ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พวก Rootbear และ Spy พวกนี้ ผิดศีล ข้อ 5 หรือไม่คะ  (อ่าน 4961 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

จินตนา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พวก Rootbear และ Spy พวกนี้ ผิดศีล ข้อ 5 หรือไม่คะ

สงสัยคะ เพราะพวกนี้ ดื่มแล้วไม่ได้เมา นะคะแต่ก็มีส่วนผสม ของ แอลกอฮอล บ้างคะ

รวมถึง ทานยาแก้ไอ บางประเภท หรือ พวกเหล้า สะระแหน่ นี่ด้วยนะคะ

เป็นการผิดศีล 5 หรือไม่คะ



 :c017:
บันทึกการเข้า
ซื่อสัตย์ กตัญญู มีคุณธรรม

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: พวก Rootbear และ Spy พวกนี้ ผิดศีล ข้อ 5 หรือไม่คะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2011, 10:23:10 pm »
0

ขอนำข้อความจากหนังสือวิถีชาวพุทธ มาตอบดังนี้ครับ

7.2 องค์แห่งศีล 

   7.2.5 การดื่มน้ำเมา

          องค์แห่งการดื่มน้ำเมา
 
          การดื่มน้ำเมาต้องประกอบด้วยองค์ 4 คือ
 
          1. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเมา
 
          2. มีจิตคิดจะดื่ม
 
          3. พยายามดื่ม
 
          4. น้ำเมานั้นล่วงพ้นลำคอลงไป


          การดื่มน้ำเมา มีโทษมากหรือโทษน้อย ขึ้นอยู่กับ
 
          1. อกุศลจิตหรือกิเลสในการดื่ม
 
          2. ปริมาณที่ดื่ม
 
          3. ผลที่เกิดจากการกระทำผิดพลาด ชั่วร้าย ที่ตามมาจากการดื่มน้ำเมา
 
          - สุรา ได้แก่ น้ำเมาที่ถูกกลั่นให้มีรสชาติเข้มข้น เช่น เหล้าต่างๆ
 
          - เมรัย ได้แก่ น้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น เช่น เหล้าดิบ กระแช่ น้ำตาลเมา ฯลฯ

 

           นอกจากนี้ การงดเว้นจากการเสพสิ่งเสพติดต่างๆ เช่น ฝิ่น กัญชา ยาบ้า เฮโรอีน รวมถึงวัตถุทุก ชนิดที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ก่อให้เกิดความมึนเมา ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนได้ ก็รวมอยู่ในศีลข้อนี้เช่นกัน
 
         จากความรู้ในเรื่อง องค์วินิจฉัยศีล เราจะสามารถตอบข้อสงสัยได้ว่า การกระทำใดเป็นการกระทำที่ผิดศีล ทำให้ศีลขาด ทะลุ ด่าง หรือพร้อย ตัวอย่างเช่น การที่เราไล่ยุง แล้วบังเอิญทำให้ยุงตาย โดยที่เรามิได้มีจิตคิดจะฆ่ายุงเลย อย่างนี้เรียกว่ายังไม่ผิดศีล ศีลยังไม่ขาด เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ครบ องค์ 5 ของการฆ่าสัตว์
 
          อย่างไรก็ตาม การละเมิดศีลในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น ศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่าง หรือศีลพร้อย หากเกิดขึ้นด้วยเจตนาที่จะล่วงละเมิด แม้ว่าบางกรณีศีลจะยังไม่ขาดก็ตาม แต่บาปได้เกิดขึ้นมาในใจ เป็นเหตุให้ใจต้องเศร้าหมอง

และหากละเมิดศีลในกรณีที่เกิดโทษมาก เป็นบาปมาก คุณภาพใจจะยิ่งถูกทำลายให้เศร้าหมองมากยิ่งขึ้น เราจึงควรศึกษาในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้การรักษาศีลของเรา เป็นไปด้วยความรู้ความเข้าใจ อันจะนำมาซึ่งการรักษาใจได้อย่างบริสุทธิ์ สะอาด ไม่เดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง

ที่มา http://main.dou.us/view_content.php?s_id=388



เรื่องพระสาคตะ

          ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจำพรรษาอยู่ ณ กรุงสาวัตถี ครั้นออกพรรษา พระพุทธองค์ได้เสด็จไปสู่เจติยชนบท จนกระทั่งมาถึงบ้านภัททวติกคาม เมื่อคนเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ตลอดจน ชาวนาและคนเดินทางได้แลเห็นพระองค์ ก็พากันกราบทูลว่า


          "ข้าแต่พระองค์ ขอได้โปรดอย่าเสด็จไปสู่ท่าอัมพะเลย เพราะมีพญานาคตนหนึ่งซึ่งมีพิษร้ายแรง อาศัยอยู่ใกล้อาศรมชฎิล หากพระองค์เสด็จไป พญานาคนั้นก็จะทำอันตรายแก่พระองค์

          แต่พระองค์ทรงนิ่งเฉย แม้คนเหล่านั้นจะทูลห้ามถึง 3 ครั้ง พระองค์ก็ทรงนิ่งเฉย เสด็จเข้าไปประทับอยู่ที่ภัททวติกคาม

          คราวนั้น พระสาคตเถรผู้สำเร็จโลกิยฌาน จึงได้ไปยังอาศรมชฎิลที่นาคนั้นอาศัยอยู่ ท่านเข้าไปยังโรงบูชาไฟ แล้วปูหญ้าลงรองนั่งท่าสมาธิคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง

          เมื่อนาคมองเห็นพระสา คตเถระ ก็รู้สึกขุ่นเคืองจึงพ่นพิษเข้าใส่ พระสาคตเถระจึงบันดาลพิษ โต้ตอบกำจัดพิษนาคนั้น นาคจึงพ่นไฟสู้อีก พระสาคตเถระจึงเข้าเตโชสมาบัติบันดาลไฟโต้ตอบ จนนาคนั้น ยอมแพ้ จากนั้นท่านได้สั่งสอนให้นาคตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ แล้วท่านจึงกลับมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ ภัททวติกคาม

          เมื่อพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ประทับอยู่ที่ภัททวติกคามตามสมควรแก่พระประสงค์แล้ว จึงเสด็จกลับสู่เมืองโกสัมพี เมื่อชาวเมืองโกสัมพีมารับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ทราบว่าพระสาคตเถระมี ชัยชนะแก่พญานาค จึงพากันเข้าไปถามพระสาคตเถระว่า

          "สิ่งใดที่เป็นของหายาก เป็นของชอบใจของพระคุณเจ้า พวกเราจะจัดถวาย"

          ครั้งนั้น ยังมีภิกษุผู้มีความริษยาในพระสาคตเถระได้แกล้งตอบไปว่า

          "สุราใสสีแดงเหมือนสีเท้าของนกพิราบ เป็นของหายาก และเป็นของชอบใจของพระคุณเจ้า ท่าน ทั้งหลายจงจัดเตรียมสุรานั้นไว้ถวายจึงจะดี"


          คนเหล่านั้นจึงพากัน กระทำตามคำแนะนำ โดยเวลาที่พระสาคตเถระไปบิณฑบาต ต่างก็ขอให้ ท่านดื่มสุรา พระสาคตเถระได้ดื่มสุราทุกๆ เรือนไป จนในที่สุดก็ล้มลงที่ประตูเมืองด้วยความมึนเมา


          พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จออกจากเมืองพร้อมด้วยภิกษุเป็นจำนวนมาก ได้ทอดพระเนตรเห็น     พระสาคตะล้มกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง จึงตรัสสั่งให้ภิกษุทั้งหลายช่วยกันพยุงพระสาคตเถระไป แล้วจัดให้นอน หันศีรษะมาทางพระองค์ แต่พระสาคตเถระกลับพลิกตัวนอนเอาเท้าทั้งสองมาทางพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          ลำดับนั้น พระพุทธองค์รับสั่งถามภิกษุทั้งหลายว่า

