคลองธรรม

4. จาคะ ความเสียสละ ต้องรู้จักเสียสละความสุขทางกามคุณทั้ง 5 อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) ต้องรู้จักสละมานะ อันได้แก่ความกระด้าง ความถือตัว ต้องไม่ติดดี ต้องสละละวาง อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น อันจะนำไปสู่การสะสม สังโยชน์ทั้ง 10 ประการ

กลับมาที่เรื่องของ อิทธิบาท ข้อสุดท้ายข้อที่ 4 ต้องมีวิมังสา ต้องรู้จักทบทวน ตรวจสอบ คัดทาน การกระทำที่ผ่านๆมา ที่แล้วๆมา ของตัวเอง ว่าบกพร่อง ตรงไหน ด้วยเหตุอะไร ต้องกล้าตีแผ่พฤติกรรมของตนเองอย่างตรงไปตรงมา ห้ามหาเหตุผลมาปกป้องตัวเอง หรือความคิด ความเชื่อ ความชอบของตนเองหรือพวกพ้อง

การตรวจสอบต้อง ตรวจสอบจากหลายๆแห่ง หลายๆที่โดยใช้หลักกาลามสูตร คำคัดค้าน คำทัดทาน คำทักท้วง คำติติงจากผู้อื่นควรนำมาพิจารณาให้มาก แม้จะฟังหรืออ่านแล้วไม่ถูกใจเรา ฟังหรืออ่านแล้วรู้สึกขัดใจเราก็ตาม ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า

"คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไปว่าคนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์

ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่
ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย"

(ปณฑตวคฺค ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖.)
214  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: อ่านสักนิด " โรคกรรม " เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 06:26:06 pm
ได้อ่านแล้ว รู้สึกเรื่องของกรรม น่าจะเอาไปอยู่หมวด เรื่องเล่ากฏแห่งกรรม นะครับเพราะผมก็ชอบอ่านและ
แนะนำเพื่อนให้ได้อ่าน เรื่องที่ควรจะอ่านเรื่องแรกในหมวดธรรม ก็คือเรื่องกฏแห่งกรรมครับ เพราะถ้าเชื่อเรื่อง
กฏแห่งกรรม ก็จะเชื่อเรืิ่องกฏแห่งสังสารวัฏ ถ้าเชื่อเรื่องกฏแห่งสังสารวัฏ ก็จะเห็นโทษของสังสารวัฏ .... และ

ตามลำดับ ของจิตครับ ผมว่าเว็บนี้ดีนะครับ ต่างจากที่ผมคิดไว้เมื่อตอนที่เข้ามาอ่านใหม่ ๆ นึกว่าจะมีแต่เรื่อง
กรรมฐาน อันเป็นเรื่องหนักของนักภาวนา แต่มีเนื้อหาสาระที่หลากหลาย ให้กับทุกวัย แสดงว่าพระอาจารย์ไม่
ได้มุ่งให้เว็บ และ บอร์ดเฉพาะผู้ปฏิบัติภาวนาเท่านั้นยัง ต้องการให้ชนทุกระดับที่ควรได้รับทราบเรื่องธรรมะได้
อ่าน นับว่าเป็นเรื่องดีผมจึงได้ส่งเมล ชวนเพื่อนเข้ามาอ่านกัน

เพราะเป็นเว็บที่เป็นกลาง ตามชื่อจริง ครับ ไม่ต่อต้านวัฒนธรรม ไม่ส่งเสริมในทางผิด

 :s_good: :s_good: :s_good:
215  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ทางออก...ยามถังแตก! เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 06:21:04 pm
เรื่องนี้ได้ ประโยชน์มาก ๆ เลยครับผมเห็นกระเป๋าตังค์แล้วก็ทำให้นึกถึงตัวเอง บางครั้งก็อยู่ในสภาวะนั้นยิ่งเป็น
สภาวะตอนนี้ที่ต้องหางานทำช่วง มรสุม 2540 ด้วยแล้ว น้ำตาหยดเลยครับอาศัยว่า ได้เชื้อสายทางธรรมคิด
อดทน อดทน ถึงจะลำบากบ้างเราก็ยังมีลมหายใจอยู่

 ถ้ามีธรรมะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เห่อเหิม เชื่อได้ว่าไม่ตกต่ำ...ครับ ถึงแม้จะไม่รวย ไม่เฮง

 :s_good: :s_good: :s_good:
216  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 10 วิธี ระงับอารมณ์ร้อน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 06:13:46 pm
คุณธรรมธวัช ไม่แต่กลอนให้เรื่องนี้หน่อยหรือครับ
 :s_good:
217  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เขมรโจมตีไทย....ภาวะสนามรบชายแดนเดือด เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 06:04:08 pm
ติดตามทั้งการเมือง และั ผู้คน เพื่อน มิตร ญาติ ทางออกตอนนี้ดูแล้ว จะเข้าสงครามแน่ๆ
ไม่วิจารณ์ในที่นี้ เดี๋ยวเป็นประเด็นการเมือง ผิดระเบียบกระทู้

