ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยอากทราบตำนาน ธงจรเข้ ที่ใช้ในงานกฐิน  (อ่าน 5383 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

พรทิพย์

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 76
  • มีธรรมนำจิต ชีวิตสุขสบาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คือเห็น เขาทอดกฐิน กันที่วัดแล้ว เวลาเก็บของกัน มีคนแย่งธงจระเข้ กัน เพราะเหตุไร

แล้วทำไม ธงจรเข้ จึงเกี่ยวข้องกับงานทอดกฐิน ด้วยคะ

 :c017:
บันทึกการเข้า

ปักษาวายุ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยอากทราบตำนาน ธงจรเข้ ที่ใช้ในงานกฐิน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 28, 2010, 03:54:15 am »
0
วงนี้เป๋นฤดูการทอดกฐิน หลาย ๆ วัดเราจะเห็น ธงจรเข้ กับธงตะขาบ ปักอยู่หลาย ๆ คนคงจะใคร่รู้ว่ามันมีความหมายอะหยัง
ผม ได้ไปค้นคว้ามา เรื่องของของกฐินค่อนข้างจะชัดเจน แต่ เรื่องของธงจรเข้ กับธงตะขาบพอมีให้อ่านบ้าง แต่ในความรู้สึกของผมยังมะค่อยชัดเจนสมเหตุสมผลซักเท่าไร ผมเป็นคนมีความรู้น้อย ผิดพลาดอย่างไดก่อขอ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ตักเตือนแนะนำแก้ไขตวยเน่อครับ อู้จ๋าเล่าสู่กันฟังเพื่อประดับสติปัญญา กั๋นน่อครับ เอาเป๋นว่าหันธงจรเข้แขวนที่วัดไหนแสดงว่าวัดนั้นจะมีงานทอดกฐิน เฮาลองมาดูเรื่องของ กฐิน กับ ธงจรเข้กันดูน่อครับ

กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง ก่อคือไม้ที่เราเอาขึงผ้าเวลาจะเย็บ หรือเมื่อก่อนที่แม่ ๆ เฮาเอาขึงเสื้อเพื่อปักชื่อนักเรียนของเฮา

ระยะเวลาการทอดกฐิน กำหนดให้ เริ่มจากวันออกพรรษา จนถึงวันลอยกระทง ก่อคือ ตั้งแต่ แรม1 ค่ำเดือนเกี๋ยง ถึงขึ้น 15 ค่ำเดือนยี่ หรือยี่เป็งบ้านเฮา

วัดที่จะรับกฐินได้ ต้องมีตุ๊เจ้า(พระ)อยู่จำพรรษา 5 รูปขึ้นไป มะนับพระน้อย(เณร)นะครับ

วัดหนึ่งรับกฐินได้แค่ 1 ครั้ง ต่อปีครับ

ประเภทของกฐิน

1.จุล กฐินหรือกฐินแล่น คือการทำผ้าจีวรเพื่อใช้ทอดกฐินให้เสร็จภายในวันเดียว ตั้งแต่การ ปั่นด้าย ทอ ย้อมสี ตัดเย็บเป็นจีวร ซึ่งต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก ใช้ความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เดี๋ยวนี้หาดูยาก ถ้าอยากเห็นลองไปดูแถววัดป่าเป้า น่าจะมีนะครับเพราะทุกปีมี แต่ผมมะรู้ว่าปีนี้มีวันไหนนะครับ

2.มหากฐิน ก่อคือกฐินที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป เฉพาะ กล่าวคือ ท่านผู้ใดมีศรัทธาจะทอดกฐิน ณ วัดใด ก็ให้ทำใบปวารณาจองกฐินติดใบบอกไว้ ณ เขตวัดนั้นๆ เมื่อถึงเวลากำหนด ก่อนำผ้ากฐิน พร้อมทั้งบริวารกฐินอื่น ๆ ตามแต่เจ้าของกฐินจะจัดหา เช่น มีด ขอบก(จอบ)เสียม ยารักษาโรค เป็นต้น

