ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อุณหัสสวิชัยสูตร (กระแสพุทธธรรมฝ่ายมหายาน)  (อ่าน 6459 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28522
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อุณหัสสวิชัยสูตร (กระแสพุทธธรรมฝ่ายมหายาน)
บทความจากเว็บ atriumtech โพสต์โดย คุณ ebusiness

มนตรยาน คือ ลัทธินิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ล้วนปรากฏว่า ในอดีตลัทธิมนตรยานเคยรุ่งเรืองอยู่ระยะหนึ่งทั้งนั้น แม้ภายหลังจะเสื่อมสูญไป แต่กระแสของมนตรยานก็มิได้หมดสิ้น เช่นในประเทศไทย เช่นพระอุณหิสวิชัยสูตรนี้

พระคาถานี้ อุณิษาวิชยธารณี หรือ อุษณีชัยสูตร เชื่อกันว่า หากสาธยายบ่อยๆ ก็จะไม่ไปเกิดในทุกขคติภูมิ ด้วยเพราะรสแห่งพระธรรมเทศนาในพระคาถาบทนี้ได้ยังให้ เทวบุตรได้เกิดใหม่ในกายทิพย์ที่วิจิตร แทนที่จะต้องไปเกิดในทุกขคติภูมินั่นเอง แต่หัวใจของพระคาถานี้คือ การน้อมเข้าถึงพระรัตนตรัยทั้งสาม ซึ่งจะเป็นเหตุมิให้ต้องไปเกิดในทุกข์คติภูมิ นั่นเอง โดยสรุปคือ ท่องอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเข้าถึงพระรัตนตรัยให้ได้ด้วยครับ


 ask1 ask1 ask1 ask1

ทำไมเรื่องอุณหิสสวิชัยจึงเกิดขึ้น.?


มีเทวดาตนหนึ่งไม่อยากตาย ครั้นมีนิมิตปรากฏแสดงออกมาว่าเทวดาตนนั้นจะต้องตายเช่นมีเหงื่อออก  หรือดอกไม้ประจำตัวเหี่ยวเป็นต้น ก็เกิดความสะดุ้งกลัวอย่างใหญ่หลวงเพราะไม่อยากตาย , จึงดิ้นรนขวนขวายเพื่อจะไม่ให้ต้องตาย คือไม่ให้ต้องจุติจากเทวโลก  ได้ถามเพื่อนฝูงที่เป็นเทวดาด้วยกันก็ไม่มีใครบอกได้ ว่าจะทำอย่างไรจึงจะป้องกันความตายได้ ถามไปๆจนกระทั่งถึงจอมเทวดาคือ ท้าวสักกะ ท้าวสักกะก็ตอบไม่ได้ ว่าทำอย่างไรจึงจะป้องกันการจุติครั้งนี้ได้ แต่ท้าวสักกะยังบอกให้ไปทูลถามพระพุทธเจ้า เทวดาไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสคาถานี้แก่เทวดานั้น คือคาถาที่เรียกว่า อุณหิสสวิชัย นั่นเอง

คาถานี้ไม่มีในพระไตรปิฎก ค้นเท่าไรก็หาไม่พบ จึงเป็นอันว่าเป็นเรื่องนอกพระไตรปิฎก ค้นในอรรถกถาก็ไม่พบ  แม้จะเป็นเรื่องนอกอรรถกถา ก็ควรจะเป็นเรื่องในชั้นฎีกาของอรรถกถานั้นๆ ก็ยังหาไม่พบอีก เพราะฉะนั้นจึงเป็นอัน กล่าวได้ว่า เรื่องอุณหิสสวิชัยนี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในทำนองเป็นเรื่องพิเศษ ให้เป็นเรื่องสมบูรณ์อยู่ในตัวเอง จึงได้เล่าเรื่องเทวดากลัวตายไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วได้รับคาถานี้มาโดยสมบูรณ์ และมีความสำคัญอยู่ที่คาถานั้นนั่นเอง


 :96: :96: :96: :96:

