เรื่องทั่วไป > เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม

บันทึกการภาวนา พุทโธ

(1/6) > >>

นิรนาม_พุทโธ:
เริ่มเรื่อง ก็ธรรมดาครับ แต่ผมจะมาทะยอยเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากครู อาจารย์ ทีี่ผมนับถือในเรื่องการภาวนาพุทโธ ครับ เผื่อจะได้มีประโยชน์ไม่มาก ก็น้อย ครับ

พระคุณเจ้า ที่เล่าให้ผมเรื่องนี้ ผมขอเรียกว่า หลวงพ่อไร้นาม ครับ

ผมได้ไปพบ หลวงพ่อรูปนี้ โดยบังเอิญในเขตปากช่อง

ไปพบท่านหลายครั้ง และ หลายปี และขอเรียนกรรมฐาน นับถือท่านเป็นครูอาจารย์
และก็ได้ฟังท่านถ่ายทอดเรื่องราว ๆ ต่างๆ ยังไม่ครบ

ผมถามชื่อท่าน ๆ ก็ให้เรียกว่า หลวงพ่อ หลวงตา เท่านั้น ถามประวัติท่าน ๆ ก็ไม่ตอบ
อายุของท่านดูเผิน ๆ ภายนอกก็ประมาณ 70 ปีขึ้นไป แต่เเดินเหินผมนับถือ จริง ๆ

ขึ้นไปบนเขากับท่าน ตัวผมเองเหนื่อย ๆ หอบ แฮ่ก ๆ แต่ท่านกับไม่เป็นไร เดินต่อเฉยเลยครับ

เพื่อนสมาขิก สนใจผมก็จะเิริ่ม สาธยายการภาวนาตามที่ท่านเล่า





นิรนาม_พุทโธ:
บทที่ 1 ความต้องการภาวนา บางครั้งก็ไม่ได้มาจากความตั้งใจเดิม

        อาตมาได้ทำงานในสมัยฆราวาส มีเงิน มีฐานะ มีความรู้ อยู่ในความพรั่งพร้อมหลาย ๆ ประการแต่ขณะที่กำลังเพลิดเ้พลินอยู่กับเรื่องต่าง ๆ อย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มาล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ วันนั้นจำได้ว่านอนอยู่ที่บ้าน
กับที่นอนทั้งหมด 5 วัน 4 คืน เพราะลุกไม่ได้เป็นไข้ หมดแรงและช่วงนั้นมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวัง ทั้งร่างกายเหมือนไฟแผดเผา มันทรมานจิตมัน บอกอย่างนั้น ในขณะที่นอนอย่างไร้ความหวัง น้ำตาก็ไหลออกมาเรื่อย ๆ และก็จำความไม่ได้ ที่นี้มันเหมือนความฝัน ๆ ว่าตัวเองได้เดินไปที่ ๆ หนึ่งในที่นั้นมีแต่พระนั่งกันอยู่เต็มไปหมด และมีพระนั่งอยู่ในท่ามกลาง เป็นประธานอยู่รูปหนึ่ง มีหน้าตา งดงาม ดูผ่องใส เห็นแล้วทำให้เลื่อมใสอย่างทันที โดยส่วนตัวแล้ว ชีวิตของอาตมานั้นไม่ค่อยยุ่งอยู่กับวัด และ พระ ปกติก็ไม่เคยฝันเรื่องพระ เรื่อง วัด แต่มาวันนี้กลับมีความรู้สึกเข้าไปฝัน อย่างนี้ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองกำลังป่วยอยู่นะ มาเดินเล่นอยู่ทีวัดไหนกันนี่ กลับบ้านเหอะ แต่ใจคิดอย่างนั้น ขากลับเดินเข้าไปกราบพระที่เป็นประธาน


ไม่มีคำพูดใด มีแต่การจดจ้องมองพระรูปนั้น
ไม่มีการเอ่ยคำใด ทั้งที่ใจต้องการเอ่ยคำถามที่มากมาย
ใจมันสุข

ขณะนั้นก็มีเสียงดังก้อง ข้างหูกังวาน อาตมาก็หันมองไปทั่วแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีพระูรูปไหนที่พูด