บางตำราท่านจะแบ่งกฐินออกเป็นแยกย่อยอีกเช่น

-กฐิน สามัคคี ลักษณะเหมือนมหากฐิน แต่จะมีหลายๆคนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ บางทีก่อจัดหาเงินเพื่อสบทบในการ ก่อสร้างวิหาร เจดีย์ ต่าง ๆ ภายในวัดด้วย
-กฐิน ตกค้าง หรือกฐินโจร ซึ่งมักจะเป็นการทอดกฐินในวันสุดท้าย โดยอาจจะมีคนไปหาว่าวัดไหนยังไม่ได้กฐินก่อจะเข้าไปทอดกฐินแบบจู่โจม โดยทางวัดไม่รู้หรือเตรียมการล่วงหน้า เหมือนโจรบุกอย่างไดอย่างอั้น

ประวัติธงจรเข้

อัน นี้ขอออกตั๋วก่อนนะครับว่าผมหาข้อมูลมาได้นิดเดียว อีกอย่างในความคิดของผมมันบยังมะค่อยชัดเจนซักเท่าไร ท่านไดมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ขอรบกวนมาโพสต่อน่อยเน่อครับ
ธงจรเข้มีตำนานเล่ามาดังนี้ครับ

   1. ใน โบราณสมัย การจะเดินทางต้องอาศัยดาวช่วยประกอบเหมือน เช่น การยกทัพเคลื่อนขบวนในตอนจวนจะสว่าง จะต้องอาศัยดาวจระเข้นี้ เพราะดาวจระเข้นี้ขึ้นในจวนจะสว่าง การทอดกฐิน มีภาระมาก บางทีต้องไปทอด ณ วัดซึ่งอยู่ไกลบ้าน ฉะนั้น การดูเวลาจึงต้องอาศัยดาว พอดาวจระเข้ขี้น ก็เคลี่อนองค์กฐินไปสว่างเอาที่วัดพอดี และต่อมาก็คงมีผู้คิดทำธงในงานกฐิน ในชั้นต้น ก็คงทำธงทิวประดับประดาให้สวยงามทั้งที่องค์กฐิน ทั้งที่บริเวณวัดและภายหลัย คงหวั่นจะให้เป็นเครื่องหมายเนื่องด้วยการกฐิน ดังนั้น จึงคิดทำธงรูปจระเข้ เสมือนประกาศให้รู้ว่าทอดกฐินแล้ว
   2. อีก มติหนึ่งเล่าเป็นนิทานโบราณว่า ในการแห่กฐินในทางเรือของอุบาสกผู้หนึ่ง มีจระเข้ตัวหนึ่งอยากได้บุญจึงอุตส่าห์ว่ายตามเรือไปด้วย แต่ยังไม่ทันถึงวัดก็หมดกำลังว่ายตามต่อไปอีกไม่ไหว จึงร้องบอกอุบาสกว่า เหนื่อยนักแล้ว ไม่สามารถจะว่ายตามไปร่วมกองการกุศล วานท่านเมตตาช่วยเขียนรูปข้าพเจ้า เพื่อเป็นสักขีพยานว่าได้ไปร่วมการกุศลด้วยเถิด อุบาสกผู้นั้นจึงได้เขียนรูปจระเข้ยกเป็นธงขึ้นในวัดเป็นปฐม และสืบเนื่องมาจนบัดนี้

สรุปลักษณะกฐินไว้ให้เข้าใจ๋ง่าย ๆ ดังนี้ครับ

1.ให้ทอดกฐินได้หลังจากออกพรรษาจนถึงยี่เป็งเท่านั้น

2.วัดที่จะรับกฐินต้องมีตุ๊เจ้าจำพรรษาอยู่ 5 รูปขึ้นไป

3.รับได้วัดละ 1 กฐิน ต่อ1ปี

4.กฐินแปลว่า ไม้สะดึง ไม้ที่เอาไว้ขึงเย็บผ้า

ถ้า ลูกหลานเฮาถามถ้าจะตอบง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ ผมว่าบอกอย่างอี้ก่อดีหนาครับ จำง่ายเข้าใจ๋ง่ายมะน่าเบื่อ ส่วนเขาจะไปต่อยอดรายละเอียกอื่น ๆ อีกเป็นสิ่งที่ดี ที่เขาควรไปขวนขวายหาความรู้ต่อไป ต๋อนนี้ผมก่อศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ เตรียมเอาไว้ตอบคำถามลูกสาวผมเหมือนกั๋น ต๋อนนี้ลูกสาวยัง 9 เดือนอยู่ครับ
บันทึกการเข้า