ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮาพบพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ปากแดง 8 องค์  (อ่าน 2322 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ฮือฮาพบพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ปากแดง 8 องค์ พบเป็นพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยาอายุเก่าแก่ราว 400  ปี





วันนี้ 6 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน ที่เดินทางไปกราบไหว้ขอพร จากพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยาอายุเก่าแก่ราว 400  ปี พบพระบริวาร จำวน 8องค์  มีริมฝีปากสีแดง   อยู่ภายในพระอุโบสถหลังเก่า   วัดช้างใหญ่ ม.1  ต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปตรวจสอบพบพระอุโบสถหลังเก่า ปัจจุบันเป็นวิหาร สภาพทรุดโทรม  ปลูกขวางตะวัน   ภายในมีภาพวาดจิตกรรมฝาผนัง   มีพระประธานหลวงพ่อโต เป็นเนื้อปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะชาวมอญสร้างสมัยกรุงศรีอยุธยามีอายุเก่าแก่  400 ปี เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ชาวบ้านนับถือกันมาก บริเวณรอบพระประธาน พบพระพุทธรูปเป็นพระบริวาร  ด้านซ้ายจำนวน 4 องค์ด้านขวาจำนวน 4 องค์รวม  8 องค์ ประดิษฐานอยู่บนแท่นสูงราว 50 ซ.ม.เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อปูนปั้นมีขนาดหน้าตัก  20 นิ้วและ 29 นิ้ว  ลักษณะของพระพุทธรูปบางองค์จะยิ้มเล็กน้อย  บางองค์ยิ้มมาก หรือชาวบ้านเรียกว่ายิ้มแฉ่ง  แต่ทุกองค์ที่ริมฝีปากจะมีสีแดงทั้ง 8 องค์
     
พระสมุห์สมจิตร์  สํวุฑุโฒ  อายุ 53 ปี  เจ้าอาวาส  กล่าวว่า  มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ประมาณ 2 ปี  วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ญาติโยม มาทำบุญปิดทองไหว้พระหลวงพ่อโตเป็นประจำ  มีญาติโยมนำแผ่นทองไปปิดที่ปากพระบริวารทั้ง 8 องค์    จึงมองไม่เห็นสีแดงจนกระทั่ง ใกล้เทศกาลสงกรานต์ พระเณร เข้าไปทำความสะอาดและปัดฝุ่นที่องค์พระบริวาร แผ่นทองหลุดออกจากปาก  จึงพบว่าที่ริมฝีปากมีสีแดง ทั้ง 8 องค์ พอชาวบ้านราบข่าวจึงเดินทางมาไหว้และดูตลอดทั้งวัน
     
เจ้าอาวาส  บอกต่อว่าวัดนี้มีความเกี่ยวข้องกับชาวมอญที่มีความสามารถพิเศษในการเลี้ยง ช้างฝึกถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช้างที่สำคัญคือ เจ้าพระยาไชยยานุภาพระวางสูงสุดที่เจ้าพระยาปราบหงสาวดี เป็นช้างพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเจ้าพระยาปราบไตรจักร เป็นช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ หัวหน้าชาวมอญได้รับแต่งตั้งเป็นจาตุรงค์บาท ควบคุมช้างศึก ต่อมาได้เป็นทหารเอกแม่ทัพหน้าชนะศึกหลายครั้งคือ พระราชมนู ตำแหน่งสูงสุดที่เจ้าพระยาอัครเสนาบดีสมุหพระกลาโหม เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชาวมอญและความสามารถของพระยาช้าง เมื่อร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัดไว้ในพระพุทธศาสนาจึงได้ให้นามว่า วัดช้างใหญ่ ศิลปะพระพุทธรูปของชาวมอญหรือพม่าจะนิยมทาปากสีแดงเป็นเอกลักษณ์ดังนั้นคาด ว่าพระพุทธรูปทั้ง 8 องค์คงทาสีแดงมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งวัดนี้ตามประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าชาวมอญที่อพยพมาเป็นผู้สร้าง ในช่วงที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช   มาแล้วแต่ปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็น
   
นายประเสริฐ มีสมยุทธ์ นายก อบต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ ทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนพระอุโบสถหลังเก่า เป็นโบราณสถานเรื่องพระบริวาร ทั้ง 8 องค์ ริมฝีปากสีแดง ได้ยินเรื่องนี้มาจากคนรุ่นปู่ยาตายายบอกกล่าวกันมาแต่ไม่เคยเห็น ทราบจากชาวบ้านและพระที่เข้าไปทำความสะอาดนับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์โดย เฉพาะองค์หลวงพ่อโต พระประธาน เชื่อว่าริมฝีปากน่าจะมีสีแดงด้วยแต่ยังไม่ได้เช็ดถูคงต้องปล่อยไว้ลักษณะ นี้ ชาวบ้านบางคนพูดว่าพระประธานมีลักษณะใบหน้าใหญ่โต   เหมือนคนกำลังยิ้ม คนที่มากราบไห้ขอพร ส่วนมากจะประสบผลสำเร็จและมักจะนำหัวหมูไข่ต้มมาสักการะเมื่อประสบผลสำเร็จ  ทาง อบต.ได้ผลักดันงบประมาณบางส่วนเข้าไปปรับภูมิทัศน์อยู่ตลอดเวลา ส่งเสริมให้เป็นวัดท่อเที่ยงเชิงพระพุทธศาสนา และในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีพิธีสรงน้ำพระและฟื้นฟูการเล่นสงกรานต์

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=131298
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