ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จริงหรือไม่..มาฆบูชา..คือ 'วันแห่งความรัก'  (อ่าน 1693 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
   

จริงหรือไม่..มาฆบูชา..คือ 'วันแห่งความรัก'

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ที่รักทุกท่าน

คงยังไม่สายเกินไปถ้าคุณครูลิลลี่จะมาถามว่า เมื่อเทศกาลแห่งความรักที่ผ่านมา

14 กุมภาพันธ์ คุณ ๆ ได้ทำอะไรให้คนที่คุณรักกันไปบ้างหรือยังคะ

ติ๊กต่อก ๆ ๆ คิดกันใหญ่ บางคนบอกว่าทำแล้ว บางคนบอกว่ายังไม่ได้ทำ

บางคนมีบ่นเสียดายที่ไม่กล้าทำ และก็มีบางคนที่อยากทำแต่ไม่มีเวลา

แล้วจะทำอย่างไรดีละคะ 14 กุมภาผ่านไปแล้วเสียด้วย

ครั้นจะให้รอวันแห่งความรักเวียนกลับมาอีกทีก็ปีหน้าโน่นเลย..เห็นทีจะช้าเกินไป..รอไม่ไหว



แต่ถ้าคุณครูลิลลี่จะบอกว่า วันแห่งความรัก(อีกวัน) กำลังจะมาถึง

สนใจจะแก้ตัว แสดงความรัก บอกรัก มอบความรัก กันอีกครั้งไหมคะ

อ้าว..อย่าทำหน้างงกันอย่างนั้นสิคะ จริง ๆ ค่ะ เรายังมีวันแห่งความรักอยู่อีก 1 วัน

ที่สำคัญกำลังจะมาถึงเสียด้วย นั่นก็คือ วันที่ 7 มีนาคมนี้ค่ะ

ไม่ใช่อื่นใด ไม่ต้องสงสัย “วันมาฆบูชา” นี่แหละค่ะ ที่คุณครูลิลลี่ขอเรียกว่าเป็น

“วันแห่งความรักของพุทธศาสนิกชน”



ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะว่าความรักไม่ได้มีความหมายเพียงความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น

แต่ยังครอบคลุมไปถึงความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก อาจารย์กับศิษย์ เพื่อนกับเพื่อน

รวมไปถึงความรักที่มนุษย์พึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันอีกด้วย

และเพราะ “ความรัก” มีความหมายที่กว้างขวาง ไร้ขอบเขตนี่เอง

หลายๆคนจึงถือว่า “วันมาฆบูชา” ที่เป็นวันสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนาเป็น “วันแห่งความรัก”



เพราะอะไรหรือคะ ก็เพราะในวันนี้ได้เกิดเหตุการณ์พิเศษที่เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” ขึ้น

   ถือเป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศหลักธรรมคำสอนแห่งพุทธศาสนา อันมีเนื้อหาหลัก
   ว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
   นั่นก็คือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว
   เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก

   โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแผ่


ชัดเจนขนาด นี้ก็ไม่มีใครสงสัยแล้วใช่ไหมคะว่าทำไมคุณครูลิลลี่ถึงเรียกวันมาฆบูชาว่า เป็น “วันแห่งความรัก” ทางพุทธศาสนา พูดมาถึงขนาดนี้แล้วก็ขออนุญาตให้ความรู้เกี่ยวกับวันสำคัญวันนี้อีกสักนิด นะคะ

   คำว่า “มาฆบูชา” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะ คือ เดือน 3 หรือพูดง่ายๆว่า เป็นวันที่พระจันทร์ เต็มดวงในคืนขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 นั่นเอง

   เหตุที่ถือว่า “วันมาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ก็เพราะในวันนี้ ได้มีพระสงฆ์ที่พระพุทธองค์ได้ส่งออกไป เผยแผ่พุทธศาสนาตามเมืองต่างๆพร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัด หมายกันถึง 1,250 รูป ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง และ ว่ากันว่ากลับมารวมกันได้เพราะความรักในพุทธศาสนานั่นเอง

   และในโอกาส นี้เองพระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะแสดงโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นการประกาศหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม ซึ่งหลักธรรมคำสอนดังกล่าวจะเรียกว่าเป็น ธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา หรือหัวใจของพุทธศาสนา ก็ว่าได้


ทราบความสำคัญและรู้ที่มาที่ไปว่าทำไม มาฆบูชา ถึงเป็นวันแห่งความรัก กันไปแล้ว

ก็มาถึงวิธีปฎิบัติและแสดงความรักต่อกันในวันนี้

ไม่ต้องรีบไปหาดอกกุหลาบ  หรือ ช็อกโกแลต รสดีที่ไหนนะคะ (ช็อกโกเลตก็สะกดได้นะคะ)



คุณครูลิลลี่ขอบอกเลยว่าวันแห่งความรักทางพุทธศาสนานี้ขอแค่จิตใจที่บริสุทธิ์ก็เพียงพอ

จำไว้นะคะ ง่าย ๆ 3 ข้อ “ทำความดี – ละเว้นความชั่ว – ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”

เท่านี่แหละค่ะ คือ ของขวัญอันมีค่าที่จะให้กับตัวเองและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีในวันสำคัญวันนี้

รู้แล้ว เข้าใจแล้ว ก็ปฏิบัตินะคะ...สวัสดีวันแห่งความรักค่ะ


คุณครูลิลลี่




ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/content/edu/242384
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