ภาวนา พุทโธ ไว้ในขณะทีป่วยอยู่นะ เดี๋ยวก็หาย

ครับ เป็นเสียงที่ไม่รู้ว่ากล่าวออกไปจริง ๆ หรือป่าว

จากนั้นมาก็ อาตมา ก็มาลืมตามองเห็นเพดานห้องตัวเอง และความร้อนในตัวก็พุ่งขึ้น
การเจ็บป่วย นี้ช่างทรมานเสียเหลือเกิน ชีิวิต และ กาย นี้ ทำไมมีแต่ทุกข์อย่างนี้นะ

เราจะทำอะไร ดีขยับก็ไม่ได้ น้ำก็หิว ข้าวก็หิว ร่างกายที่นี้ทำไมทุกข์อย่างนี้หนอ

ขณะนั้นเหมือนสติ ได้ยินคำเบา่ ๆ ข้างหูว่า

ภาวนา พุทโธ ไว้ในขณะทีป่วยอยู่นะ เดี๋ยวก็หาย

ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยนอนภาวนา คำว่า พุทโธ ไปยิ่งภาวนา พุืทโธ ก็ขึ้นใจไป ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง กับการภาวนา พุทโธ และตาก็จับจ้องอยู่ นาฬิกา มองเห็นเข็ม วินาทีกระดิกไปเรื่อย ๆ เราก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ก็ภาวนา ต่อไปเรื่อย ๆ

ผ่านไป 8 ชม.

ผ่านไป 10 ชม.

ผ่านไป 16 ชม.

ผ่านไป 24 ชม.

ร่างกายตอนนี้ รู้สึกดีขึ้น ยังแปลกใจ กับการไม่ได้หลับ และยังมองเข็มวินาทีอย่างไม่เบื่อ
( อาจจะเป็นเพราะร่างกายนอนมาถึง 5 วันแล้ว ร่างกายนี้ก็เลยไม่ยอมหลับ

ผ่านไป 30 ชม.

แขนขา เริ่มขยับได้

ผ่านไป 36 ชม.

ตอนนี้เิริ่มพยุง ลุกนั่งได้

แต่การภาวนา พุทโธ ก็ยังไม่หยุด

 

เดี๋ยวผมจะกลับมาเล่าใหม่ นะครับ วันละนิด ๆ ไปเรื่อย ๆ นะครับ

นิรนาม_พุทโธ:
มาต่ออีกนะครับ

จนกระทั่งภายไปร่วม 40 ชม. อาตมา ก็ลุกขึ้นเดินได้

หลังจากที่ลุกเดินได้ ก็พาร่างกายที่แทบไม่มีแรงไปหาน้ำดื่ม ได้น้ำเปล่าที่เหลืออยู่ในห้อง ครึ่งขวดก็ดื่มเข้าด้วยการจิบ ในชีวิตพึ่งรู้จักรสชาด ของน้ำจริง ๆ ก็วันนี้ ช่างมีความรสชาด ที่ดีมาก ๆ ยากที่จะบรรยายให้เข้าใจ นี่แหละที่ว่าคนเราเมื่อกระหายที่สุดของที่สุด น้ำธรรมดา ก็เปี่ยมดัี่งเช่นน้ำ อมฤต

ระหว่างที่กำลังดื่มน้ำ อยู่นั้นก็มารู้สึกแปลกใจ ว่าร่างกายที่กำลังป่วยนี้ รู้สึก สดชื่น มาก ๆ ไม่มีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีแต่ความสดชื่น จริง ๆ ก็เลยนึกอยากอาบน้ำขึ้นมา ก็ยังนึกไปเรื่อย ๆ ว่า ทำไมยังไม่รู้สึกหิว ทั้งที่ไม่ได้ทานอะไรมา ก็จะร่วม 7 วันแล้ว จับท้องดูรู้สึกได้เลยว่าแฟ่บ ไปมาก ๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบ ๆ ตี 5

ก็เลยเดินพาร่างกายออกไปหาซื้อ โจ๊ก กับ ปาท่องโก๋ ทาน ตอนที่ทานรู้สึกถึงรสชาด ของอาหารว่า อร่อย ๆ มาก ๆ ทั้งที่ในชีวิตนี้ไมเคยทาน โจ๊ก กับ ปาท่องโก๋ มาก่อน เคยแต่ใช้ชีวิตแบบเสเพล ตามร้านอาหารกับเพื่อน ๆ พอนั่งนึกถึงเพื่อน ๆ ได้ก็มีคิดต่้อไปว่า เรานอนป่วยที่บ้านร่วม 7 วัน ไม่มีเพื่อนคนไหนมาดูเลย ไม่มีใครถามข่าวคราว ว่าเราเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่บ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก หรือว่าเขามาดูกันตอนที่เราหลับไป ก็เลยเดินไปหาเพื่อนในตอนเช้า พวกเพื่อน ๆ เห็นหน้า ก็ทักทายว่า

