ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮา.! รถเครนยกหอฉันไม้สักหนัก 35 ตัน วัดครูบาดัง หลังซินแสทัก'บดบังวิหารหลวง'  (อ่าน 2404 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ฮือฮา.! รถเครนยกหอฉันไม้สักหนัก 35 ตัน วัดครูบาดัง หลังซินแสทัก 'บดบังวิหารหลวง'

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า  พระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล พระเกจิชื่อดังแห่งล้านนา ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การย้ายหอฉันของวัดศรีดอนมูล

เนื่องจากได้มีซินแส ท่านหนึ่งอายุประมาณ 80 กว่าปีจากกรุงเทพฯ ได้เดินทางมายังวัดแห่งนี้ และบอกว่าหอฉันท์ของวัดที่สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง มีเสาไม้สักขนาด 2 คนโอบ จำนวน 12 ต้น หลังคาทรงล้านนา จุดที่ตั้งนั้นบดบังความสง่างามของ "กุฏิสงฆ์ล้านนาญาณสังวราราม" วัดศรีดอนมูล"ที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลังเช่นกัน มีอายุ 16 ปี  และวิหารหลวงของวัดอายุนับร้อยปี

โดยซินแสได้มาที่วัดแห่งนี้ และชมภายในวัดพร้อมกับเปรยว่า หอฉัน ของวัดตั้งอยู่ที่จุดบดบัง กุฏิล้านนา และวิหารหลวง ทำให้ดูคับแคบ จุดเด่นของกุฏิหดหายไป ปกติพื้นที่ตั้งของกุฏิล้านนา และวิหารหลวง จะเปล่งประกายความงดงาม

อีกอย่างเวลาพระสงฆ์ รวมทั้งอาตมา และพระชั้นผู้ใหญ่ ฉันอาหาร ที่หอฉัน จุดที่ตั้งหอฉันเดิมมักจะมีญาติโยม เดินผ่านซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสม ไม่งามตา พระสงฆ์กำลังฉันอาหาร ประชาชนก็เดินผ่านไปมา เมื่อได้ย้ายแล้วทุกอย่างก็ดูดีขึ้น

 ซินแส ดังกล่าวได้พูดไว้หลายปี และเดินทางมาที่วัดนี้บ่อย อาตมามาคำนวนดู ก็จริงอย่างที่ซินแสดังกล่าวพูดไว้ จึงได้มีการประชุมคณะกรรมการวัดและลูกศิษย์ของวัด และในที่สุดได้มีมติ ย้ายหอฉัน ไปยังสวนปฏิบัติธรรมเจดีย์ 9 คณาจารย์ ติดกับกุฏิล้านนา

โดยทำการสร้างพื้นปูนซีเมนต์ยกพื้นให้สูง จ้างรถเครน จำนวน 3 คัน แต่ละคันยกน้ำหนักได้ 50 ตัน มาทำการยกหอฉันท์ ดังกล่าว โดยผู้รับเหมา ใช้เวลาในการยกหอฉันท์ ทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไม้ และสามารถยกหอฉันท์ ได้สำเร็จไปยังจุดที่ต้องการ เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 21.00 น.



พระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ ได้กล่าวอีกว่า หลังจากที่ย้ายหอฉันเสร็จ ปรากฏว่า "กุฏิล้านนา ดูเด่นอย่างมาก พื้นที่ที่หอฉันถูกยกออกไปทำให้กว้างขึ้น ทางวัดคิดว่าจะทำเป็นสนามหญ้าบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อาตมา ก็ทราบว่า ซินแส ที่มาทักทำนายไว้เรื่องการย้ายหอฉันได้ล้มป่วย  อาตมาจะเดินทางไปเยี่ยมและไปขอบใจที่กรุงเทพ ที่ทักและช่วยแนะนำ เมื่อทำการย้ายแล้ว ทุกอย่างก็ดีอย่างที่พูด

 ด้านผู้ควบคุมรถเครนและรับเหมา ในการยกหอฉันครั้งนี้ เปิดเผยว่า ได้ใช้รถเครน จำนวน 3 คันในการยกหอฉัน ครั้งนี้  รถเครนแต่ละคันสามารถยกน้ำหนักได้ คันละ 50 ตัน หอฉันของวัดแห่งนี้ ช่วงที่รถเครนยก เข็มวัดได้ชี้ไปที่ 35 ตัน ถือว่าเป็นหอฉันที่ใหญ่มาก