ความคิดเห็นของ เสถียร โพธินันทะ

สูตรนี้เลือนแปรมาจาก “อุษณีวิชัยธารณี” ในภาษาสันสกฤต ของมนตรยานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตัวคาถากลับแต่งเป็นบาลี และไม่มีเค้าเหมือนฝ่ายสันสกฤตเลย เข้าใจว่าจะเป็นด้วย ท่านผู้แต่ง คงไม่ได้ฉบับสันสกฤตมาเป็นแบบเป็นราก แต่คงจะได้ทราบความขลังความศักคิ์สิทธิ์ของอุษณีวิชัยธารณีมาเป็นอย่างดี จึงได้คิดแต่งเป็นสูตรในภาษาบาลีขึ้น ทีจะแต่งในลังกาหรือในเมืองไทยนี้เอง อุณหิสวิชัยสูตรฝ่ายบาลีดำเนินเรื่องว่า

ในสมัยครั้งพระผู้มีพระภาค เสด็จขึ้นไปเทศนาพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดาและเทวบริษัท ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ยังเทวนิกรทั้งหลายให้ได้บรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก ครั้งนั้น มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อสุปดิศ มีความประมาทมัวเมาในทิพยกามสมบัติ ไม่ได้สดับพระธรรมเทศนา จึงอากาศจารีเทพเจ้าผู้มีหน้าที่ฝ่ายประกาศชักชวนเทพบริษัทให้ไปสดับธรรม ได้มาพบเข้า ทั้งอากาศจารีเทพยังหยั่งทราบว่า สุปดิศเทพบุตรจะเสวยบุญอีก ๗ วันเท่านั้น ก็จักสิ้นบุญ แล้วจะไปถือกำเนิด ณ อเวจีมหานรก เพราะวิบากแห่งอกุศลกรรมเก่าก่อนๆ ตามมาให้ผล เมื่อพ้นจากนรกแล้ว ก็จะต้องไปเสวยทุกข์ในทุคติภูมิอื่นๆ อีก อากาศจารีเทพจึงแจ้งความเป็นไปนี้ให้สุปดิศเทพทราบ สุปดิศเทพจึงเริ่มไม่สบายใจ ประกอบทั้งนิมิตแสดงว่า จะต้องจุติเคลื่อนจากสวรรค์ก็ปรากฏก่อน จึงเลยหวั่นวิตกกลัวภัยที่จะมาในเบื้องหน้า

ในที่สุดพระอินทร์เทวราชแห่งดาวดึงส์ จึงนำไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ขอถึงพระองค์เป็นสรณะที่พึ่ง ยังความสวัสดีให้เกิดแก่สุปดิศเทพต่อไป พระพุทธองค์จึงตรัสอุณหิสวิชัย คือ มงกุฎยอดแห่งธรรม อันมีคุณานุภาพ อาจต่อชีวิตให้ยืนยาวต่อไปด้วยบาทพระคาถาว่า

อัตถิ อุณณะหิสสะ วิชะโย      ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
สัพพะสัตตะหิตัตถายะ          ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต
ดูก่อนเทวดา , ธรรมะอันประเสริฐซึ่งเป็นอุณหิสสวิชัย  หรือเป็นผ้าประเจียดนั้น
มีอยู่ในโลกนี้  คือประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง  ท่านจงถือเอาซึ่งธรรมะนั้นเถิด


ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ           อะมะมุสเสหิ ปาวะเก
พยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต          อะกาละมะระเณนะ วา
ก็จะพ้นจากราชทัณฑ์พึงพ้น จากราชทัณฑ์พึงพ้นจากการเบียดเบียนของมนุษย์ พ้นจากไฟ
พ้นจากเสือ  พ้นจากนาค พ้นจากยาพิษ  พ้นจากภูต  พ้นจากความตาย  อันไม่ประกอบด้วยกาล


สัพพัสสะม๋า มะระณา มุตโต    ฐะเปตตะวา กาละมาริตัง
จะเป็นผู้พ้นจากความตายทั้งปวง  เว้นแต่ความตายตามกาล หรือสมควรแก่กาล

ตัสเสวะ อานุภาเวนะ            โหตุ เทโว สุขี สะทา
ด้วยอานุภาพแห่งธรรมะนั้นนั่นแหละ เทวดา จงเป็นผู้มีความสุขทุกเมื่อ

สุทธะสีลัง สะมาทายะ           ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
ตัสเสวะ อานุภาเวนะ            โหตุ เทโว สุขี สะทา

ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง            ธาระณัง วาจะนัง คะรุง
ปะเรสัง เทสะนัง สุตตะวา       ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ
เพราะได้ฟังธรรมแล้ว เขียนไว้ คิดไว้ บูชาอยู่ ทรงจำไว้ บอกกล่าว
แก่กันและกันและมีความเคารพหนักแน่นในธรรมนั้น  แล้วอายุของเขาย่อมเจริญดั่งนี้


(แก้ไขต้นฉบับเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยภาษาบาลีและเพิ่มคำแปล)

    อนึ่ง พึงตั้งอยู่ในธรรมคือ ประพฤติตามราชบัญญัติ รักษาศีล, ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง, สักการบูชา, เจริญภาวนาถึงคุณพระรัตนตรัย, ให้ยาเป็นทาน, ให้อาหารเป็นทานเป็นต้น เมื่อปฏิบัติได้อย่างนี้ ก็จักยืนยงด้วยชนมายุ ไม่วิบัติทำลายลงไปในท่ามกลางด้วยภัยเวรต่างๆ ยกเสียแต่ความตายเพราะสิ้นอายุเท่านั้น ฯลฯ
    บุคคลผู้ใดได้เขียนหรือได้อ่าน หรือได้สักการบูชาจำทรงไว้ อนึ่งได้กล่าวสั่งสอนแก่ผู้อื่นและมาเคารพปฏิบัติตาม ก็จักมีอายุวัฒนายืนยาว ฯลฯ

    สุปดิศเทพครั้นได้สดับพระพุทธบรรหารแล้ว จึงเจริญกุศลตามพระพุทธโอวาท ก็กลับเป็นผู้มีชนมายุยั่งยืนอยู่สิ้น ๒ พุทธันดร ได้เสวยสุขสมบัติสืบสกนธ์ต่อไป

พิจารณาดู ๒ สูตร เป็นแบบแผนเหมือนกับพระสูตรของลัทธิมนตรยาน คือเริ่มด้วยการปรารภเหตุการณ์แล้วพระพุทธองค์ ทรงประทานธารณี ลงท้ายเป็นพรรณนาคุณานิสงส์ของธารณี แต่ที่มาแต่งเป็นภาษามคธ เห็นจะเกิดขึ้นเมื่อลัทธิมนตรยานเสื่อมลง ภาษาสันสกฤตจึงพลอยสูญตามไปด้วย อาจารย์ชั้นหลังซึ่งนับถือลัทธิเถรวาทแล้วจึงดัดแปลงแต่งเป็นภาษามคธขึ้น

    ถ้าจะถามว่า หากสาธยายเจริญมนต์ ๒ บทนี้จะได้บุญไหม.?
    ผู้เขียนขอตอบว่า ได้บุญแน่ๆ แต่ต้องทราบความหมายของคำสวดด้วย เช่น ในอาการวัตตสูตรก็เป็นเรื่องสรรเสริญพระพุทธคุณว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงพระคุณอย่างนั้นๆ ผู้เจริญส่งใจไปตามคำสวด เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธคุณขึ้น ชื่อว่าได้เจริญพุทธานุสสติ ก็ผู้ที่มีพุทธานุสสติเป็นประจำ รับรองว่าปิดอบายภูมิไค้ มีสุคติเป็นอันหวังได้แน่นอน
    ส่วนอุณหิสวิชัยสูตร ถ้าแปลเนื้อความคาถาดูก็เป็นการสั่งสอนให้บำเพ็ญสุจริตธรรมและความดี อาศัยที่ได้บำเพ็ญก้าวหน้าในกุศลธรรมยิ่งๆ จนกระทั่งได้ผลานิสงส์ต่างๆ พิสดารตามที่พรรณนาได้ แต่จะเอาดีทางลัด สวดกัน ๒-๓ จบ แล้วปรารถนาคุณานิสงส์มากมาย เห็นว่าเหลือเกินไป


 st11 st11 st11 st11

พระธรรมเทศนาเรื่องอุณหัสสวิชัยสูตร  โดยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ

ผู้ใดมาถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งแล้ว ผู้นั้นย่อมชนะได้ซึ่งความร้อน อุณหัสสคือ ความร้อนอันเกิดแก่ตน มีทั้งภายในและภายนอก ภายนอกมีเสือสางคางแดง ภูตผีปีศาจ เป็นต้น ภายในคือกิเลส วิชัยคือความชนะ ผู้ที่มาน้อมเอาสรณะทั้งสามนี้เป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมจะชนะความร้อนเหล่านั้นไปได้หมดทุกอย่างที่เรียกว่า อุณหัสสวิชัย

     อุณหสฺสวิชดย ธมฺโม โลเก อนุตฺตโร
     พระธรรมเป็นของยิ่งในโลกทั้งสาม สามารถชนะซึ่งความร้อนอกร้อนใจอันเกิดแต่ภัยต่างๆ

     ปริวชฺเช ราชทนฺเฑ พยคฺเฆ นาเค วีเส ภูเต อกาลมรเณน จ สพฺพสฺม มรณา มุตฺโต
     จะเว้นห่างจากอันตรายทั้งหลายคือ อาชญาของพระราชา เสือสาง นาค ยาพิษ ภูตผี ปีศาจ หากว่ายังไม่ถึงคราวถึงกาลที่จักตายแล้ว ก็จักพ้นไปได้จากความตายด้วยอำนาจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ตนน้อมเอาเป็นสรณะที่พึ่งที่นับถือนั้น

ความข้อนี้มีพระบาลีสาธกดังจะยกมาอ้างอิงในสมัยเมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์หนุ่ม ๕๐๐ รูป ประทับอยู่ในราวป่ามหาวันใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ เทวดาทั้งหลายพากันมาดู แล้วกล่าวคาถาขึ้นว่า
     เยเกจิ พุทฺธํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺ สนฺติ อปายภูมิ ปหาย มานุสํ เทหํ เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ
     แปลความว่า บุคคลบางพวกหรือบุคคลไรๆ มาถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะที่พึ่งแล้ว บุคคลเหล่านั้นย่อมไม่ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ มีนรกเป็นต้น เมื่อละร่างกายอันเป็นของมนุษย์นี้แล้ว จักไปเป็นหมู่แห่งเทพดาทั้งหลายดังนี้

สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดมายึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่กลางป่าหรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้งสามก็ปรากฏแก่เราอยู่ทุกเมื่อ จึงว่าเป็นที่พึ่งแก่บุคคลจริง เมื่อปฏิบัติตามสรณะทั้งสามจริงๆ แล้ว จะคลาดแคล้วจากภัยทั้งหลาย อันก่อให้เกิดความร้อนอกร้อนใจได้แน่นอนทีเดียว



ขอบคุณที่มา : http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5057289/Y5057289.html#sthash.LzOf1V7I.dpuf
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2017, 12:53:24 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28522
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: อุณหัสสวิชัยสูตร (กระแสพุทธธรรมฝ่ายมหายาน)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2016, 12:09:20 pm »
0



อานิสงส์คาถาอุณหิสสวิชัย

     ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่เหนือพระแท่นศิลาอาสน์ภายใต้ต้นปาริกชาติ ณ ดาวดึงสพิภพ ตรัสพระสัทธรรม เทศนาอภิธรรม 7 คัมภีร์ โปรดพุทธมารดา
     ในกาลครั้งหนึ่งนั้นมีเทพบุตรองค์หนึ่ง นามว่าสุปติฏฐิตา ได้เสวยทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดาวดึงส์มาช้านาน ก็อีก 7 วัน จะสิ้นบุญจุติจากดาวดึงส์ ลงไปอุบัติในนรกเสวยทุขเวทนาอยู่ตลอดแสนปี ครั้นสิ้นกรรมในนรกนั้นแล้วก็จะไปบังเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน 7 จำพวก เสวย วิบากกรรมอยู่ 500 ชาติ ทุกๆจำพวก

     ยังมีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อว่า อากาสจารินี ซึ่งเป็นผู้รู้ บุรพกรรมของสุปติฏฐิตาเทพบุตร อาศัยความคุ้นเคยสนิทสนมกลมเกลียวกันตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์ เคยได้รักษาอุโบสถศีลด้วยกันในอดีตชาติล่วงมาแล้ว มองเห็นอกุศลกรรมตามทัน จะสนองผลแก่สหายของตนก็มีจิตปรานีใคร่จะอนุเคราะห์ จึงเข้าไปสู่สำนักของสุปติฏฐิตาเทพบุตร แล้วก็บอกเหตุที่จะสิ้นอายุภายในอันเร็วๆนี้ ตลอดทั้งที่จะไปเกิดในนรก ครั้งพ้นจากนรกแล้ว จะต้องไปกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานให้ทราบสิ้นทุกประการ
 