ส่งกำลังใจ และ กำลังปรึกษาคิดว่าจะทำอย่างไรช่วยผู้อพยพตอนนี้ได้ครับ สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจครับ
ชาวบ้านคนไทยประกอบอาชีพไม่ได้ ย่อมต้องกระทบเศรษฐกิจแน่นอนครับ

 :25:
218  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การวางอารมณ์ในกรรมฐาน มีขั้นตอนอย่างไรครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 09:42:58 pm
ได้ประโยชน์ ชัดเจนมากครับ

 :25:
219  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การตั้งศาลพระภูมิ ควรทำอย่างไรครับ และ เป็นพิธีกรรมของศาสนาไหนกันแน่ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 05:28:20 pm

ขอบคุณภาพจาก
http://rojn.blogth.com/JossHouse/

การตั้งศาลพระภูมิ นั้นแท้ที่จริง อัญเชิญเทวดา พวกไหนมาสถิตย์ครับ และวิธีการตั้งศาลพระภูมิ นี้เป็นพิธีของ

พุทธศาสนาหรือ ไม่ครับ บางครั้งผมไปร่วมพิธี ก็เห็นมีแต่พราหณ์ บางครั้งก็เห็นว่ามีทั้งพระ และ พราหมณ์ บางครั้ง

ก็เห็นมีแต่พระ แท้ที่จริง จุดประสงคฺ์การตั้งศาลพระภูิมินั้น มีหลักการในศาสนาพุทธหรือไม่ครับ

 :smiley_confused1:
220  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ผล และ ประโยชน์ ของ ความเป็น สมณะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 05:08:39 pm
ผล และ ประโยชน์ ของ ความเป็น สมณะ



ภิกษุ ท. ! ผลของความเป็นสมณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
โสดาปัตติผล,
สกทาคามิผล, อนาคามิผล, และอรหัตตผล เหล่าใดแล, ภิกษุ ท. !
ผลเหล่านี้ เราเรียกว่า ผลของความเป็นสมณะ.

ภิกษุ ท. ! ประโยชน์ของความเป็นสมณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. !
ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ อันใดแล, ภิกษุ ท. !
อันนี้
เราเรียกว่า ประโยชน์ของความเป็นสมณะ.

ภิกษุ ท. ! ความเป็นสมณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้
อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งได้แก่ความเข้าใจอันถูกต้อง, ความดำริอันถูกต้อง,
การพูดจาอันถูกต้อง, การทำการงานอันถูกต้อง, การเลี้ยงชีวิตอันถูกต้อง,
ความพยายามอันถูกต้อง, ความมีสติครองตนอันถูกต้อง, ความตั้งใจ
มั่นอันถูกต้อง ; ภิกษุ ท. ! อริยอัฏฐังคิกมรรคอันนี้ เราเรียกว่า ความ
เป็นสมณะ.


http://www.buddha-ins.org/documents/buddha2010-06-03_19-14-38.pdf
ขุมทรัพย์ จากพระโอษฐ์

ขอบคุณภาพจาก
http://board.palungjit.com
221  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระบรมสารีริกธาตุ และ พระอรหันตธาตุ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 06:08:57 am
นับว่ามีภาพล้ำค่า ที่หาดูได้ยาก มาก ๆ กับการรวมภาพ พระบรมสารีีริกธาตุ
เห็นแล้วอดชื่นชม กับผู้ที่จัดหามาไม่ได้เลยครับ มีความอุตสาหะ รวบรวมข้อมูล และ ภาพ
และเนื้อหา ไว้ครบ

แนะนำให้ดาวน์โหลดไฟล์ไปอ่านเพิ่มเติมครับ มีภาพเยอะกว่าที่โพสต์ครับ

 :25:
222  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อภัยทาน กับ ธรรมทาน อันไหนมีอานิสงค์มากกว่าคร้า... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 06:06:52 am
......พิจารณาคำว่าอภัยทาน

อภัยทาน ให้ความไม่มีภัย, ให้ความปลอดภัย

http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อภัยทาน&detail=on

จาก ปุญญาภิสันทสูตร

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=23&A=5079&Z=5126
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=129

( บางส่วน )

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๕ ประการนี้ เป็นมหาทาน อันบัณฑิตพึงรู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน
เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะเป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจายไม่เคยกระจัดกระจาย
อันบัณฑิตไม่รังเกียจอยู่ จักไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์
ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด

ทาน ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกใน
ธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ละปาณาติบาต
งดเว้นจากปาณาติบาต ดูกรภิกษุทั้งหลายอริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาต

ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียน แก่สัตว์หาประมาณมิได้

ครั้นให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียน
แก่สัตว์หาประมาณมิได้แล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งความไม่มีภัยความไม่มีเวร
ความไม่เบียดเบียน หาประมาณมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นทานประการที่ ๑

ที่เป็นมหาทาน บัณฑิตพึงรู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน

......ตามนัยของปุญญาภิสันทสูตร ศีล ๕ จัดเป็นมหาทาน และอภัยทานก็จัดอยู่
ในระดับศีลนั่นเอง คือให้ความไม่มีภัยให้ความปลอดภัย ไม่เบียดเบียนแก่ชีวิต
ทรัพย์สิน ฯลฯ ของผู้ที่เราให้อภัยทาน

พิจารณา :

บุญกิริยาวัตถุ

http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=บุญกิริยาวัตถุ#find2

อภัยทานอยู่ในระดับศีล จัดเข้าในสีลมัย

ส่วนธรรมทานนั้นอยู่ในระดับปัญญา จัดเข้าในภาวนามัย
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ธรรมทาน

....ธรรมทานจึงมีอานิสงส์มากกว่าอภัยทาน

สพฺพทานํ ธมฺมทานํ     สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ 
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ    ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ.

                 การให้ธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง
                 ความยินดีในธรรมย่อมชนะความยินดี
                 ทั้งปวง รสแห่งธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง
                 ความสิ้นตัณหาย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง ดังนี้.

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=137 

  ซ้ำบางที่ ยังบอกว่า อภัยทานก็คือธรรมทาน...  ผมเลยค่อนข้างสับสนนิดหน่อย พอจะมีผู้รู้ท่านใด
ไขข้อข้องใจนี้ได้บ้างมั๊ยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง

.......ที่มาตอบไม่ใช่ผู้รู้นะคะ แต่เป็นผู้จำได้ว่าเคยสนทนาในเรื่องนี้มาก่อน จึงตามลิงค์มาตอบ
ถ้าอ่านแล้วยังไม่เข้าใจในส่วนไหน ก็ขอให้บอกนะคะ เพราะได้สนทนาในแง่มุมต่างๆ
ไว้มาก เลือกนำบางส่วนมาตอบพอทำความเข้าใจเท่านั้น

.......ที่ว่าอภัยทานก็คือธรรมทานนั้น  มาจากอรรถกถานี้ค่ะ

อรรถกถาทานสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=278

( บางส่วน )

ในอธิการนี้ อภัยทานพึงทราบว่า ทรงสงเคราะห์เข้ากันด้วยธรรมทานนั่นเอง.

แต่ควรอ่านทั้งพระสูตรก่อนนะคะ

ทานสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=6453&Z=6470

[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๒ อย่างนี้ คือ อามิสทาน ๑ ธรรม
ทาน ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาทาน ๒ อย่างนี้ ธรรมทานเป็นเลิศ

.......ว่าด้วยทาน ๒ อย่าง

ดูคำว่าอามิส ก่อนดีกว่า ทบทวนไปด้วยกันนะคะ

อามิส เครื่องล่อใจ, เหยื่อ, สิ่งของ
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อามิส

......อภัยทานก็เหมือนกับธรรมทาน คือไม่ใช่อามิส อภัยทานจึงสงเคราะห์เข้ากันด้วยธรรมทาน

......จำได้ว่าเมื่อเราสนทนาในข้อธรรมนี้ดิฉันกับพี่สนุกมากเลย แต่ดิฉันถ่ายทอดไม่เก่ง
งั้นเรามาปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ กันไปเลยนะคะ

มาดูในแง่ผู้ให้ :

      การให้อภัยทาน ก็คือผู้ให้ ผู้ให้ได้รักษาศีล คือ ได้ควบคุม กาย วาจา
ไม่ให้ไปทำอันตรายผู้ที่รับอภัยทาน คือให้ความไม่มีภัย

      การให้ธรรมทานผู้ให้ ก็ต้องมีการศึกษาในข้อธรรมนั้นๆ จากการอ่าน การฟัง
( ธัมมัสสวนมัย ) และต้องมีความเห็นให้ตรง ( ทิฏฐุชุกัมม์ )จึงจะให้ธรรมทานได้
( ธัมมเทสนามัย)

        ถ้ารวมการถวายพระไตรปิฎก การให้หนังสือธรรม จัดไว้ในธรรมทาน ผู้ให้
ก็ให้โดยไม่ได้อ่านหรือทำการศึกษาก็ได้ แต่ถึงกระนั้น ผู้ให้ย่อมมีความเลื่อมใสว่า
ได้ให้ในสิ่งที่เลิศ  วิบากอันเลิศย่อมมีแก่ชนผู้เลื่อมใสในสิ่งเลิศ