ปกติทางบริษัทของพวกตนจะไปยกบ้านซึ่งไม่ใหญ่เท่านี้ ถือว่างานนี้เป็นงานใหญ่ที่สุดและก็สำเร็จด้วยดี สำหรับค่าใช้จ่ายในการยกหอฉัน ครั้งนี้อยู่ที่ 150,000 บาท "เราเริ่มทำการยกหอฉัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น.วันที่ 16 มิ.ย. เสร็จสิ้น เวลา 21.00 น. รวม 14 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกุฏิสงฆ์ล้านนาญาณสังวราราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2532 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2539 ด้วยความคิดที่พระครูสิริศีลสังวร (ครูบาน้อย) ต้องการสืบสานงานศิลปะฝีมือช่างล้านนาเอาไว้ในงานสถาปัตยกรรมและลวดลายไม้แกะสลักประดับประดาสถาปัตยกรรมแบบล้านนา โดยพระครูได้คัดเลือกช่างพื้นบ้านฝีมือดีมาก่อสร้าง และควบคุมงานก่อสร้างด้วยตนเองแบบค่อยเป็นค่อยไปจนแล้วเสร็จ



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNek9Ua3dNRGN3TkE9PQ==&subcatid=
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

pichai

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เปลี่ยนทํศนียภาพ ให้ตรงกับความคิด ของท่าน อาศัยสิ่งที่คนเคารพเชื่อถือมาทำให้เกิดภาพจริง ขึ้นให้เกิดการยอมรับในความคิดผม เห็นเป้นแบบนี้ ผมเคยไปที่วัดหนึ่ง เจ้าอาวาสปรารภกับผมว่า อาตมาจะย้ายกุฏิเก่าแก่หลังนี้ ไปไว้ด้านหลังวิหาร เนื่องด้วยท่านได้สร้างวิหารขึ้นมาด้านหลังกุฏิ แล้ว กุฏิจะบังวิหารทั้งหมด ทำให้คนไม่เห็นความงามที่วิหาร และกิจกรรมงานบุญที่วิหารกัน สุดท้ายท่านก็ยกว่า ซินแส บอกแนะนำให้ท่านทำอย่างนี้ แต่ผมเข้าใจว่าท่านต้องการทำเอง ดังนั้นก็อาศัย เสียงที่ออกไปอย่างนั้นเพื่อไม่ให้ชาวบ้านคนเก่าคนแก่ ที่ยังรักอนุรักษ์ ในสิ่งที่ตนเองได้สร้าง ได้บริจาคไว้ เพราะมีผลมากต่อการดำเนินกิจการของวัด

    มีอยู่วัดหนึ่ง ทุบห้องน้ำเพื่อเปิดทัศนียภาพ ห้องน้ที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคจัดสร้างมาตามที่วัดขอ ห้องละ 30000 บาท ถุกทุบออกไป ประมาณ 14 ห้อง เจ้าของที่บริจาคมาเห็นยังนึกเสียใจเลย เพราะสิ่งที่ตนเองบริจาคไว้นั้นไม่มีอีกแล้ว ไมต้องพูดถึงการย้าย กุฏิเก่าแก่ 100 ปี หรือ วิหารศาลา ซึ่งไม่ได้ใช้งบน้อยๆ เป็นล้าน ๆ เป็นแสน เลยนะ ดังนั้นการพูดกล่าวอ้างให้ออกตัวไป จึงเป็นเรื่องที่ปลอดภัยต่อศรัทธา ของ สาธชน ต่อ เจ้าอาวาส นะครับ

    สำหรับผมเห็นว่า เป็นอำนาจหน้าที่ ของพระท่านต้องการใช้พื้นที่ตรงนั้น ทำอะไรสักอย่างนั่นเอง เพื่อปรับทัศนียภาพ หรือ มุมมอง ก็เป็นเพียงส่วนนอก เพราะแก่นแท้จริง วิหารจะอยู่ข้างหน้า หรือ ข้างหลัง ชาวบ้านก็เคารพเช่นเดิม


   :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า