     ฝ่ายสุปติฏฐิตาเทพบุตร ได้ทราบเหตุดังนั้นแล้ว ก็มีความสะดุ้งตกใจกลัว คิดปริวิตก บุพพนิมิต 4 ประการ คือ
    - ดอกไม้ทิพย์ร่วงโรย ประการหนึ่ง
    - สรีระ ร่างกายมัวหมองไม่ผ่องใส ประการหนึ่ง
    - ผ้าทิพย์ภูษา เครื่องทรงเศร้าหมองไม่ผ่องใส ประการหนึ่ง
    - ครั้งทรงผ้าสไบเข้าก็ร้อนกระวนกระวายไปประการหนึ่ง

     บุพพนิมิตเหล่านี้ก็ปรากฏแก่สุปติฏฐิตาเทพบุตร บุพพนิมิต  4 ประการนี้ ปรากฏแก่เทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดแล้ว เทพบุตรธิดาองค์นั้น จะต้องจุติจากเทวโลกอย่างแน่นอน


      :96: :96: :96: :96:

     เมื่อสุปติฏฐิตาเทพบุตร ทราบชัดเจนเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่นิ่งนอนใจใคร่จะหาเครื่องป้องกัน จึงเข้าไปสู่สำนักท้าวอเมรินทราธิราชเจ้า ถวายอภิวาทแล้วกราบทูลเหตุการณ์ให้ทรงทราบ แล้วทูลอ้อนวอนขอชีวิตในสำนักอมรินทร์โดยอเนกปริยาย
     ท้าวเธอตรัสตอบว่า ชื่อว่า ความตายนี้เราเห็นผู้ใหญ่ในสรวงสวรรค์ ก็ไม่อาจห้ามบุพพกรรมอันมีกรรมแรงนี้ได้ เราเห็นอยู่แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั่ว 3 ภพ พระองค์เสด็จประทับอยู่ใต้ต้นปาริกชาติ มาเราจะพาเข้าเฝ้ากราบทูลอาราธนา ให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ

     สุปติฏฐิตาเทพบุตร ถือเครื่องสักการบูชาตามเสด็จท้าวอมรินทราธิราช เข้าสำนักพระมหามุนีนาถพระศาสดาจารย์แล้ว กราบทูลเหตุการณ์เหล่านั้น ให้พระองค์ทรงทราบโดยสิ้นเชิง

      :25: :25: :25: :25:

    แล้วพระองค์ทรงแสดงบุพพกรรมของ สุปติฏฐิตาเทพบุตร องค์นี้เกิดเป็นมนุษย์มีความเห็นผิด เป็นผู้ประมาทตั้งอยู่ในมิจฉาทิฏฐิเป็นพรานฆ่าเนื้อเบื่อปลาเป็นผู้มีใจแข็งกระด้าง ตบตีบิดามารดาต่อสมณชีพราหมณ์ ไม่ลุกรับนิมนต์ให้อาสนะที่นั่งภิกษุสงฆ์ผู้เข้าไปสู่สำนัก แม้เห็นแล้วก็ทำเป็นไม่เห็นเสีย
     ด้วยวิบากผลอกุศลกรรมอันนี้ตามทันเข้า สุปติฏฐิตาเทพบุตรจึงได้ไปเกิดในนรกตลอดแสนปี ครั้นพ้นจากนรกขึ้นมาก็จะไปกำเนิดแห่งสัตว์ 7 จำพวก คือเป็นแร้ง เป็นรุ้ง เป็นกา เป็นเต่า เป็นหนู เป็นสุนัข และเป็นคนหูหนวกตาบอดอย่างละ 500 ชาติ ด้วยอำนาจอกุศลกรรมนั้นแหละ
     ขอมหาบพิตรจงทราบด้วยประการฉะนี้


      st12 st12 st12 st12

       เมื่อท้าวอมรินทร์ทรงทราบแล้ว ก็มีความเมตตาสงสารแก่สุปติฏฐิตาเทพบุตร ยิ่งนัก จึงกราบทูลให้พระองค์ทรงแสดงพระสัจธรรมเทศนาอันจะเป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลก ช่วยชีวิตเทพบุตรองค์นี้ไว้ไม่ให้ตายลงภายใน 7 วันนี้ สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสเทศนาคาถาอุณหิสสวิชัย มีใจความดังต่อไปนี้