เอ้า หายไปไหน หลายวัน ไม่มีกินเหล้าด้วยกันเลย นึกว่ากลับบ้าน
( ลืมบอกไปว่าอาตมาไปทำงานอยู่ที่จังหวัด สุราษ เป็นคน กทม. )

ตอนหลังจึงมาทราบว่า คนใต้ส่วนใหญ่ จะดูแลคนใต้ด้วยกัน แต่ถ้าเป็นคนต่างถิ่น หรือภาคอื่น ๆ นั้นเขาไม่ค่อยดูแล คบกันก็แบบเพื่อนห่าง ๆ

จากวันที่หายป่วย วันนั้นมา ก็เลยกลายเป็นคนชอบฝึกสมาธิ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเรื่องการฝึกสมาธิ

ตอนที่กลับมาฝึกนั้น ก็ยังไม่ได้ไปหา ครูบา อาจารย์รูปไหน ๆ ทั้งนั้น คงนั่งฝึกเอง แต่ผลกการฝึกก็ไม่ก้าวหน้า เหมือนตอนที่ป่วยอยู่ ตอนนั้นนอนดู เข็มนาฬิกา วินาที เลื่อนไปเรื่อย ๆ ได้ถึงเ้กือบ 40 ชม.แต่พอปฎิบัติภาวนาด้วยการนั่งกับนั่งได้เพียง 15 นาที ปวดขา เหน็บชา เริ่มเกิด พยายามที่จะฝึน ๆ ได้เต็มที ก็็ 45 นาที

ทำอย่างไร จิตก็ไม่เป็นสมาธิ

ก็เลยมานึกว่า ถ้าเรานอนฝึก เหมือนตอนที่นอนป่วย แล้วจ้องนาฬิกาไปด้วย แบบตอนนั้น ก็น่าจะทำได้

เลยตัดสินใจ นอน จ้องนาฬิกา ฝึก......



้เอาไว้มาอ่านต่อนะครับ ขออนุญาต ไปทำงานก่อน.....ครับ เดี๋ยวตกงานแย่เลย

 ;)

นิรนาม_พุทโธ:
บทที่ 2 ตอนที่อยากได้ กลับไม่ได้ ตอนที่ไม่อยากได้ กลับได้

พอคิดได้ดังนั้น อาตมาก็เลยกลับมานอน แล้วจ้องนาฬิกา เหมือนเมื่อตอนที่ป่วย

ขณะนั้นก็ตั้งใจที่จะภาวนา พุทโธ ให้ได้เหมือนตอนนั้น แต่ผ่านไปเพียง 30 นาีที เท่านั้นอาการหาว
และฟุ้งซ่าน ก็เริ่มตามมา ในที่สุดก็เคลิ้มหลับ

อาตมาก็ลองผิด ลองถูกอยู่อย่างนี้ ตอนนี้ได้ตลาดหาซื้อ หนังสือ ธรรมวิจารณ์ ซึ่งคนขายบอกว่ามีเรื่อง
เกี่ยวกับกรรมฐาน ในเล่มอาตมาตอนนั้นก็ตั้งใจที่จะเรียนและอ่าน พยายามที่จะนั่งฝึกกรรมฐาน ก็มีการจัดเวลา
ออกมาฝึกกรรมฐาน นั่งกรรมฐานก็นั่งได้สูงสุดก็แค่ 30 นาที เท่านั้นเอง พอเกิน 30 นาทีแล้วก็ฟุ้งซ่านไปหมด

ตอนนั้นกรรมฐาน ที่พยายามฝึกเพิ่มขึ้นก็มี กสิณไฟ กสิณน้ำ อานาปานสติ กายคตาสติ มรณานุสสติ พุทธานุสสติ แต่ทุกครั้งยิ่งฝึก ก็ยิ่งลำบาก นัยว่าเรารู้กรรมฐาน มาก หลายอย่าง พอตอนที่จะฝึก ใจก็สับสน จะฝึกอันนี้ จะฝึกอันนั้น ถึงแม้ตัดใจไป ก็ยังฝึกไม่ได้ ซ้ำร้าย ผ่านทำให้ใจท้อแท้ ว่าทำไมกรรมฐานถึงฝึกอยากเย็น อย่างนี้

