สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: Goodbye ที่ สิงหาคม 07, 2012, 06:19:28 pm



หัวข้อ: รักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่ที่วัดหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: Goodbye ที่ สิงหาคม 07, 2012, 06:19:28 pm
รักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่ที่วัดหรือไม่คะ

พรรษานี้ตั้งใจไว้ว่า จะลองรักษาอุโบสถศีลคะ แต่ติดปัญหาทำงานด้วยจึงอยากเรียนถามผู้รู้ทุกท่านคะว่าจำเป็นต้องไปอยู่วัดหรือไม่คะในการรักษา อุโบสถศีล และจำเป็นต้องรักษาวันพระหรือไม่คะ

  :c017: ขอบคุณมากคะ

  :58:


หัวข้อ: Re: รักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่ที่วัดหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: hope ที่ สิงหาคม 07, 2012, 07:23:09 pm
(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/549644_403127509735435_646295569_n.jpg)

อนุโมทนา คะ


หัวข้อ: Re: รักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่ที่วัดหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: kindman ที่ สิงหาคม 08, 2012, 04:59:17 pm
คิดว่า ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่วัด นะครับ เพราะอุโบสถศีล หมายถึง ศีล8 กระมัง
ถ้าคุณต้องการทำวันไหน ก็ไปสมาทาน และ ลาการสมาทานด้วยครับ กำหนดเวลาสมาทานคือ 1 วัน 2 วัน 3 วันเป็นต้น บางคนกำหนดเป็นเดือนก็มี แต่กำหนดนาน ๆ มีผลกับงานที่ทำครับ เพราะว่าอุโบสถศีลนั้นไม่เหมาะกับผู้ครองเรือน ครับ มีคู่ก็นอนด้วยกันไม่ได้นะครับ 

 อนุโมทนา ด้วยครับ

   :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: รักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่ที่วัดหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ สิงหาคม 08, 2012, 05:52:29 pm
น่าจะไม่ได้ นะคะ เพราะคำว่า อุโบสถ แปลว่า โบสถ์คะหมายถึงวัด  ศ๊ล ก็คือ ศีลที่สมาทาน ดังนั้น อุโบสถศีล หมายถึงศีลที่สมาทาน ภาวนากันในวัดคะ

  :s_hi:

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/177/24177/images/wp4.jpg)


หัวข้อ: Re: รักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่ที่วัดหรือไม่คะ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ สิงหาคม 09, 2012, 10:23:04 am
ถ้ากล่าวตามใจพวกท่านก็คือ การรักษาอุโบสถศีล ไม่จำเป็นต้องอยู่วัด เป็นไปตามนัน

ถ้ากล่าวตามธรรม ความถูกต้อง การรักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่วัดนะจ๊ะ เพราะอะไร
 ศีลอุโบสถ เป็นธรรมเนียมของชาวพุทธที่ถือศีล 5 เป็นปกติ แต่เมื่อเข้าพรรษา ก็จะมารักษาศีลเพิ่มอีก 3 ข้อ และเปลี่ยน 1 ข้อ

   คือ ศ๊ลข้อที่ 3 จาก กาเม สุมิจฉาจาร เป็น อพรัมะจริยะ เป็นต้น
    ข้อนี้หมายถึง เว้นจากการเสพเมถุน ( การร่วมเพศ )

  ส่วนศ๊ลที่รับเพิ่ม อีก 3 ข้อมี

   เว้นจากประดับ ตกแต่ง ประทินโฉม
   เว้นจากการขับร้อง ประโคมดนตรี

   เว้นจากบริโภคอาหารเกินเวลาเที่ยง
 
   เว้นจากนั่งนอนบนที่นอนสูง ที่นอนใหญ่อันอำนวยความสุข ความสบายแก่การนอน

  ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ศีลอุโบสถ ถ้าอยู่ที่้บ้านทำได้ยาก เพราะคนรอบข้างเราอาจจะไม่เข้าใจเรา จะรังเกียจเพราะความเคร่งครัดในศีล อาจจะทำให้ศีลด่าง พร้อย ทะลุ ขาดได้ จึงเห็นควรว่า ใ้ห้เป็นศีลที่ควรกระทำอยู่ขอบเขตของวัด จีงเรียกว่า อุโบสถศีล

   สรุปการสมาทานศีล 8 นั้นจะมีการลาสมาทานศ๊ล 8 ด้วยในวันกลับบ้าน ดังนั้นอุโบสถสมาทาน(คือสัจจะอธิษฐาน ) มีเวลา เมื่อหมดเวลา ก็สมาทานสัจจะอธิษฐาน ศีล5 ต่อไป ดังนั้นท่านทั้งหลายที่สมาทานอุโบสถศ๊ล จึงมีช่วงเวลาในการรักษาศีล

   ส่วนบุคคลใดที่สมาทานศีล 8 ตลอดชีพหรือระยะยาวไม่เรียกว่า อุโบสถศีล แต่เรียกว่า สมาทานศีลผู้ภาวนา เช่น แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่เครีงครัดเหล่านี้ จะเจริญเป็นศีลเป็นนิัสัย เรียกว่า กุศลกรรมบถ 10 ประการ ดังนั้นเราจะอาจจะไปเข้าข่ายในกุศลกรรมบถ 10 นี้เมื่อการภาวนาของเราสูงขึ้น

   ก็ขออนุโมทนา กับความตั้งใจที่จะรักษา ศีลอุโบสถ นี้ด้วยกันทุกท่าน

   เจริญธรรม / เจริญพร

   ;)