ตามนัยของปสาทสูตร

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=912&Z=944&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=34

ในแง่ของผู้รับ :

      ผู้รับอภัยทาน ก็ได้รับความปลอดภัย ในชีวิต ทรัพย์สิน ไม่ถูกหลอกลวง
ด่าว่า ฯลฯ จากผู้ให้อภัยทาน

      ผู้รับธรรมทาน จะได้รับประโยชน์ตามสมควรแก่เหตุปัจจัย เช่นมีความเข้าใจในธรรม
มีความเห็นตรงคือมีสัมมาทิฎฐิ บ้างก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ( จากหลายพระสูตรเมื่อ
ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ) ได้ทั้งประโยชน์ในโลกนี้ โลกหน้า กันเลยทีเดียว

       บางคนเมื่อฟังธรรมแล้ว เกิดเกรงกลัวบาปกรรม หันมาทำบุญ ละบาปก็ได้ประโยชน์
ทั้งโลกนี้และโลกหน้าเลยทีเดียว

........แต่ไม่ว่าทานไหนจะได้อานิสงส์มากหรือน้อย เราก็ทำทั้งนั้น ตามเหตุปัจจัย
การพิจารณาข้อธรรมต่างๆ ก็เป็นไปเพื่อการศึกษาพระสัทธรรม พิจารณาดูเหตุดูผล

การให้ทาน ( แจกจ่ายอามิส ) ก็เป็นไปเพื่อละความโลภ ละความตระหนี่
อภัยทานก็เพื่อละโทสะ ให้มีเมตตากรุณา ธรรมทานก็เป็นไปเพื่อปัญญา

........การสงสัยในข้อธรรมและถามปัญหา ก็เป็นโอกาสที่จะให้เราได้ฟังธรรมและ
ได้แสดงธรรม ทั้งยังได้ทำความเห็นให้ตรงอันเป็นบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ที่เรา
ได้ทำตามโอกาส และหาโอกาสที่จะทำ

ขอบคุณสหายธรรม rtid
223  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สอบถามวิธีป้องกันรองเท้าไม่ให้หาย ขณะเข้าไปทำบุญที่วัด เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 09:44:16 pm
รองเท้าผมก็เคยหายครับ แต่ต่อมาต้องเปลี่ยนวิธีการ ครับเพราะไม่มีรถที่จะนำใส่ไว้ไนรถนะครับ

ผมจึงอาศัยถุงผ้าขนาดพอใส่รองเท้าได้ครับ พอถึงสถานที่เราต้องถอด ก็ถอดใส่ถุงผ้าครับ ส่วนถุงผ้าเิลิกใช้ก็พับ

เก็บครับ วิธีนี้ดูเหมือนว่าจะรักรองเท้ามาก ๆ ครับแต่ผมว่าดีำกว่าเดินเท้าเปล่าครับ ผมเคยไปไหว้พระใน กทม.ครับ

แล้วรองเท้าหายครับ สุดท้ายต้องถอดถุงเท้า เดินเท้าเปล่า ออกมาซื้อรองเท้าครับ พอดีวันนั้นมีเงินติดตัวไปไม่พอ

จะซื้อรองเท้าครับ เพราะต้องเหลือค่ารถกลับบ้านครับ ไม่ได้เผื่อไว้ หยอดตู้ทำบุญไปหลายร้อยเพลินไปครับ

แต่ตั้งแต่นั้นมามาผมก็อาศัยประสพการณ์เช่นนี้เสมอมาครับ

ส่วนคนที่เอารองเท้าผมไปนั้น ผมก็คิดว่า ผมเคยเอาของเขามา ก็กรวดน้ำอุทิศบุญของผมให้เขาด้วยครับ

ก็แปลกดีนะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย แต่วันนั้นรู้สึกอารมณ์ดีครับ อาจจะเป็นเพราะอิ่มบุญ

อิ่มใจคิดว่า วันนี้เรามาทำบุญ ก็อย่าไปคิดให้เป็นบาป เดี๋ยวบุญจะหายหมดครับ


 :25: :25: :25:
224  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สมาธิ จะช่วยอะไรในวิปัสสนา เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 08:59:50 pm
ถ้าอย่างนั้น ต้องแยก คำสองคำให้เข้าใจกันก่อนดีหรือไม่ครับว่า

  สังขาร คือการปรุงแต่ง หรือ ความคิด

  พิจารณา คือการ ใช้ความคิดด้วยหรือไม่ ?

  ยถาภูตญาณทัศศนะ คือการ เห็นตามความเป็นจริง

 ทั้งสามประการนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ? และเป็นสังขารหรือไม่ ?

 :25:

 ผมว่าทั้งหมด ก็เป็น สังขาร ทั้งหมดครับ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น เพราะสังขารมี บัญญัติจึงมี ไงละครับ

ถ้าไม่มีสังขาร บัญญัติ ก็มีไม่ได้


ลองร่วมวิจารณ์ เบื้องต้นนะครับ

  :25:
225  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ปฏิบัติกรรมฐาน จะรักษาโรคได้อย่างไร ครับ เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 07:22:59 am
โรคแบบไหน ที่กรรมฐาน จะรักษาหาย เพราะผมเองก็ทดสอบ รักษาโรคเช่นไข้หวัด เป็นต้น
แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลในการรักษาเลยครับ สุดท้ายต้องพึ่งยา หรือว่าต้องมีสมาธิระดับไหนถึงจะใช้รักษาโรคได้ครับ
 :smiley_confused1:
226  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระใบลานเปล่า กับเหี้ย ๖ รู บทสรุปของ "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:53:13 pm
พระสูตร ประวัติบทนี้ ทำให้ผมเห็นสัจจะธรรม ข้อหนึ่งคือการศึกษาธรรมะ นั้นต้องศึกษาเพื่อปฏิบัติ ไม่ใช่ศึกษา
เพื่อความภูมิใจ หรือ เพื่อลาภ สักการะ สรรเสริญ ยศ เป็นต้น แต่การศึกษาธรรมะนั้นให้ศึกษาให้ถูกกับเรื่องที่
จะภาวนา ไม่ต้องเรียนมาก แต่ให้เรียนเรื่องหนึ่งให้พ้น ดังนั้นไม่ต้องรู้กรรมฐานมาก แต่ให้รู้เฉพาะที่ปฏิบัติภาวนา
ให้ละคลายจากกิเลส และพ้นจากกิเลส

    :67: :93: :13:
227  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ความลึกของฌาน เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 08:48:45 pm
ผมว่า ภาพอาจจะให้ความหมายผิด นะครับ ถ้าเปรียบเป็นความลึกแล้วละก็ น่าจะผิดครับ

 เพราะตั้งแต่ อรูปฌาน นั้นมันกว้างกว่า ทะเล เริ่มตั้งแต่ อากาสานัญจายตนะ นี่รวมอากาศ จักรวาล ทั้งหมดเลยนะครับ ส่วนถ้าเปรียบเหมือนทะเลแล้วละก็ มันคนละเรื่องกัน หรือผมเข้าใจผิด ครับ

 :13:
228  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: รวบมือปืนยิงพระตายกลางถนน มอร์เตอร์เวย์ จับได้แล้ว เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 09:29:35 pm
เบื้องต้นนายวธรรับสารภาพโมโหผู้ตายที่ทำตัวเป็นลูกไม่ดีทั้งที่อยู่ในผ้า เหลือง โดยก่อนหน้านี้พ่อของผู้ตายซึ่งสนิทกับตนมาหาตนที่บ้าน พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าต้องหาเงินส่งไปให้ผู้ตายทุกเดือน ๆ ละ 6-7 หมื่นบาทเพื่อซื้อยาบ้าเสพ เดือนไหนไม่หาเงินให้ผู้ตายจะมาหาที่บ้าน พร้อมกับทำลายข้าวของจนพัง
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=562&contentID=116825

ถ้าเรื่อง เป็นจริงอย่างที่ผู้ต้องหาสารภาพ คนที่ผิดจริง ก็คือ พ่อ ของ พระ อ่านแล้วก็ฟังไว้ก่อน เพราะยังต้องรอ
การสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนความจริงคือ พระโดนยิงตาย

เรื่อง ยาบ้า ยาเสพติด ไม่เข้าใครออกใคร ด้วย

 :97:
229  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จะพบพระอาจารย์ ต้องทำอย่างไรครับ จึงจะได้พบ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 07:27:07 pm
เนื่องด้วยพระอาจารย์ ปลีกวิเวก ถ้าจำไม่ผิด ก็จะครบปีแล้วนะครับ
ถ้าต้องการพบพระอาจารย์ เพื่อศึกษาพระกรรมฐาน ด้วยต้องทำอย่างไรบ้างครับ

 :25:
230  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อภรรยาที่หย่ากันแล้ว นำลูกสามีใหม่มาให้เลี้ยง เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 06:56:28 pm
อาจจะเป็นคนหน้าเหมือนกัน ก็ได้นะครับ เพราะเดี๋ยวนี้คนหน้าเหมือนกันมีมากนะครับ
บางคนเสียงเหมือน เป็นต้นนะครับ

http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=5774
ไปดู วีดีโอ เหมือนกันเพลิน ก็ได้นะครับ


231  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: โปลิศแก่งคอยฟิตโชว์รวบไอ้หื่นแสบลวงจี้สาวฉันทนาขยี้กาม เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 11:00:29 pm
เป็นภัยใกล้บ้านชาว สระบุรี นะครับ
  :96:
232  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โปลิศแก่งคอยฟิตโชว์รวบไอ้หื่นแสบลวงจี้สาวฉันทนาขยี้กาม เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 10:57:46 pm
โปลิศแก่งคอยฟิตโชว์รวบไอ้หื่นแสบลวงจี้สาวฉันทนาขยี้กาม

เมื่อ เวลา 11.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ร.ต.อ.กุญชร บุญศิริเภสัช ร้อยเวร สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมกำลังคุมตัวนายวีรฉัตร์ พุ่มแสวง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 1 ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในคดีร่วมกับนายเบิร์ด ไม่ทราบนามสกุล (หลบหนี) ใช้อาวุธมีดจี้ น.ส.เอ (นามสมมุติ) พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย ไปข่มขืนกระทำชำเราและชิงรถ จยย.และโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อคํ่าวันที่ 19 ม.ค.2554 ที่ผ่านมา
       
โดย ร.ต.อ.กุญชร เผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ม.ค. ได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ ผู้เสียหายว่า ถูกผู้ต้องหาลวงไปข่มขืน โดยให้รายละเอียดว่า ขณะขี่รถ จยย. ไปตามถนนมิตรภาพ เพื่อรับแฟนหนุ่ม แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางแยกเข้าตลาดแก่ง รถเกิดน้ำมันหมด จึงจำต้องเดินเข็น แต่เมื่อผ่านมาถึงศาลาที่พักผู้โดยสารข้างทาง พบนายวีรฉัตร์กับนายเบิร์ด นั่งอยู่และอาสาว่าจะช่วยพาไปซื้อน้ำมันมาเติมให้ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงินให้มาเติมแล้ว กลับถูกทั้งคู่ให้มีดจี้บังคับให้ซ้อนรถ จยย. ของตัวเอง โดยทิ้งรถ จยย. ยามาฮ่า เมท สภาพเก่าของผู้ต้องหาไว้ที่ศาลาฯ

จากนั้นขี่ไปตามถนนสายแก่งคอย-บ้านนา ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปตามถนนในหมู่บ้านนาดีอีก ราว 2 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อถึงที่เปลี่ยว นายวีรฉัตร์ ได้ลากผู้เสียหายลงไปบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ โดยมีนายเบิร์ด คอยดูต้นทางให้ หลังเสร็จกิจได้พาผู้เสียหายไปทิ้งไว้ริมถนนมิตรภาพในเขตรอยต่อระหว่าง อ.แก่งคอย กับ อ.เมืองสระบุรี พร้อมชิงเอารถ จยย. และโทรศัพท์มือถือ ติดมือหลบหนีไป

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า กำลังตกงานจึงร่วมกันวางแผนดักชิงทรัพย์เหยื่อบริเวณศาลาฯ ดังกล่าว เมื่อพบผู้เสียหายจึงแกล้งทำเป็นพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือ จากนั้นจึงลงมือชิงทรัพย์และข่มขืน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และจะได้ติดตามตัวนายเบิร์ด เพื่อนร่วมแก๊ง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=117084
233  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มีวิธีวัดอย่างไร ในการสำเร็จ กรรมฐาน หรือ สมาธิ เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 10:33:58 pm
มีวิธีวัดอย่างไร ในการสำเร็จ กรรมฐาน หรือ สมาธิ
 ในกรรมฐาน วัดกันอย่างไร ว่าปฏิบัติได้สำเร็จแล้ว เป้าหมายแท้จริงที่ใช้วัดความสำเร็จใช้
อะไรเป็นเครื่องชี้วัดองค์ความสำเร็จ ครับ

 :25:
234  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: งงครับว่า ทำใจเป็นสมาธิ ทำไมจึงลืมตาได้ เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 10:18:11 pm
ว่าแต่เพื่อน คุณ ปฏิบัติ แนวไหนครับ ..... อย่างน้อยต้องรู้แนว หน่อยครับ ขอข้อมูลเพิ่มอีกสักนิดนะครับ
 :character0029:
235  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ทำอย่างไร ดี เพื่อนเรา กำลังแย่ง สามี ของเราไป เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 06:40:41 pm
ครูนภา ตอบได้ซึ้งกินใจ ครับไม่ทราบว่า คุณ Because แก้ปัญหาได้หรือไม่

ถ้ามีปัญหาในใจลองมาโพสต์ เพิ่มอีกได้หรือป่าวครับ หรือ ห่างหายไปแล้ว

 :25:
236  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สวัสดีครับ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 05:39:18 pm
ผมขออนุญาต นะครับ ก็ไม่ถึงชำนาญครับ
อ้างถึง
การทำกรรมฐานโดย การกำหนดรู้เป็นคำๆ เช่น เดินก็กำหนดรู้ว่าเดิน(แล้วท่องในใจว่าเดิน)

การกำหนด กรรมฐาน ทั้งปวง ในกรรมฐาน พื้นฐานมาจากสติครับ และ สติพัฒนาเป็นสมาธิ
เมื่อสมาธิ พัฒนาเพียงพอ ก็จักมองเห็นตามความเป็นจริง ส่วนการละนันทินั้น เป็นการละเพราะเราต้องรู้เห็นโทษ
ตามความเป็นจริงก่อนครับ ถ้าไม่รู้จริง หรือแต่จดจำมา ก็ไม่สามารถละนันทิได้จริงครับ เป็นแต่เพียงกด สะกด
อารมณ์บอกให้ละ ซึ่งวิธีนี้ ควรจะใช้กับ พระสกทาคามี เป็นต้นไป เพราะท่านมุ่งตรงต่อพระนิพพาน เนื่องด้วยธรรม
บางส่วนแม้ปรากฏในพระสูตร พระไตรปิฏก แต่ก็ไม่ไ้ด้เป็นธรรมอันเป็นสาธารณะ บุคคล ธรรมะที่เป็นสาธารณะ
กับบุคคลปฏิบัติธรรม ก็คือโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ครับ


          เหตุให้เกิดสติ 16 อย่าง มีอะไรบ้าง
          1.  สติเกิดแก่ท่านผู้รู้ เช่น ท่านผู้ระลึกชาติได้เอง เกิดมาแล้วระลึกชาติได้ อาจจะพบอยู่ต่อเนื่องทั้งในเอเชียและยุโรป

          2.  สติเกิดขึ้นเพราะการเตือน เช่น ผู้ที่หลงลืม พอมีผู้เตือนก็ระลึกได้เพราะการเตือน

          3.  สติเกิดขึ้นเพราะอาศัยนิมิตที่สำคัญ เช่น พระราชาได้อภิเษกในราชสมบัติ หรือว่าบุคคลได้บรรลุโสดาปัตติผลก็ดี เมื่อนั้นสติเกิดขึ้น เพราะวิญญาณอาศัยนิมิตที่สำคัญ คือ อย่างพระราชาได้อภิเษก ราชสมบัติที่ใด วันใด เดือนใด ปีใด พอถึงที่นั้น อันนั้น ปีนั้น ก็ระลึกขึ้นมา ถึงวันที่ได้อภิเษก สถานที่ที่ได้อภิเษก หรือบุคคลได้บรรลุธรรมโสดาปัตติผลในที่ใด ด้วยธรรมอันใด ก็ระลึกถึงที่นั้นโดยธรรมอันนั้นนี้ เรียกว่าเกิดขึ้นเพราะอาศัยนิมิตที่ สำคัญ นิมิต แปลว่า เครื่องหมาย

          4.  สติเกิดขึ้นเพราะวิญญาณอาศัยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น คนได้ความสุขในที่ใด ก็ระลึกถึงที่นั้นว่าเราได้อาศัยความสุขในที่โน้น คนได้รับความสุขในที่ใด ก็นึกถึงที่ตรงนั้นบ่อยๆ เพราะความสุขความพอใจทำให้คนอยากจะทำซ้ำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความสุขและระลึก ถึงสถานที่ เวลา ที่ทำให้เกิดความสุข

          5.  สติเกิดขึ้นเพราะวิญ

          6.  สติเกิดขึ้นเพราะนิมิตที่เหมือนกัน เช่น ได้เห็นคนที่คล้ายกัน แล้วก็ระลึกถึงมารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย เป็นต้น หรือว่าได้เห็นสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งแล้วก็ระลึกถึงสัตว์อื่นที่คล้ายกัน นี่เรียกว่า สติเกิดขึ้นเพราะนิมิตที่เหมือนกัน

          7.  สติเกิดขึ้นเพราะนิมิตที่ไม่เหมือนกัน เช่น ระลึกได้ว่าสีของสัตว์ตัวโน้นเช่นนี้ เสียงของคนโน้นเช่นนี้ เป็นต้น

          8.  สติเกิดขึ้นเพราะลักษณะ เช่น เจ้าของโคเห็นโคของตัวแล้วก็รู้ได้จำได้ เพราะมีตำหนิตรงไหน หรือว่าลักษณะต่างกันก็รู้ได้

          9.  สติเกิดขึ้นเพราะความระลึก เช่น ผู้ที่สติฟั่นเฟือนเมื่อได้ผู้อื่นเตือนให้ระลึกอยู่บ่อยๆ ก็ระลึกได้

          10. สติเกิดขึ้นเพราะสังเกต เช่น คนที่เคยเรียนหนังสือได้เรียนรู้มาว่าตัวอักษรอย่างนี้ต้องเขียนอย่างนี้ นี่เรียกว่าเกิดขึ้นเพราะความสังเกต

