ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธานุภาพและจิตตานุภาพ  (อ่าน 3062 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

จินตนา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
พระพุทธานุภาพและจิตตานุภาพ
« เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 11:06:01 am »
0
พระพุทธานุภาพและจิตตานุภาพ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.lanchangimage.org
พระพุทธคุณ ๙ ประการ

ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจด จากกิเลส ผ่องใส
ทรง มีชัยอยู่เหนือบัลลังก์โพธิญาณทรงสยบมารได้ในที่สุด และตรัสรู้แจ้งธรรมด้วยตนเอง ด้วยความเพียร และจากการสั่งสม บ่มบารมีมาอย่ายิ่งยวด
ทรงบรรลุวิชชาอันลึกซึ้งยิ่ง และทรงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ  อันหาผู้ไดเปรียบเสมอมิได้
พระองค์เสด็จไปดีแล้วไปสู่สันติสุขอันเป็นอมตะนิรันดร์
ทรงเป็นผู้รู้แจ้ง แห่งสรรพสัตว์และสรรพชีวิตทั้งหลาย
ทรงเป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
ทรงเป็นบรมครู เป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
ทรงเป็นพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตลอดเวลา
ทรงเป็นพระผู้มีพระภาค คือเป็นผู้มีความเจริญที่ไม่มีวันเสื่อม
พระองค์ ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้ง เทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัดถึงธรรมอันไม่ตาย ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพ และมนุษย์ ให้รู้ตาม
ทรงแสดงธรรมไพเราะงดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์
อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายนั้น เป็นความดี.

 คุณ ของพระพุทธเจ้าและพระพุทธานุภาพนั้นมีอานุภาพคุ้มโทษคุ้มภัยต่อโลกและชีวิต แห่งสรรพสัตว์ ทุกรูปทุกนาม ผู้เชื่อและยึดมั่นต่อพระองค์อย่างแท้จริง ด้วยปํญญาอันชัดแจ้ง เมื่อนั้นแม้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า พวกเราทั้งหลายจะพ้นภัยพิบัติทั้งมวลและล่วงพ้นมือมารได้ จงกล่าวคำว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ 
เถิด  สาธุ สาธุ สาธุ

      อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชา จารณะ สัมปันโน สุขโต โลกวิทู อนุตตะโร ปุริสธรรมสารถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง  พุทโธ ภควา ติ

    ภาวนา บทนี้ให้ได้วันละ ๑๐๘ จบทุกวัน แล้วท่านจะได้พบกับพลังอำนาจแห่งพระมหาพุทธานุภาพอันวิเศษยิ่ง และอำนาจแห่งจิตตานุภาพของๆท่าน ด้วยจิตของตนเอง

 

พระพุทธคุณพึ่งได้ไหรือไม่ 

 