          "ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย สาคตะมีความเคารพ มีความยำเกรงในตถาคตมิใช่หรือ
         
          ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลว่า

          "เป็นดังรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า"

          "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้สาคตะมีความเคารพยำเกรงในตถาคตอยู่หรือ"

          "ไม่มีเลย พระพุทธเจ้าข้า"


          "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาคตะได้ต่อสู้กับนาคภัททวติกคามใช่หรือไม่"

          "ใช่ พระพุทธเจ้าข้า"

          "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้แม้แต่งูน้ำ สาคตะจะสามารถทำการต่อสู้ได้หรือไม่"

          "ไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า"

          "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย น้ำที่ดื่มเข้าไปแล้ว ถึงวิสัญญีภาพนั้นควรดื่มหรือไม่"

          "ไม่ควรดื่ม พระพุทธเจ้าข้า"

          "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของสาคตะไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ไฉนสาคตะจึงดื่มน้ำที่ทำให้ผู้ดื่มมึนเมา การกระทำของสาคตะนั้น มิได้เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง ไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้น ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว"...

          ฤทธิ์ของสุราจึงไม่เพียง แต่ทำให้พระสาคตเถระสิ้นฤทธิ์เท่านั้น แต่ยังทำให้ความประพฤติอันดีงาม ให้กลับเสื่อมทรามสิ้นสง่าราศี จากผู้เป็นที่เคารพศรัทธา กลับกลายเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจเดียดฉันท์ แม้จิตใจที่อาจหาญของท่าน ยังกลับกลายเป็นใจที่เสื่อมสิ้นกำลัง ทั้งที่สภาพใจของท่านแต่เดิมนั้น เป็นใจที่ตั้งมั่น ทนทานต่อการทำลายไม่ว่าจากภัยใดๆ แต่แล้วกลับเปลี่ยนสภาพไปอย่างง่ายดาย ด้วยการดื่มสุรา

          ศีลทั้งสี่ข้อที่ผ่านมา ไม่ว่าจะตั้งใจรักษาสักเพียงใด แต่หากรักษาข้อที่ 5 ไม่ได้ สี่ข้อที่เหลือก็ไม่อาจ รักษาได้เช่นกัน อุปมาเหมือนช้างที่ใช้งวงหาอาหารเลี้ยงชีวิต หากวันใดงวงของมันไม่สามารถทำหน้าที่ได้ หรือขาดออกไปเสีย มันก็ต้องตาย เพราะขาดงวงเอาไว้จับอาหาร ถึงจะมีขาอีกสี่ข้างคอยช่วยพาเดินไป  ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ช้างนั้นย่อมตายไป เพราะเหตุที่ไม่มีงวง ฉันใด คนเราก็เช่นกัน หากขาดศีลข้อที่ 5 ไป อีก 4 ข้อที่เหลือก็ยากจะรักษาไว้ให้ได้ดังเดิม ฉันนั้น


ที่มา http://main.dou.us/view_content.php?s_id=388
ขอขอบคุณภาพจากwww.sahavicha.com/,http://talk.mthai.com/,www.trafficbkk.com/



ขอให้พิจารณาข้อธรรมที่ผมโพสต์ ให้เข้าใจนะครับ ผิดหรือถูก ตัดสินเอาเอง

เมื่อสมัยผมเป็นหนุ่มๆ ผมชอบกิน Wine ,Draught Beer, Root Beer  รวมทั้งสปาย

 เครื่องดื่มพวกนี้ล้วนมี "แอลกอฮอล" ทั้งสิ้น ดื่มมากๆ ก็เมาได้เหมือนกันหมด

 อย่าดื่มเลยครับ เมื่อก่อนผมคิดว่า ดื่มแล้วเท่ห์  ดื่มแล้ว เสียเงิน เสียสุขภาพ เสียเวลา มันเท่ห์ตรงไหน

เพื่อนกินเพื่อนดื่มหาง่ายครับ ไม่จำเป็นก็อย่าไปเกี่ยวข้อง  "Just Say No"

 :welcome: :49: :25: ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2011, 10:27:49 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