ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตร.-ทหาร บุกยึดบ้าน ปธ.ชุมชนวัดกัลยาณมิตรฯ-ชาวบ้านน้อมรับคำสั่งศาล  (อ่าน 1408 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ตร.-ทหาร บุกยึดบ้าน ปธ.ชุมชนวัดกัลยาณมิตรฯ-ชาวบ้านน้อมรับคำสั่งศาล

กรมบังคับคดีนำกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร บุกยึดร้าน“ขนมจีบเฮียเส็ก ของดีของอร่อยวัดกัลยาณ์”ของประธานชุมชนฯ คนปัจจุบัน หลังมีปัญหาฟ้องร้องเรื้อรังมายาวนาน ขณะชาวบ้านน้อมรับคำสั่ง โอดหากถึงคิว เตรียมตั้งเต็นท์นอนหน้าวัด...

 วันที่ 9 ก.ย.58 ที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บุปผาราม พ.ต.ท.มาโนช ศิริโภคกุล รอง ผกก.ป.สน.บุปผาราม พ.ต.ท.ดร.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส.สน.บุปผาราม พร้อมด้วย นายขรรค์ชัย โตการณ์ เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าทำการขับไล่ผู้อยู่อาศัยและครอบครองทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 294 ชุมชนวัดกัลยาณ์ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ภายมนบริเวณวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หลังมีเรื่องฟ้องร้องระหว่างวัดและชาวบ้านในชุมชนกันมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน โดยเจ้าหน้าที่บังคับคดี จำนวน 3 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุปผาราม สนธิกำลัง ทหาร สังกัด พล.ร.9 จำนวน 50 นาย เข้าทำการปิดล้อม


ตร.-ทหารเข้ายึดร้าน“ขนมจีบเฮียเส็ก ชุมชนวัดกัลยาณ์ หลังมีปัญหาฟ้องร้องเรื้อรังมายาวนาน

โดยบ้านหลังดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้สูง 2 ชั้น ของนายชัยสิทธิ์ กิตติวัฒนธรรม อายุ 59 ปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานชุมชนวัดกัลยาณ์คนปัจจุบัน และเปิดกิจการขายขนมจีบ ชื่อ “ขนมจีบเฮียเส็ก ของดีของอร่อยวัดกัลยาณ์” แต่ในวันนี้ไม่พบว่า มีผู้ใดอาศัยอยู่ในบ้านพักและกิจการร้านขนมจีบก็ไม่ได้เปิดให้บริการแต่อย่างใด อีกทั้งประตูเหล็กบานพับถูกคล้องด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ ถึง 2 ชั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจประกาศชื่อเจ้าของบ้านและถามหาตัวผู้อาศัยว่า มีผู้ใดจะแสดงตัวหรือไม่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านรอบข้างประมาณ 40 คน มารุมด่าทอเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องภายในวัด

จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็ไม่มีผู้ใดแสดงตัวว่า เป็นเจ้าของบ้านหรือผู้พักอาศัยภายในบ้าน จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้กระชับวงล้อม กันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณหน้าบ้าน เป็นรัศมีประมาณ 10 เมตร แล้วสั่งการให้คนงานใช้คีมขนาดใหญ่ตัดแม่กุญแจทั้ง 2 ชั้น ก่อนเปิดประตูเข้าไปสำรวจหาบุคคลและทรัพย์สินภายในบ้าน ปรากฏว่า ไม่มีผู้พักอาศัย พบเพียงแต่ข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้สำหรับประกอบอาชีพ อาทิ ถังแก๊ส ตู้แช่ของสด แผงไข่ ลังถึงนึ่งขนมจีบ ซุ้มตั้งร้าน จึงทำบันทึกตรวจยึดเอาไว้ เพื่อรอเจ้าของบ้านนำเอกสารไปรับกลับจากกรมบังคับคดี


จนท.นำคีมมาตัดประตูเหล็กเข้าไปยึดร้าน“ขนมจีบเฮียเส็ก"ของดีของอร่อยวัดกัลยาณ์

พ.ต.ท.ดร.ปราโมทย์ เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่บังคับคดีร้องขอให้ตำรวจและทหารเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งของศาล เบื้องต้นได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเครื่องกระจายเสียงเพื่อหาตัวเจ้าของ บ้านและผู้อยู่อาศัย อีกทั้งบอกกล่าวกันแล้วว่า หากมีผู้ใดสงสัย ข้องใจ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ ให้เดินทางมาพบเพื่อสอบถาม แจ้งความ กับพนักงานสอบสวน ได้ในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีผู้ใดมาคัดค้านจึงดำเนินการไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เดินทางมาเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ทั้ง 2 ฝ่าย ในกรณีที่มีการปลุกปั่น ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น โชคดีที่มีแค่การตะโกนด่าทอ แต่ไม่มีการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด

ด้าน นางอุมาพร วงศ์วิภานนท์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านในชุมชนวัดกัลยาณ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนตั้งรกรากอยู่ที่นี่มา ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เช่าที่อยู่โดยจ่ายเงินให้สำนักงานพระพุทธศาสนา ปีละไม่เกิน 1,000 บาท กระทั่ง พ.ศ.2546 ก็มีเรื่องเดือดร้อนวุ่นวายเกิดขึ้นในชุมชน วัด และชาวบ้าน อยู่ร่วมกันอย่างไม่สงบสุข มีคดีความฟ้องร้อง มีการทุบทำลายวัตถุโบราณ กระทั่งมีการขับไล่ชาวบ้านที่อยู่ร่วมกันมานานหลายสิบปี ทั้งนี้ ตนยืนยันถ้าถูกไล่ก็ต้องไปตามคำสั่งศาล ยอมรับสภาพฐานะความจน ถ้าหากรวยคงไม่มาเช่าที่วัดอยู่ หากถึงคิวบ้านตนถูกขับไล่จะพาญาติพี่น้องไปตั้งเต๊นท์พักผ่อนหลับนอน ที่หน้า คณะ 1 วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร


ตร.และทหารเข้ามาดูแลชาวชุมชน และบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม ไม่มีเหตุรุนแรง มีเพียงเสียงด่าทอจากชาวบ้าน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการตรวจยึดทรัพย์สินไปเก็บรักษาภายในบ้านของ นายชัยสิทธิ์ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า จะนำทรัพย์สินทั้งหมดไปเก็บรักษาเป็นอย่างดี เพื่อรอเจ้าของบ้านมาแสดงตัวรับกลับคืนไป อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สื่อข่าว ก็ยังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายในบริเวณวัด อย่างไม่ลดละ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่คนงานใช้ผ้าปิดจมูก ผ้าคลุมหน้า และถือค้อนปอนด์ครบมือ จำนวนประมาณ 20 คน รอรับคำสั่งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากมีการทุบทำลายข้าวของ ก็อาจมีการกระทบกระทั่งกับ ชาวบ้านในชุมชนวัดกัลยาณ์ อีกก็เป็นได้.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/524110
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ไล่รื้อชุมชนวัดกัลยาณ์ เชือดบ้านประธานก่อน
หลังเป็นตั้งตัวตีโวยวายทุบโบราณสถาน ชาวบ้านโวยรู้สึกไม่ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 ที่ชุมชนวัดกัลยาณมิตร เขตธนบุรี กทม. เจ้าหน้าที่ได้เริ่มทำการไล่รื้อบ้านของนายชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานชุมชนกัลยาณมิตร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารราว 30 คน รวมถึงชายฉกรรจ์อีกจำนวนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มลูกศิษย์เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหารเฝ้ารอบบริเวณบ้านที่ถูกไล่รื้อ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการทุบบางส่วนของบ้าน และยึดสิ่งของภายในบ้านจำนวนหนึ่ง ไม่พบนายชัยสิทธิ์ภายในบ้าน

ขณะที่บรรยากาศภายในชุมชม พบว่ามีชาวบ้านต่างแสดงความกังวลต่อการไล่รื้อ และวิพากษ์วิจารณ์เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ที่สำคัญคือไม่มีการให้ข้อมูลที่แน่ชัดจากเจ้าหน้าที่ เมื่อสอบถามไปทางโทรศัพท์ นายชัยสิทธิ์กล่าวว่าตนเองเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงต้องรีบออกจากพื้นที่ มี 54 ครัวเรือน จาก 200 กว่าครัวเรือนที่จะถูกไล่รื้อ

“ชุมชนที่นี่อยู่กันมานาน ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสทั้ง 9 รูปและชาวบ้านต่างอยู่กันด้วยดีเสมอมา มีเพียงเจ้าอาวาสปัจจุบันเท่านั้นที่เริ่มมีปัญหากับชาวบ้านตั้งแต่มีการทุบทำลายโบราณสถานเพราะชาวบ้านทนไม่ได้และร้องเรียนไปยังกรมศิลปากร จนเดี๋ยวนี้เกิดการฟ้องร้องกันอยู่ในศาล” นายชัยสิทธิ กล่าว





ทั้งนี้นายชัยสิทธิ์ถือว่าเป็นแกนนำชาวบ้านคนสำคัญในการร้องเรียนกรณีที่เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรทุบทำลายโบราณสถานและโบราณวัตถุกว่า 20 รายการ และได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2546

