ขอบคุณภาพจาก : pinterest
ยอดของความรัก
ปัญหา : (เทวดากล่าวเป็นเชิงแสดงทรรศนะของตน) ความรักเสมอด้วยความรักบุตรไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยโคไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยดวงอาทิตย์ย่อมไม่มี สระทั้งหลายมีทะเลเป็นยอด.?
พุทธดำรัสตอบ : นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ นตฺถิ ธญฺญสมํ ธนํ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา วุฏฺฐิ เว ปรมา สรา. - “ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม”นันถิปุตตสมสูตร ส.สํ. (๒๘-๒๙) ,ตบ. ๑๕ : ๙ ตท. ๑๕ : ๙ ,ตอ. K.S. I : ๑๐
ขอบคุณ :
http://www.84000.org/true/094.html
ความรักทำให้คนตาบอด
ปัญหา : มีคำพังเพยกล่าวไว้ว่า คามรักทำให้คนตาบอด ดังนี้ทางพระพุทธศาสนายอมรับคำกล่าวนี้ว่า เป็นความจริงหรือไม่เพียงใด.?
พุทธดำรัสตอบ : “.....บุคคลผู้กำหนัด อันความกำหนัดครอบงำรึงรัดจิตใจไว้ ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน ตามความเป็นจริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น ตามความเป็นจริงย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น ทั้ง ๒ ฝ่ายตามความเป็นจริง.... ความกำหนัดแล ทำให้เป็นคนมืด ทำให้เป็นคนไร้จักษุ ทำให้ไม่รู้อะไร ทำให้ปัญญาดับ เป็นไปในฝ่ายความคับแค้นไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน.....ฯ”ฉันนสูตร ติ. อํ. (๕๑๑) ,ตบ. ๒๐ : ๒๗๗-๒๗๘ ตท. ๒๐ : ๒๔๓-๒๔๔ , ตอ. G.S. I : ๑๙๖
ขอบคุณ :
http://www.84000.org/true/178.html
รักตนให้ถูกทาง
ปัญหา : คนทุกคนย่อมรักตนยิ่งกว่าคนอื่นสิ่งอื่น แต่ส่วนมากรักตนแล้วไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อตนอย่างไร พระผู้มีพระภาคทรงแนะวิธีปฏิบัติอย่างไรในเรื่องนี้.?
พุทธดำรัสตอบ : “.....ถูกแล้วๆ มหาบพิตร เพราะว่าชนบางพวกย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนเหล่านั้นไม่ชื่อว่ารักตน ถึงแม้พวกเขาจะกล่าวอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายมีความรักตน ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็ชื่อว่าไม่มีความรักตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร ก็เพราะเหตุว่า ชนผู้ไม่รักใคร่กันย่อมทำความเสียหายให้แก่ผู้ไม่รักใคร่กันได้โดยประการใด พวกเขาเหล่านั้นย่อมทำความเสียหายแก่ตนด้วยตนเองได้โดยประการนั้น พวกเขาเหล่านั้นจึงชื่อว่าไม่รักตน
“ส่วนว่าชนบางพวกย่อมประพฤติสุจริต ด้วยกาย วาจา ใจ พวกเหล่านั้นชื่อว่ารักตน ถึงแม้พวกเขาจะกล่าวอย่างนี้วา เราไม่รักตน ถึงเช่นนั้นพวกเหล่านั้นก็ชื่อว่ารักตน ข้อนั้นเป็นเหตุอะไร ก็เพราะเหตุว่าชนผู้ที่รักใคร่กันย่อมทำความดีความเจริญให้แก่ชนผู้ที่รักใคร่กันได้โดยประการใด พวกเหล่านั้นย่อมทำความดีความเจริญแก่ตนด้วยตนเองได้โดยประการนั้น ฉะนั้นพวกเหล่านั้นจึงชื่อว่ารักตน”ปิยสูตรที่ ๔ ส. สํ. (๓๓๕) , ตบ. ๑๕ : ๑๐๓-๑๐๔ ตท. ๑๕ : ๑๐๒ , ตอ. K.S. I : ๙๘
ขอบคุณ :
https://84000.org/true/109.html