        อุณหิสสะวิชะยะคาถา
        อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย           ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
        สัพพะสัตตะหิตัตถายะ           ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต
        ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ           อะมะนุสเสหิ ปาวะเก
        พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต        อะกาละมะระเณนะ วา
        สัพพัสมา มะระณา มุตโต      ฐะเปตวา กาละมาริตัง
        ตัสเสวะ อานุภาเวนะ           โหตุ เทโว สุขี สะทา
        สุทธะสีลัง สะมาทายะ          ธัมมัง สุจะริตัง  จะเร
        ตัสเสวะ อานุภาเวนะ            โหตุ เทโว สุขี สะทา
        ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง            ธาระณัง วาจะนัง คะรุง
        ปะเรสัง เทสะนัง สุตวา          ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ

     เทวเต ดูกรเทวดาทั้งหลาย พระธรรมนี้ชื่อว่าอุณหิสสวิชัย เป็นยอดแห่งพระธรรมทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่สัตว์ทั้งมวล ท่านจงเอาพระธรรมนี้เป็นที่พึ่ง อุตสาห์สวดบ่นสาธยายทุกเช้าค่ำ ย่อมห้ามเสียซึ่งภัยทั้งปวง อันจะเกิดขึ้นจากผีปิศาจหมู่พยัคฆะงูใหญ่น้อย และพญาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายจะไม่ตาย ผู้ใดได้เขียนไว้ก็ดี ได้ฟังก็ดี ได้สวดมนต์ภาวนาอยู่ทุกวันก็ดี จะมีอายุยืน
     เทวเต ดูกรเทวดา ทั้งหลายท่านจงมีความสุขเถิด


      st11 st11 st11 st11

     อนึ่งบุคคลผู้ใดบูชาแก้วทั้ง 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้เป็นยาอันอุดม ย่อมคุ้มครองผู้นั้นให้พ้นจากทุกข์ภัยพยาธิทั้งปวง ด้วยอำนาจพระอุณหิสสวิชัยนี้ จะรักษาคุ้มครองให้ชีวิตของท่านเจริญสืบต่อไป ท่านจงรักษาไว้ให้มั่นอย่าให้ขาดเถิด เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนาลง เทวดาทั้งหลายมีท้าวอมรินทร์เป็นประธานได้ดื่มรสแห่งพระสัทธรรมเป็นอันมาก
 
     ฝ่ายสุปติฏฐิตาเทพบุตร มีจิตน้อมไปตามกระแสแห่งพระธรรมเทศนานั้น ได้กลับอัตตภาพใหม่ คือ มีกายอันผ่องใส เป็นเทวบุตรหนุ่มคืนมาแล้วจะมีอายุยืนตลอดไปถึงพระพุทธพระนามว่า ศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัส จึงจะจุติจากเทวโลกลงมาสู่มนุษย์โลก เป็นพระอรหันตขีณาสวะองค์หนึ่ง

    ดังนั้นขอพุทธบริษัททั้งหลาย จงสำเนียกไว้ในใจแล้วประพฤติปฏิบัติในพระคาถา อุณหิสสวิชัย ก็จะสมมโนมัยตามความปรารถนาทุกประการ



ที่มา : http://www.84000.org/anisong/01.html
แนะนำให้อ่าน จวมานสูตร อยู่ใน พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=6074&Z=6109
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุณหัสสวิชัยสูตร (กระแสพุทธธรรมฝ่ายมหายาน)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2016, 03:43:37 pm »
0

  สวดทุกวันเป็นมนต์ต่อกระดูก ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อุณหัสสวิชัยสูตร (กระแสพุทธธรรมฝ่ายมหายาน)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2016, 04:50:10 pm »
0
อนุโมทนา สาธุ
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