คำถามคำนี้เป็นคำถามภาษาซื่อๆของคนที่ห่างไกลต่อพระธรรมคำสอน ใน ทางพระพุทธศาสนา แต่ก็นับว่าเป็นคำถามที่มีค่ามาก เพราะมิฉะนั้นคำตอบนี้จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลยถ้าไม่มีผู้ถาม สำหรับผู้ที่ยังต้องพึ่งสิ่งศักดิ์เป็นเครื่องชูกำลังใจ ในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ส่วนมากก็หันไปพึ่งเทพเทวานั่นเอง เพราะเทพยังมีกิเลสอยู่จึงยังมีรักชอบเกลียดชัง เมื่อจัดพลีกรรมบูชาเป็นที่ พอ อก พอ ใจ ก็มั่นใจว่าท่านคงจะต้องบันดาลสิ่งประสงค์ให้สมปรารถนาได้ ก็ไม่ผิดนักสำหรับความเชื่อตรงนั้น แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่าเทวดามีฤทธาใด้ในขอบเขตจำกัด แค่กุศลกรรมที่ตนเคยได้สร้างสมไว้เมื่อก่อนตายจากความเป็นมนุษย์มา สิ่งที่ติดตัวมาคือเรียกว่ากรรมยิทธิ ซึ่ง แปลว่าฤทธิ์อันเกิดจากอำนาจกรรมนั่นเอง ไม่ใช่อิทธิจากอภิญญาจิตที่เกิดจากฌานสมาบัติ อันเป็นผลจากการเจริญสมาธิกรรมฐาน อาจมีคำถามต่ออีกว่า และกรรมยิทธิมันมีฤทธิ์ช่วยคนได้แค่ไหน ก็ต้องตอบว่า ยากจะหยั่งรู้จริงๆเพราะเป็นของรู้เฉพาะตนใครทำใครได้ อาจแค่ช่วยตนเองได้แต่ช่วยคนอื่นไม่ได้ อย่างเช่นไฟใหม้ป่าสัตว์บางชนิดอาจต้องตายโดยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ แต่นกมันกลับรอดตายได้เพราะเหาะได้นั่นเอง การที่นกเหาะได้โดยใครๆเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่เกี่ยวกับฤทธิ์เดชไดๆนี่ แหละ เรียกว่ากรรมยิทธิหรือฤทธิ์ที่เกิดจากอำนาจกรรม ก็คือกรรมที่ทำให้เกิดมาเป็นนกนั่นเอง คงพอเข้าใจบ้างแล้วใช่ไหมครับ

 

เหล่า เทพเทวาทั้งหลายก็เช่นกันย่อมจะมีบุญฤทธิ์ไม่เท่าเทียมกันเพราะกุศลที่สร้าง กันมาไม่เท่าเทียมกันนั่นเอง เท่าที่ได้ศึกษามาก็ไม่เห็นมีตำราเล่มไดกล่าวว่าเทวดามาเนรมิตอะไรๆให้ มนุษย์โดยตรง มีแต่โดยอ้อมเสียทั้งนั้น อย่างเช่นมาเข้าฝัน หรือดลจิตดลใจอย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละ แต่ทุกสิ่งทีกล่าวมาทั้งหมดลองใช้วิจารณาญาณสังเกตให้ดีนะครับ จะไปคตรงกับคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจมีใจเป็นใหญ่มีใจเป็นหัวหน้า เทวดาทั้งหลายพบสันติสุขก็เพราะใจของตน ใจบาปก็ทุกข์ ใจสุขก็เพราะบุญ นี่คือข้อคิดที่ควรค่าแก่การจดจำไว้รำลึกอยู่เสมอ ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง อิทธิฤทธิ์เป็นของมีได้จริงไม่ปฏิเสฐ แต่ต้องปฏิบัติและต้องทำให้มีขึ้นสามารถทำได้ทุกคน และจะบอกเสียก่อนนะครับว่าถ้าความดีไม่ได้สร้างมาอย่างต่อเนื่องอย่าหวังว่า เทวดาจะหลงติดสินบนเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าคิดเช่นนั้นขอบอกว่าคิดผิดถนัด 

   พระ พุทธานุภาพย่อมเป็นที่พึ่งของเวไนยสัตว์ได้แน่ตราบไดที่ศาสนาพุทธยังไม่สิ้น พระพุทธเจ้าคือผู้บำเพ็ญเพียรทางจิตมาถึงจุดสุงสุดแห่งจิต เป็นมหาบุคคลคนเดียวในหนึ่งพุทธันดรไม่มีใครยิ่งกว่า พระพุทธองค์ทรงมีอำนาจจิตสูงสุด เรียกว่าประมาณหรือเทียบกับไครไม่ได้เลย จริงไหมแม้ผงอิฐ หิน มวลไม้ จากวัตถุทางธรรมชาติ ผู้ที่รู้เรื่องจิตนำมันมานั่งเสกเป่า ยังบังเกิดฤทธิ์อำนาจขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ แล้วพระพุทธานุภาพหรือจะมีฤทธิ์ไม่ได้ใครคิดอย่างนั้นนับว่าสมองโจ๊กมาก จริงๆ

