" หลวงพ่อพุทโธ" เป็นพระพุทธรูป สร้างในสมัยพระครูวัตตโสภณ (สิน) เป็นทั้งเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาสวัดปากเพรียว พ.ศ.2473 (บ้างก็ว่า สร้างในสมัย สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7)ชาวปากเพรียว ได้ขอเศียรพระพุทธรูปองค์นี้มาจากหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อปาน เป็นพระทรงอภิญญา ท่านสร้างเฉพาะเศียรพระ ส่วนชาวสระบุรีได้ร่วมกันสร้างองค์พระประธานขึ้นรับพระเศียร เป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวในวัดปากเพรียว
ชาวสระบุรี นิยมมากราบไหว้บนบานศาลกล่าว หลวงพ่อพุทโธ ด้วยพวงมาลัย 3 พวง หรือ 9 พวง พร้อมด้วย มะพร้าวหอมอ่อน ส่วนใหญ่จะบนด้วยพวงมาลัย 9 พวง มะพร้าว 1 ลูก อธิษฐานในใจขอในสิ่งที่เป็นไปได้จากหลวงพ่อพุทโธ ประสบผลสำเร็จไปหลายราย
พ.ศ.2512 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ใน จ.สระบุรี ครั้งนั้นว่ากันว่าเป็นไฟไหม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ ไทย เพลิงเผาผลาญบ้านเรือนประชาชนไปมาก แม้แต่โรง เรียนวัดปากเพรียว พร้อมวิหารหลวงพ่อพุทโธ ก็ถูกเพลิงเผาไหม้จนหมด แต่ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไฟไม่ได้ทำองค์หลวงพ่อพุทโธ เกิดความชำรุดเสียหายแต่อย่างใด
เหรียญหลวงพ่อพุทโธ
"วัดปากเพรียว"หรือ "วัดศรีบุรีรตนาราม" ตั้งอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นปี พ.ศ.2092
เมื่อครั้งตอนสร้างกรุงเทพ มหานคร พ.ศ.2325 มีการลำเลียงเสาตะเคียน ล่องมาตามลำน้ำป่าสัก เพื่อเอาไปสร้างเป็นเสาหลัก เมือง ได้มาพักที่หน้าวัดปากเพรียว แต่เสาไม้ตะเคียนต้นนี้คด จึงไม่ได้เอาไป ภายหลังไปจมอยู่ที่เมืองใหม่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
ต่อมาได้อัญเชิญขึ้นไปเก็บไว้ที่วัดสูง อ.เสาไห้ เรียกกันว่า เสาร้องไห้แม่นางตะเคียน
เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 1 ยังดำรงตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เข้าตีเวียงจันทน์ ประ เทศลาว ได้อัญเชิญพระแก้วมรกต ล่องเรือมาพักที่วัดปากเพรียว สม เด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มารับที่เมืองสระบุรี มีงานฉลองสม โภชอยู่ 3 วัน แล้วนำลงเรือที่วัดไปยังกรุง ธนบุรี (พงศาวดารกรุงธนบุรี) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัดปากเพรียวในอดีต
สมัยที่ พระศรีสุทัสสมุนี เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี สมัยนั้นได้มาจำพรรษาอยู่วัดปากเพรียว ได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า "วัดศรีบุรีรตนาราม" ใช้เรียกกันมาตราบทุกวันนี้
วัดปากเพรียว ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อสมัยหลวงพิริกิจเกษม มีการก่อสร้างมากมาย ได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณะซ่องแซม ปูชนียวัตถุสถานที่ต่างๆ มีการสร้างศาลาการเปรียญ สร้างถนนหนทาง รวมทั้งสร้างวิหารหลวงพ่อพุทโธ
" หลวงพ่อพุทโธ" เป็นพระพุทธรูป สร้างในสมัยพระครูวัตตโสภณ (สิน) เป็นทั้งเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาสวัดปากเพรียว พ.ศ.2473 (บ้างก็ว่า สร้างในสมัย สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7)ชาวปากเพรียว ได้ขอเศียรพระพุทธรูปองค์นี้มาจากหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อปาน เป็นพระทรงอภิญญา ท่านสร้างเฉพาะเศียรพระ ส่วนชาวสระบุรีได้ร่วมกันสร้างองค์พระประธานขึ้นรับพระเศียร เป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวในวัดปากเพรียว
"หลวงพ่อพุทโธ" เป็นพระพุทธรูปแบบสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดปากเพรียว ข้างพระอุโบสถวัดปากเพรียว มีหน้าตักกว้าง 2 เมตร 30 เซนติเมตร สูง 3 เมตร 50 เซนติ เมตร เมื่อนำเศียรมาประกอบเข้า ด้วยกันแล้ว มีลักษณะงดงาม พระพักตร์อิ่มเอิบ ยิ้มแย้ม มีเมตตา
ชาวสระบุรี นิยมมากราบไหว้บนบานศาลกล่าว หลวงพ่อพุทโธ ด้วยพวงมาลัย 3 พวง หรือ 9 พวง พร้อมด้วย มะพร้าวหอมอ่อน ส่วนใหญ่จะบนด้วยพวงมาลัย 9 พวง มะพร้าว 1 ลูก อธิษฐานในใจขอในสิ่งที่เป็นไปได้จากหลวงพ่อพุทโธ ประสบผลสำเร็จไปหลายราย พ.ศ.2512 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ใน จ.สระบุรี ครั้งนั้นว่ากันว่าเป็นไฟไหม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ ไทย เพลิงเผาผลาญบ้านเรือนประชาชนไปมาก แม้แต่โรง เรียนวัดปากเพรียว พร้อมวิหารหลวงพ่อพุทโธ ก็ถูกเพลิงเผาไหม้จนหมด แต่ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไฟไม่ได้ทำองค์หลวงพ่อพุทโธ เกิดความชำรุดเสียหายแต่อย่างใด