ทุกวันอาตมา จะต้องนั่งฝึกกรรมฐานอย่างนั้น วันละ 2 ชม

เช้ามา ตี 5 พยายาม งัวเงียลุกขึ้น ก็แล้ว

ก่อนนอนก็ฝึก

ช่วงนี้ไม่ค่อยสมาคม กับเพื่อน ๆ แล้วใครชวนกินเหล้า ก็ไม่ไป ใครชวนไปเที่ยวก็ไม่เอา
แต่ถึงจะขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถฟันฝ่า ให้ได้ ฌาน ตามที่หวังเลย

จนเวลาผ่านไปประมาณ ร่วม 4 เดือน กับการฝึก การอ่่าน หนังสือธรรมวิจารณ์
ก็ไม่มีผลอะไร คืบหน้าในพระกรรมฐาน เหมือนคืนที่นอนป่วยครั้งแรก

จนกระทั่งวันนั้นเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ จำได้เพราะไปทำบุญตักบาตร มาวันนั้น
หลังจากสวดมนต์เสร็จเวลา ทุ่มกว่า ๆ ก็ได้ตัดสินใจอธิษฐานพูดกับพระพุทธรูป ที่นับถือคือพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ มีใจความพูด ทำนองบ่น ดังนี้

ผมตั้งใจ ฝึกรรมฐานมาเป็นเวลาร่วม จะครึ่งปีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถ ที่จะภาวนาอะไรให้ก้าวหน้าได้
ผมคงไม่มีบุญเสียแล้ว ในชาตินี้ ดังนั้นผมขอปฏิบัติตนเป็นอุบาสก รักษาศีล5 ก็พอ
อย่างน้อยในช่วงนี้ ผมก็มีความสุขอยู่บ้างในการภาวนา เงินก็มีเหลือ ไม่ได้ขาดมือแบบเมื่อก่อน
ผมขอถึง พระพุทธเจ้าเป็นพึ่ง
ผมขอถึง พระธรรมเจ้าเป็นที่พึ่ง
ผมขอถึง พระสงฆ์เจ้าเป็นที่พึ่ง

หากผมมีบุญวาสนา ที่จะภาวนาต่อไปได้ ก็ขอให้ผมได้เห็นหนทางในการภาวนาด้วยเถิด

เสร็จแล้วก็ก้มลงกราบ พระแล้วก็เข้านอน ไม่ได้นั่งกรรมฐานแบบทุกวัน ( เพราะใจมันท้อ คิดว่าทำไม่ได้ )


วันละหน่อยนะครับ จะกลับบ้านแล้วครับ อาศัยเวลาที่ทำงาน ก่อนกลับบ้านได้แค่นี้ครับ

นิรนาม_พุทโธ:
ในขณะที่นอนอยู่ นั้นก็ได้ฝันว่้า ตนเองเดินเข้าไปที่มีพระสงฆ์นั่งอยู่มากมาย เหมือนคราวก่อน

ด้วยใจที่เคารพและศรัทธา ผ่านมาหลายเดือน รู้สึกว่าตนเอง ดีใจ จนน้ำตานองหน้า
แล้วจึงเดินเข้าก้มกราบ พระที่เป็นประธานสงฆ์

ขณะก้มกราบ ก็รู้สึกตัวสั่น ดีใจ น้ำตาก็พากันไหลพรั่งพรูออกมา

คำพูดมากมาย ที่เตรียมไว้เพื่อถาม ตอนนี้ไม่สามารถกล่าววาจาอะไรได้
เพราะมันจุกอยู่ี่ที่คอ

พยายามข่มกลั้นใจ เพื่อที่จะได้ถาม ได้พูด ได้สนทนา
แต่ก็สะกดใจไม่ได้

ในตอนนั้นมีความรูสึกว่า เหมือนฝึกมาไม่ดี เรื่องการระงับอารมณ์
จึงท่องคำว่า พุทโธ ในใจเร็ว ๆ


ดีแล้ว ให้กล่าวคำนั้น ให้ขึ้นใจ
เสียงเย็น ๆ นุ่ม ๆ ได้ดังก้องไปใน สมอง ของอาตมาในตอนนั้น

พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ .......