          11.  สติเกิดขึ้นเพราะการนับ เช่นว่า เพราะเคยได้เรียนการนับมา จึงนับได้มาก นี่ก็คือการคำนวณ คนที่เก่งทางคำนวณ เขาจะคำนวณได้เร็ว คิดอะไรได้เร็ว เคยเห็นเด็กมาแข่งขันทางทีวี เขาจะคิดได้เร็วมาก ซึ่งไม่น่า ทำได้แต่เขาทำได้เพราะฝึกฝนทางนี้มา

          12. สติเกิดขึ้นเพราะความจำ เช่น เคยท่องจำ ผู้จำจึงสามารถจำได้มาก อันนี้คือเขาจำมา พอระลึกได้ ก็ไปได้หมด บางทีคำภาษาบาลี พอได้บาทต้น บาทที่ 2 ก็มา บาทที่ 3 ก็มา ได้ไปเรื่อย นั่นคือสติเกิดขึ้นเพราะความจำเคยท่องมา และจะจำได้มากขึ้นเรื่อย ไม่ใช่ว่าจะลืม พื้นฐานดีๆ อ่านทีเดียวก็จำ จำแล้วก็ไม่ค่อยลืม จำง่ายลืมช้า มันเป็นลักษณะประหลาดอันหนึ่งสำหรับคนที่เคยท่องจำ แต่บางคนจะตรงกันข้าม ลืมง่ายจำช้า

          13. สติเกิดขึ้นเพราะภาวนา เช่น การระลึกชาติได้ของผู้ที่บำเพ็ญภาวนาที่เรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ญาณ คือ การตามระลึกถึงขันธ์ที่เคยอยู่ในปางก่อน ท่านใช้คำว่าสติเหมือนกัน

          14. สติเกิดขึ้นเพราะเปิดตำราออกดู เหมือนพระราชาให้นำพระราช-กำหนดมาเปิดออกดู แล้วก็ทรงระลึกได้ถึงพระราชกำหนดนั้น

          15. สติเกิดขึ้นเพราะเก็บไว้ เช่น เห็นของที่เก็บไว้แล้วระลึกได้ มันคงมีอะไรต่อเนื่องด้วยนะครับ คนที่ค้นคว้าเก่งๆ เขาระลึกได้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน ใครถามอะไรก็มักจะตอบได้ทันที และการค้นคว้าก็จะสะดวกขึ้นมากด้วย หนังสืออะไรอยู่ที่ไหนมากมายก่ายกอง ก็ระลึกได้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน ก็สะดวกกับการที่จะไปค้นหา ได้ข้อมูลเยอะเลย

          16. สติเกิดขึ้นเพราะได้พบ เช่น เพราะว่าเราได้เห็นจึงระลึกถึงรูปได้ เพราะได้ฟังจึงระลึกถึงเสียงได้

ข้อความนี้มาจากลิงก์นี้ครับ ผมว่าเรื่องนี้อ่านดีครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2754.msg9596#msg9596
237  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สัมมัปธาน 4 ความเพียรที่พระอาจารย์แนะนำ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 05:32:07 pm
สัมมัปปธาน 4 นะครับ เห็นว่าผู้โพสต์ ไม่ได้ประติดประ่ต่อไว้ ครับ

สัมมัปปธาน หรือ สัมมัปปธาน 4 คือ การมุ่งมั่นทำความชอ
238  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สุดยอด นักปลอม ตัวฉกาจ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 05:25:29 pm
ผมเห็นภาพ แล้วอึ้งกับ หน่อไม้ และ สาหร่าย ครับ เพราะอุดหนุดบ่อยครับ

ถึงว่าอาหารจีน ยิ่งทานแทนที่จะได้สุขภาพ รู้สึกสุขภาพแย่เป็นเพราะสารเคมีพวกนี้นี่เอง

นึกแล้ว สยองเลยครับ

ต้อง ต่อต้าน การบริโภคของจีนแล้ว กึ๊ย ๆๆๆ



239  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: งู หรือ พระยานาค ดูกันนะจ๊ะ ( ผ่อนคลายกันหน่อย ใจไม่กล้าห้ามดู ) เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 11:04:42 pm


ถ้าตัวนี้เขมือบเราสู้ไม่ได้แน่ครับ
240  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สนใจเรื่อง อานาปานสติ ครับ เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:36:51 pm
อานาปานสติ ปฏิสัมภิทามรรค เพื่อการภาวนา
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=811.0

ดาวน์โหลดไฟล์ได้ตรงนี้ แต่ต้องเป็นสมาชิกนะคร้า... ถึงจะมองเห็นไฟล์โหลด คร้า..
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=811.msg4893#msg4893

ขอบคุณครับ กำลังจะดาวน์โหลดไฟล์ไปอ่านครับ

 :25:
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8