ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จิตใจต้องไม่ว่างพบ'ทุกข์' ปล่อยให้รอไม่ไหวทิ้งเราไป  (อ่าน 829 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28510
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



จิตใจต้องไม่ว่างพบ'ทุกข์' ปล่อยให้รอไม่ไหวทิ้งเราไป

สัปดาห์นี้มีวิธีทำให้ชีวิตสุขสนุกสนานอยู่เสมอ จน“ความเศร้า”ที่มาหา รอไม่ไหวและทิ้งเราไปเอง ทำอย่างไรต้องไปอ่านกัน!!

คนเราไม่ได้เป็น “ทุกข์” เพราะมีปัญหาหรือสถานการณ์ที่ยากลำบาก...เพราะแท้จริงแล้ว แม้จะไม่มีความทุกข์ร้อนใดๆ เลย แต่หาก “จิตใจจมอยู่ในความทุกข์” ชีวิตของคุณก็จะไม่มีความสุขไปโดยปริยาย ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หากจิตใจจมอยู่กับความสุข คุณก็จะมีความสุข สิ่งที่สามารถอัศจรรย์ได้ขนาดนี้คือ “จิตใจ” ของคนเราครับ

@@@@@@

“จิตใจมนุษย์” เป็นเหมือนกับตู้เย็นที่เราแช่สิ่งของต่างๆ มากมาย ภายในนั้นอาจมีอาหาร มีผลไม้ ไอศครีม ผักต่างๆ เมื่อเราเอาไอศกรีมออกมาทานจากตู้เย็น ไอศครีมมันทั้งหวานและนุ่มนวล แต่ถ้าคุณเอากระเทียมหรือพริกออกมาจากตู้เย็นตู้เดียวกัน ก็จะพบกับรสขมและเผ็ด เหมือนกับชีวิตของคนเรา ทุกคุณล้วนสามารถมองเห็นความมืดมิด ความเจ็บปวดและปัญหาได้ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกันคุณก็สามารถเลือกมองเห็นในสิ่งที่ดี สิ่งสวยงามและสิ่งที่ให้ความสุขได้ด้วย

อาจารย์อ๊อก ซู พาร์ค ผู้เชี่ยวชาญหลักสูตรการพัฒนาจิตใจและรอบรู้เรื่อง “โลกของจิตใจ” เป็นอย่างดี ท่านเป็นอาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำ และเป็นผู้ที่ผมเคารพรักมาก “อาจารย์พาร์ค” สนิทสนมกับอดีตกงสุลท่านหนึ่งที่เคยทำงานให้กับกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ ท่านกงสุลได้เล่าเรื่องราวทุกข์ใจของท่านให้กับอาจารย์ฟังว่า...

@@@@@@

ตนเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่อาศัยอยู่กับลูกสาวเพียงคนเดียว ท่านหย่าขาดกับภรรยาเมื่อครั้งลูกสาวอายุได้ 10 ขวบ เด็กสาวยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่าพ่อกับแม่แยกทางกันแล้ว เธอได้แต่เฝ้ารอวันที่แม่จะกลับมาหา ยิ่งวันเวลาที่รอคอยการกลับมาของแม่ผ่านไปมากเท่าใด ลูกสาวคนนี้เริ่มเป็นเด็กเก็บตัว ร้องไห้อยู่ในห้องนอนนานขึ้นเท่านั้น รอยยิ้มของเธอเริ่มเลือนหายไป เงาของความเศร้าหมองยิ่งปรากฎชัดบนใบหน้าของเธอมากขึ้น

จนเมื่ออายุได้ 18 ปี เธอพยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง เพราะคิดว่าความตายจะช่วยให้หลุดพ้นจากความอ้างว้างโดดเดี่ยวได้ แต่โชคดีที่ทุกครั้งคุณพ่อของเธอจะพบและช่วยชีวิตเธอไว้เสมอ ช่วงวัยของเด็กสาวคนนี้ จริงๆ เธอควรจะสดใส ร่าเริง ได้หัวเราะ ได้พูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ แต่เธอกลับทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เพราะจิตใจของเธอกอดความทุกข์ที่คุณแม่ทอดทิ้งเธอไปไว้แน่น ทำให้ความโศกเศร้าไม่เคยละทิ้งเธอไปเลย