นายนพเก้า ศรีตะสุทธิพันธุ์ ชาวบ้านในชุมชนเล่าว่าไม่มีการประกาศคนแจ้งมาว่าจะมีการมาไล่รื้อวันนี้ แต่รู้ข้อมูลจากการบอกเล่าต่อๆ มา เมื่อชาวบ้านได้เห็นการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่วันนี้ ยิ่งทำให้เกิดความกลัว และรู้สึกไม่ปลอดภัย ที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาสไม่เคยลงมาพูดคุยกับชาวบ้าน แต่กลับมีการทำลายโบราณสถานหลายจุดในบริเวณ รวมทั้งมีการอ้างว่าจะไล่รื้อที่ชาวบ้านเพื่อเอาไปทำอุทยานประวัติศาสตร์ โดยที่ไม่มีการชี้แจงว่าจะทำอย่างไร

“ชุมชนที่นี่มีอายุเป็นร้อยปี นี่คือประวัติศาสตร์ ไม่เข้าใจว่าจะทุบมันเพื่อทำประวัติศาสตร์ได้อย่างไร” นายนพเก้า กล่าว


 :96: :96: :96: :96: :96:

นายเฉลิมศักดิ์ จุลสุวรรณ ชาวบ้านในชุมชนกัลยาณมิตรเล่าว่า แต่ก่อนตนและชาวบ้านหลายคนเป็นเด็กวัด กินข้าวจากบาตรพระ เวลาหิวก็เข้ากุฏิพระไปกินข้าว เด็กๆจะเล่นรอบๆอาคารเก่า พอเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มีการทำลายโบราณสถานและอาคารเก่าหลายส่วน รวมทั้งตัดต้นก้ามปูอายุกว่าร้อยปีมาทำลานจอดรถ

“ยายของผมเป็นคนช่วยสร้างศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นที่ทำกิจกรรมของชาวบ้าน เป็นที่พบปะ พอเจ้าอาวาสมา ท่านก็สั่งปิดศาลาการเปรียญ ประเพณีที่ชาวบ้านทำร่วมกับวัดก็ค่อยๆหายไปจนไม่เหลือ” นายเฉลิมศักดิ์กล่าว


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามกลับไปทางวัด ได้คำตอบว่าการไล่รื้อวันนี้ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกรมบังคับคดีได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแพ่งธนบุรี ซึ่งตัดสินให้ทางวัดชนะคดีในชั้นศาลฎีกาเมื่อปลายปีที่แล้ว ทางวัดกล่าวหาว่าบ้านของชาวบ้านบดบังทัศนียภาพของวัด การไล่รื้อนั้นเพียงเพื่อทำให้ทัศนียภาพดีขึ้น ไม่ได้มีแผนจะสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่

ทั้งนี้กรณีข้อพิพาทระหว่างวัดและชุมชนเริ่มขึ้นเมื่อปี 2546 หลังจากที่เจ้าอาวาสคนปัจจุบันเข้ารับตำแหน่ง และได้ยกเลิกสัญญาณเช่าที่ดินของชาวบ้านในปี 2549 พร้อมเสนอค่าชดเชยให้ชาวบ้าน 3,000 บาทต่อหลัง ชาวบ้านจึงไม่ยอมย้ายออกจนนำมาสู่การฟ้องคดีในศาล


ขอบคุณภาพข่าวจาก http://transbordernews.in.th/home/?p=9781 .
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ตา ต่อ ตา ฟัน ต่อ ฟัน
  ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากปัญหา สั่งสมมานาน

  คนที่เช่าที่ดินวัด ล้วนแล้วจะต้อง ระวัง เพราะวันดี คืนดี เจ้าอาวาสใหม่ มา นโยบายใหม่ ก็มา การรื้อถอนบ้านเรือน ก็จะเกิดขึ้นทันที คุณเห็นว่า เช่าพื้นที่วัด ราคา 600 บาท ต่อปี แล้วสร้างที่อยู่อาศัย ชั่วคราว จนกระทั่งหลายปีเข้าก็กลายเป็น ประจำ มีลูก มีหลาน ผูกพัน ก็ขยับขยาย พื้นที่ขึ้นมา ราคาค่าเช่าสัญญา 60 ปีก็เท่าเดิม นั่นแหละ คือ ตัวการที่คุณประมาทกัน

   เราพบบ้านที่สร้างแบบนี้ อาศัยอยู่แบบนี้ เยอะมาก ทั้งในกรุง และ นอกกรุง โดยเฉพาะเขตโบราณสถาน นั้นมักมีผู้ไปจับจอง และ ก็แอบไปออกโฉนดทับซ้อน ขายกันก็มี

    ระวัง ไว้ ก็ดี ย้ายออกซะ วันนี้ ดีกว่า จมปรัก อยู่....

    ส่วนทางวัด ที่คิด หรือ ไม่ดี ไม่ว่า จะเป็นพระ หรือ กรรมการ หรือ ใครก็ตาม สักวันกรรม ก็จะตามทัน

    :49:
บันทึกการเข้า