ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งสมาธิ แล้ว มีความรู้สึก คัน เหมือน แมลง มด ไต่ ทำอย่างไรดีคะ  (อ่าน 9845 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรมิต

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 89
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เวลาที่นั่งสมาธิ อยู่ ทุกครั้ง เวลานั่งแล้ว มีความรู้สึก คัน ยุบ ยิบ ทั้งตัว เหมือนแมลงไต่ ตามตัว

ทุกครั้งก็ลืมตา ขึ้นมาดู แล้วก็พาลทำสมาธิ ไม่ได้สักที อย่างนี้ต้องทำอย่างไร คะ ถึงจะแก้อาการคัน

ไต่ยุบยิบ ได้ เคยนั่งทนอยู่ ก็ทนได้ประมาณ 10 นาที ก็แย่แล้วคะ

 สรุป ยังทำสมาธิ ไม่ได้คะ


 ช่วยด้วยนะคะ ท่านผู้รู้ นักปฏิบัติ ภาวนาทุกท่าน ช่วยให้คำแนะนำด้วยคะ

  :c017:
บันทึกการเข้า

fan

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านที่ลิงก์นี้ พอได้นะครับ ก่อนพระอาจารย์มาตอบนะคะ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4003.0

เป็นอาการปกติของปิติครับ
รู้สึกเหมือนมดแมลงไต่ตามร่างกาย..เหมือนมีใยแมงมุมบางๆ ลากผ่านใบหน้าคันยุบยิบ
ลืมตาดูก็ไม่มีอะไร..มีเพียงอย่างเดียวคือ..เราต้องมาเริ่มกำหนดลมหายใจใหม่
จิตที่กำลังจะรวมเป็นสมาธิก็มีอันต้องถอนออกมาเริ่มต้นใหม่ซะทุกที..เฮ้ออออ

ที่สุดของความเจ็บปวดทางกาย..ที่สุดของความคันมันมีอยู่

 :25: :25: :25:
ลองกำหนดพิจารณาดูมันให้ดี..คุณจะเห็นว่าจิตใจของคุณมันดิ้นรนกระสับกระส่าย
คุณจะจินตนาการและหวาดกลัวไปสารพัดอย่าง
แต่ถ้าคุณปล่อยวาง (อาจทำยากหน่อย) จะตายก็ยอม
ความเจ็บปวดทางกายก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก..จิตใจที่ยอมตายมันจะสงบ
สงบเพราะเราปล่อยวางร่างกายและชีวิต

หลวงพ่อจรัล ฯ วัดอัมพวันเคยให้กำลังใจสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
ด้วยวลีสั้นๆ ไม่กี่พยางค์คือ....นั่งให้มันตายไปเลย
ถ้าทำได้คุณจะรู้ว่าจิตมันมหัศจรรย์ขนาดไหน
คุณจะมีศรัทธากับพระรัตนตรัยอย่างไม่เคยมีมาก่อน..ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยค้างคา

ตราบใดที่ยังยึดติดกับตัวตนร่างกาย..กลัวเจ็บปวด..กลัวตาย..เป็นห่วงครอบครัวญาติมิตร
เราก็คงได้แต่นั่งฟังประสบการณ์ของคนอื่น..ไม่มีทางเข้าใจ..ไม่มีวันซาบซึ้ง
ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของปัจจัตตัง..ฝึกเองรู้เองเห็นเอง
อยู่ที่ความเพียรและปัญญาของแต่ละคน..อย่าเพิ่งเชื่อใครครับ..???

จากคุณ : อารยัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2011, 07:37:37 pm โดย fan »
บันทึกการเข้า

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านแล้วพอจะเข้าใจ แต่ในแนวทางปฏิบัติ น่าจะมีอะไรมากกว่วคำว่า รู้ นะคะ

เพราะ รู้ แล้วว่าเป็นปีติ ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นที่ฟันฝ่า ปีติ นี้ไปได้ น่่าจะอธิบาย การวางอารมณ์ มากกว่า

นะคะ ว่าการวางอารมณ์ หรือ การเดินจิตในกรรมฐาน เพื่อรับมือ กับ เหตุการณ์ อย่างนี้ควรทำอย่างไร

ดังนั้น ขอให้ทุกท่าน ช่วย ธรรมวิจยะ ในแนวปฏิบัติ ด้วยได้หรือไม่คะ

 :25: :c017:
บันทึกการเข้า

เฉินหลง

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 153
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ยาช่วยได้แค่ระงับเฉพาะหน้า แต่ทานบ่อยๆ ก็ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุจริง

จิตใจที่วิตกกังวล เครียด หรือ กลัวอะไรโดยไม่มีเหตุผลยาวนาน
วิธีบำบัดฟื้นฟู ตามที่คุณรุ่งฟ้าสางแนะนำครับ

ส่วนเรื่องอาหาร ให้เสริมอาหารธาตุเหล็กไว้
เพราะมีวิจัยว่าไปช่วยระบบเลือดที่จะไปเลี้ยงสมองส่วนไฮโปทารามัส
ที่จะมีหน้าที่ควบคุม เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนอัตโนมัติ
เช่นการหายใจ(ตามปกติ) ฯลฯ

อีกประการหนึ่ง ฝึกใจให้ตัดอะไรให้ขาด
เช่น การทำอะไรเป็นเวลา เมื่อถึงเวลาต้องไปทำอีกอย่างก็พร้อมจะวางอารมณ์เก่าลงได้
ใจที่คอยวิตกจากเรื่องราวภายนอก บางครั้งทำอะไรไม่ได้
บางครั้งใจเหมือนตกไปที่แคบ และระบบกายจะปิดตัวเองลงได้อัตโนมัติ
ตามกลไกระบบประสาทนั้น ให้หมั่นนึก คุณพระรัตนตรัย นั่นแหละช่วยได้มาก

- เวลานอน อย่าหัดนอนแบบไหลตามเคลิ้มๆอารมณ์ลงไป

- หรือเวลาตื่นแล้ว รู้สึกแล้วก็หัดลุกขึ้นเลย

- อย่าไปนอนแบบทู่ซี้นอน เพื่อจะให้หลับ แต่หลับไม่ลง หลับไม่เต็ม

- ส่วนปัญหาที่บางครั้งเกินกว่าจะแก้ไขได้ ก็วางใจอดทนแต่ไม่เก็บกดอารมณ์
ไม่ระเบิดอารมณ์อันเป็นเครื่องผิดศีลทางวาจาออกไป

- บางครั้งจิตเหน็ดเหนื่อยแต่จะหนีความทุกข์ด้วยการหลบเข้าเพื่อให้หลับ
หาก รู้เป็นอย่างนี้ ให้หันมาฝึกผ่อนคลายด้วยสายลมปราณลมหายใจเข้าออกยาวๆไปสบายๆ เวลาปราณเคลื่อนดี ส่วนที่จะกลับไปทำให้ระบบประสาทส่วนอัตโนมัติเข้าที่เข้าทางเอง แล้วส่งผลต่อสมองส่วนกลาง ส่วนไฮเปอทาลามัส ให้ผลิตสารสื่อประสาทที่สมดุลขึ้น

- ระหว่างในชีวิตประจำวัน อย่าปล่อยจิตปล่อยใจให้ กิเลสตระกูลโทสะครอบงำจิตใจ กิเลสตระกูลนี้ก็ เช่น ความโกรธ พยาบาท ความกลัว ความวิตกกังวล ความเกร็งเครียด ฯลฯ ทั้งหมดนี้อยู่ในตระกูลนี้

- เช่นกัน ระหว่างวัน อย่าปล่อยจิตใจเผลอคิดไหลๆ ตามอารมณ์ อันเป็นการสร้างนิสัยด้านไม่ดี เหมือนฝึกให้จิตโมหะ เรื่อยๆ ทำให้เวลานอนจิตก็จะไหลตามอารมณ์ตรึกคิดแบบลึกๆ ทำให้เหมือนไม่ได้นอนเต็มอิ่มจริง

- สวดบทพุทธคุณ อิติปิโสฯ เรื่อยๆ หรือไม่ก็บท พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ฯ เป็นเครื่องอยู่เล่นๆ ใช้สวดยามว่าง พักผ่อนคลายระหว่างวันก็ได้

จากคุณ: STL
บันทึกการเข้า