ถ้าหากเรามองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วย “จิตใจที่มีความสุข” และรู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่างๆ อาทิ ความจริงที่ว่าเรายังมีชีวิตอยู่ สามารถลุกขึ้นและเดินไปไหนมาไหนได้ มีคนรอบข้างให้พบปะพูดคุย เพียงเท่านี้เงื่อนไขที่คุณจะมีความสุขจะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติแล้ว แต่บางครั้งในเส้นทางชีวิตก็มีปัญหายากลำบากถาโถมเข้ามา ความคิดไม่ดีเกิดขึ้นในจิตใจของเรา ความคิดเหล่านี้จะสร้างความทุกข์เข้ามาครอบครองและลากจิตใจของเราไปสู่ความสิ้นหวังและความเศร้าโศก



แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจ คือ “คนไม่สามารถยอมรับจิตใจมีความสุขและความทุกข์ได้ในเวลาเดียวกัน” เมื่อมองเห็นความสุข ก็จะมองไม่เห็นความทุกข์ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีความทุกข์หรือความเจ็บปวด ความทุกข์ก็ยังคงมีอยู่ แต่ขณะที่เรามีสุข ความทุกข์มันจะเลือนรางไปเท่านั้นเอง นี่เป็นสิ่งที่คนที่มีความสุขและมีความขอบคุณอยู่ในใจจะรู้สึกกัน พวกเขาจะไม่จมอยู่กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อมองเห็นความยากลำบากและความทุกข์ทรมาน ไม่ใช่เพราะไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต แต่แค่เรามองไม่เห็นของดีที่มีอยู่ต่างหาก

เมื่อลูกสาวท่านกงสุลพูดคุยกับ “อาจารย์พาร์ค” และได้เรียนรู้เงื่อนไขที่จะทำให้เธอมีความสุขจากจิตใจนี้ เธอได้รู้ว่า เมื่อก่อนเธอเป็นทุกข์เพราะเลือกหยิบของออกจากตู้เย็นไม่เป็น แต่ผ่านการพูดคุยเรื่อง “โลกของจิตใจ” กับ “อาจารย์พาร์ค”

@@@@@@

อาจารย์ได้จูงนำให้เธอได้รู้สิ่งที่สำคัญว่า แม้ว่าในตู้เย็นจะมีทั้งของขมและเผ็ดอยู่ แต่เธอก็แค่เลือกหยิบของหวานออกมาทานก็พอ สีหน้าลูกสาวของท่านกงสุลก็เริ่มสว่างสดใสขึ้น ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไป และเธอได้ทำตามความฝันของตัวเอง คือการเปิดร้านอาหารฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เธอปรารถนาที่จะทำให้ลูกค้ามีความสุขกับอาหารของเธอด้วย

สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้มีความสุข คือการเลือกที่จะมองสิ่งที่มีความสุขและใช้สิ่งนั้นที่อยู่ในจิตใจของคุณในการดำเนินชีวิต ในจิตใจของเรามีสิ่งที่สนุกสนานและมีความสุขอยู่เสมอครับ นั่นคือเหตุผลว่าถ้าคุณยุ่งมากๆ กับการพูดถึงเรื่องดีๆ และเรื่องที่มีความสุข และรู้สึกขอบคุณทุกช่วงเวลาที่มีกับคนรอบข้าง

แม้ว่า “ความเศร้า” อาจเข้ามาหา แต่คุณก็จะไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะพบกับความทุกข์เศร้า ความเศร้าจะต้องรอไปก่อน ไม่นานหลังจากนั้นความเศร้าจะเหนื่อยกับการรอคอยและทอดทิ้งคุณไป จนคุณไม่รู้เลยว่าเคยมีความเศร้ามารอพบคุณอยู่



คอลัมน์ : มองเปลี่ยนมุม โดย “คิม ฮัก เชิล”
ประธานที่ปรึกษาอาวุโส มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ(ไอวายเอฟ) เกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย
hc.kim@yahoo.com
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/613980
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