ในใจตอนนั้นก็ว่า คำว่า พุทโธ ไปอย่างไม่หยุด
สักพักอารมณ์ ของอาตมา ก็สงบลง

พออารมณ์ สงบ ก็ได้ยินเสียง นุ่ม ๆ กล่าวกับอาตมาว่า

ถึงเวลาแล้ว ด้วยคุณธรรม ที่สั่งสม ด้วยการอธิษฐาน ไว้แต่ชาติก่อน ๆ ด้วยการกระทำที่ไปแนวทางแห่งธรรม
เธอเป็นผู้มีศีลที่มีมาแล้วโดยธรรมชาติ มีปัญญาที่มาจากการสั่งสม มีสมาธิ ที่ฝึกไว้ดีแล้วในเมื่อก่อน

เธอฟัง ถึงตรงนี้คงสงสัยเรื่อง ศีลอาตมาสินะ เพราะชีวิตอาตมานั้นไปกับพวกกินเหล้าบ่อย ๆ จะมีศีลได้อย่างไร
การที่อาตมาอยู่ในสังคมเหล่านี้ ก็ต้องมีิมิตร สหาย ประเภทนี้ แต่ทุกครั้งที่ไปด้วยนั้นไม่เคยกินเหล้า แม้แต่ครั้งเดียวเนื่องจากอาตมา ไม่ชอบเื่รื่องการกินเหล้า หรือเรื่องอบายมุข เลย เพื่อนทุกคนก็รู้ดี จึงไม่คะยั้นคะยอใ้ห้กินให้ดืม เคยมีคนลองใจ แม้แต่เรื่องผู้หญิง เองก็ไม่เคยประพฤติผิด จากจารีตและศีล คร่าว ๆ นะเพื่อให้เข้าใจ

บัดนี้ ได้ถึงเวลาที่เรา จะสอน กรรมฐาน ที่สำคัญในการภาวนา

ให้เธอเดินทางไป ที่จังหวัด พิษณุโลก ......( ขอปิดไว้ตามที่หลวงพ่อนิรนามกล่าวไว้)
เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ และเรียน กรรมฐาน ในนั้นจะมีตำราเป็น สมุดข่อย ที่อธิบาย กรรมฐาน ที่เป็นแบบฉบับ
ในการภาวนาของเธอ ให้ตั้งใจฝึกตามพระกรรมฐานนั้น จะทำให้เธอได้ในสิ่งที่เธอปรารถนา

ในระหว่างนั้น อาตมาก็คิดในใจว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่อาตมาปรารถนา อีกแล้วนอกเสียจาก การพ้นจากสังสารวัฏฏ์ นี้ในช่วง 6 เดือนกับการสั่งสมในการภาวนามามีคำตอบอย่างมากมาย

ก็ได้ยินเสียง นุ่ม ๆ พูดต่อไปว่า

นั่นก็คือสิ่งที่เธอ ปรารถนา

และอาตมา ก็ได้ถามต่อไป ว่า

ผมไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ขออยู่ตรงนี้เลยได้ไหมครับ

ก็ได้รับคำตอบว่า เธอต้องทำในสิ่งที่เธอปรารถนาก่อน จึงจะอยู่ได้

เหมือนจะเข้าใจ และ จะไม่เข้าใจ

ก็ได้รับฟังเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย แต่ก็เป็นสาระกับอาตมาเท่านั้น จึงไม่ถ่ายทอดให้ฟังนะ
ขณะนั้นอาตมาก็รู้สึกวูบ ๆ ๆ เหมือนจะเป็นลม

ก็ลืมตาขึ้นมา และนึกถึงเหตุการณ์ในฝัน ในขณะนั้นในท่านอนก็กำหนด ภาวนา พุทโธ ไปเรื่อยๆ
ก็ภาวนาจนขึ้นใจ และรู้สึกว่าจิตผูกอยู่กับพุทโธ เพียงประการเดียวแล้ว จึงสงบพุทโธ ไว้ที่กลางหน้าอก
รู้สึกร่างกาย สบาย ๆ จนกระทั่งเช้า

จึงเตรียมตัวลุกไปทำงาน

ร่างกาย ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย อย่างที่เคยกังวล
ก็แปลกใจอยู่ว่า ตอนที่ตั้งใจ ทำแทบเป็นแทบตายนั้น กลับทำไม่ได้
ตอนที่กลับไม่ตั้งใจเลยนั้นกลับทำได้่

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป