ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “พระพุทธเจ้า” ปรินิพพานที่ใด ใช่ตามที่มหาปรินิพพานสูตรว่าไว้จริงหรือ.?  (อ่าน 153 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 :25: :25: :25:

“พระพุทธเจ้า” ปรินิพพานที่ใด ใช่ตามที่มหาปรินิพพานสูตรว่าไว้จริงหรือ.?


ภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระพุทธประวัติตอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ภายในสาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ภาพจิตรกรรมภายในวิหารพระภิกษุหลวงพ่อเพ็ชร ข้างวิหารหลวงพ่อเพ็ชร วัดท่าถนน (ภาพ : wikicommon)



เคยสงสัยกันไหมว่า “พระพุทธเจ้า” ปรินิพพาน ที่ใด.?

เรื่องราวนี้ปรากฏอยู่ใน บทความ “พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร?” โดย พระมโน เมตฺตานนฺโท ใน นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 21 ฉบับที่ 9 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2543

ในบทความพูดถึงเหตุที่ทำให้พระพุทธเจ้าปรินิพพาน วันเวลาที่เกิด และอีกมากมาย แต่ครั้งนี้ จะขอยกเรื่อง “พระพุทธเจ้า” ปรินิพพาน ที่ใด ให้ทุกคนได้รู้กัน…

พระมโน เมตฺตานนฺโท ได้วิเคราะห์และอธิบายไว้ดังนี้

“ความในมหาปรินิพพานสูตรเล่าเรื่องปาฏิหาริย์มากมาย เมื่อทรงทอดพระองค์ลงระหว่างต้นสาละทั้งคู่ในป่าใกล้กรุงกุสินารา แต่สิ่งที่บรรยายมาทั้งหมดนี้ไม่น่าจะเป็นบริเวณแท้จริงที่ปรินิพพาน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

@@@@@@@

๑. เมื่อทรงประชวรหนักนั้น ภิกษุผู้ติดตามน่าจะขวนขวายพาพระองค์ไปหาแพทย์ที่อยู่ในเมืองมากกว่าที่จะพาไปประทับในป่า โดยเฉพาะเมื่อทรงมีอาการหนาวสั่น ปวดท้อง และกระหายน้ำมาก เนื่องจากสภาพความต้องการของร่างกายผู้ป่วย จะเป็นปัจจัยที่บังคับให้ผู้ใกล้ชิดทั้งหลายขวนขวาย ให้พระองค์ทรงพระชนม์ให้นานที่สุด

การจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้อบอุ่นเป็นความจำเป็นที่ต้องการในการดูแลผู้ป่วยที่หนาวจัด จึงน่าจะเป็นไปได้มากกว่าที่ว่าสาวกทั้งหลายพาพระองค์เข้ารับการรักษาภายในที่มุงบังที่ให้ความอบอุ่น

ซึ่งอาจมีแพทย์ดูแลใกล้ชิด ผู้พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้พระองค์สบายที่สุด ในสภาวะเช่นนี้ผู้ที่ดูแลน่าจะพยายามให้น้ำ (ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นน้ำสมุนไพรบางอย่าง) ให้พระองค์จิบทีละน้อยเพื่อประทังความกระหาย ในสภาพนี้พระองค์เองไม่น่าจะทรงดื่มน้ำได้ทีละมากๆ

๒. เมื่อพระอานนท์ทราบว่า พระพุทธองค์จะปรินิพพานแน่แล้วได้เกิดความเสียใจจนกระทั่งจะเป็นลมไม่อาจประคองตนไว้ได้ ต้องยืนเหนี่ยวกลอนประตูรูปหัวสิงห์อยู่ กลอนประตูนี้อยู่ในป่าตามลำพังไม่ได้แน่นอน นอกเสียจากว่าพระพุทธองค์กำลังประทับอยู่ในห้องของอาคารที่อยู่ในเมืองกุสินารานั่นเอง

๓. หลังจากปรินิพพานแล้ว มัลลกษัตริย์ทั้งหลายมีมติที่จะเคลื่อนพระศพออกจากเมืองไปประตูทางทิศใต้ แต่ไม่อาจเคลื่อนพระศพได้ มิได้ระบุว่าต้องนำพระศพเข้าเมืองก่อน แสดงว่าสถานที่ปรินิพพานนั้นอยู่ในเมืองกุสินารานั่นเอง”


อ่านเพิ่มเติม :-

    • “สูกรมัททวะ” พระกระยาหารมื้อสุดท้าย ของพระพุทธเจ้า คืออะไรแน่ ?!?
    •  “สุขาวดี” คืออะไร? ทำอย่างไรจึงจะได้เข้าสู่ แดนสวรรค์ อันบริสุทธิ์ของชาวพุทธ
    • “พระปิณโฑลภารทวาชะ” พระอรหันต์ ที่อวดอิทธิฤทธิ์ จนพระพุทธเจ้าตำหนิ และบัญญัติเป็นข้อห้าม
    • พระมหากัสสปะ พระสาวกผู้เลิศ ในการ สมาทานธุดงค์




ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : ปดิวลดา บวรศักดิ์
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2567
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 4 มีนาคม 2567
URL : https://www.silpa-mag.com/history/article_128458
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