   เรื่อง จิตตานุภาพนี้มีตัวอย่างในปัจจุบันที่วงการวิทยาศาสตร์ก็ยังรับรอง ในโลกวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ มนุษย์เราต่างยอมรับโดยทั่วไปว่า วิทยุ โทรทัศน์โทรเลข ดาวเทียมและเรด้าร์เป็นสิ่งที่นำสื่อจากระยะไกลมาสู่เราได้ สามารถเข้าใจติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลกภายในไม่กี่นาที สามารถพูดคุยกันได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันเป็นแสนไมล์ แต่ก็มีบางอย่างลึกลับที่ไม่น่าเป็นไปได้และยังหาคำตอบที่แน่นอนไม่ได้มา ตั้งแต่สมัยแรกเกิดมนุษย์บนพื้นโลกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน สิ่งที่เป็นความลึกลับนั้นก็คือจิตของมนุษย์นี่เอง

   จิต เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มีอิทธิพลต่อมวลมนุษย์ทั้งโลก มันเร็วยิ่งกว่าคลื่นเสียงและคลื่นแสง จิตใจของมนุษย์สามารถถ่ายทอดสื่อกันได้โดยปราศจากการใช้เครื่องมือไดๆทั้ง สิ้น สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดหรือแม้แต่อารมณ์อันซ่อนเร้นภายในห้วงลึกของ จิตใจมนุษย์ที่อยู่ห่างไกลกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี่เอง นักอวกาศชื่อดังของอเมริกาคือ เอ็ดการ์ มิทเชลล์ ได้ทดลองส่งกระแสจิตหรือโทรจิต จากยานอวกาศติดต่อกับ ยูริ เกลเลอร์ นักพลังจิตที่อยู่บนพื้นโลกได้ เรื่องราวของ ยูริ เป็นเรื่องราวที่ลือลั่นพอสมควรถ้าใครสนใจจะติดตามค้นหาก็น่าจะค้นหาได้ไม่ ยากเท่าไร แต่ณที่นี้ผมจะขอยกไว้เพียงเป็นตัวอย่างเท่านั้น

   วิทยา การทางโลกก็คงก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่แปลก ความก้าวหน้าแห่งโลกวิทยาศาสตร์เกิดมาเพื่อยืนยันสัจจะแห่งบรรพบุรุษเท่า นั้นยังไม่พบเลยว่ามีอะไรที่รู้มากไปกว่าพระสัพภัญญูของพระพุทธเจ้า ในขณะที่โลกวิทยาศาสตร์ยังคงค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องจิตต่อไป แต่บทสรุปเรื่องราวแห่งจิตในพระพุทธศาสนาได้แสดงบทสรุปไว้แล้วอย่างจะแจ้ง ชัดเจนชนิดไม่มีขอโต้แย้งไดๆจะมาหักร้างได้ ทุกคนสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอ็งด้วยหลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนาอันเปิดกว้าง ทนทานต่อการพิสูจน์มานับได้ ๒๕๐๐ กว่าปี

   ผม จะขอเสนอบทความเรื่องจิตในพระอภิธรรมไว้ให้ทุกท่านผู้เป็นปัญญาชนม์ใช้เป็น ฆลักในการพิสูจน์ ซึ่งประพันธ์ไว้โดยพระอรหันต์สาวกผู้ได้พิสูจน์และเข้าถึงแล้วอย่างแท้จริง คือ พระอนุรุทธาจารย์ ผู้มีคุณต่อพระพุทธศาสนาและพุทธบริษัทอย่างยิ่งเรียกว่าคุณอันหาที่สุดมิได้ เลยทีเดียว


ขอบคุณที่มา

http://www.sathanimahaprash.com/index.asp?catid=3&contentID=10000004&getarticle=37&title=%BE%C3%D0%BE%D8%B7%B8%D2%B9%D8%C0%D2%BE%E1%C5%D0%A8%D4%B5%B5%D2%B9%D8%C0%D2%BE
บันทึกการเข้า
ซื่อสัตย์ กตัญญู มีคุณธรรม