สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กันยายน 04, 2014, 11:11:00 am



หัวข้อ: เที่ยว “เขาค้อ-พิษณุโลก” หน้าฝน ไหว้พระทำบุญ อุ่นกาย สบายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 04, 2014, 11:11:00 am

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396201.JPEG)
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

เที่ยว “เขาค้อ-พิษณุโลก” หน้าฝน ไหว้พระทำบุญ อุ่นกาย สบายใจ

       หลายคนอาจจะบอกว่าการท่องเที่ยวในหน้าฝนนั้นเปียกแฉะ พอฝนตกทีก็ออกไปไหนไม่ได้ แต่ “ตะลอนเที่ยว” อยากจะบอกว่า หน้าฝนนี่แหละ ที่บรรยากาศรอบตัวจะชุ่มฉ่ำเย็นสบาย โดยเฉพาะการไปเที่ยวตามป่าเขา ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดูเขียวขจีสบายตา ลมพัดเย็นๆ สบายใจ
       
       อย่างในทริปนี้ที่ได้มาเที่ยวที่ จ.เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก สองจังหวัดที่ยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีอากาศบริสุทธิ์สดชื่นมากๆ ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับการท่องเที่ยวของเรา จึงขอเริ่มแวะเที่ยวกันที่ “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ตั้งอยู่ที่ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396202.JPEG)
ภายในมีการประดิษฐานพระพุทธรูปให้สักการะ

       “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” เป็นวัดที่มีความสวยงามและตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบข้างที่เขียวชอุ่มได้เป็นอย่างดี วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 ในนาม พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ต่อมาในปี 2553 ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัดในชื่อ “วัดพระธาตุผาแก้ว” แต่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2556 เพื่อให้สอดคล้องกับบริเวณที่ตั้ง ซึ่งเดิมนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า “ผาซ่อนแก้ว”
       
       จุดเด่นอันแตกต่างของวัดก็คือ การตกแต่งในจุดต่างๆ ของวัด ไม่ว่าจะเป็น ผนัง เสา หรือแม้กระทั่งพื้น ที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องและลูกแก้ว ที่ไม่ว่าจะมองไปยังจุดไหนของวัดก็จะมองเห็นอย่างสะดุดตา เมื่อกระทบกับแสงแดดแล้วช่างระยิบระยับสวยงามจริงๆ สมกับเป็นการตกแต่งที่ไม่เหมือนที่ไหนจริงๆ


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396203.JPEG)
มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

       หากมองมาจากที่ไกลๆ ก็ยังจะเห็นความสวยงามโดดเด่นของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเขา มีสีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า ที่ขับให้ตัววัดดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก
       
       สิ่งที่ถือเป็นหัวใจของวัดแห่งนี้ก็คือ "เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต" ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของวัด ด้วยรูปทรงที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ ด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ในระยะไกล บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ส่วนภายในเจดีย์ก็แบ่งเป็นชั้นต่างๆ โดยจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ให้สักการะกันด้วย
       
       ด้านสิ่งน่าสนใจอื่นๆ ภายในวัดก็มี ศาลาปฏิบัติธรรม (ศาลาพระหยกเขียว), พระพุทธเลิศรัตนโชติมณี, พระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ผล ฯลฯ และขณะนี้ก็มีการก่อสร้าง “มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์” ที่จะใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ และเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396204.JPEG)
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก

       นอกจากที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วที่มีความงดงามแล้ว ในพื้นที่เขาค้อก็ยังมีพระเจดีย์อีกแห่งที่มีความงดงามมากเช่นกัน นั่นคือ “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ที่ผนังของฐานด้านล่าง เป็นแบบย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งมีการใช้ตั้งแต่สมัยอยุธยา ฐานชั้นบน มีผนังเป็น 8 เหลี่ยม เป็นลักษณะที่มีการใช้ตั้งแต่สมัยทวารวดี บริเวณเหนือซุ้มคูหา ตอนบนขององค์เจดีย์ เป็นกลีบบัวรับองค์ ระฆังทรงกลม แบบสมัยอยุธยา ถัดขึ้นไปตอนบนเป็นบัลลังก์รับบัวกลุ่ม 5 ชั้น ทางคติมีความหมายถึงพระเจ้า 5 พระองค์

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396205.JPEG)
ไหว้พระด้วยการจุดเทียนปักไว้ในจาน

       ภายในเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ ให้ประชาชนได้เข้าไปสักการบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ซึ่งที่นี่จะไม่มีการจุดธูป แต่จะจุดเทียนเพื่อการบูชาพระพุทธรูปและพระสารีริกธาตุ โดยจะจุดเทียนปักไว้ในจาน รอบๆ ฐานด้านในขององค์เจดีย์

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396206.JPEG)
ตีระฆังอธิษฐาน

       บริเวณรอบๆ พระบรมธาตุเจดีย์นั้นร่มรื่นไปด้วยไม้ใหญ่นานาพรรณ ช่วยเสริมสร้างความสดชื่นให้กับอากาศที่สามารถสูดเข้าไปได้อย่างเต็มปอด ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ก็มีผู้คนแวะเวียนเข้ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่บ้าง หรือจะเดินออกไปด้านข้างก็มีระฆังเรียงรายเป็นแถวยาว ใครอยากจะเดินไล่ตีระฆังไปจนสุดทางก็ได้ เชื่อกันว่า หากได้เดินตีระฆังจนครบทุกใบแล้ว ก็จะสมประสงค์ตามที่อธิษฐานไว้

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396207.JPEG)
แวะพักผ่อนที่ Route 12

       ไหว้พระทำบุญกันไป 2 แห่งแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอแวะพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อย มากันที่ “Route 12” ที่ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 12 ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดแวะพักริมทาง ที่นี่มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก โดยตกแต่งในสไตล์ตะวันตก เมื่อเข้ามาเดินเล่นแล้วก็รู้สึกเหมือนกับหลงอยู่ในดินแดนคาวบอยเลยทีเดียว

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396208.JPEG)
สัญลักษณ์ที่เห็นได้โดดเด่นของ Route 12

       Route 12 นับเป็นแหล่งรวมพลของคนที่ชมชอบการถ่ายรูป เพราะมีมุมดีๆ ให้ส่องผ่านเลนส์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตามร้านค้าต่างๆ ทิวทัศน์โดยรอบที่เขียวขจี สวนดอกไม้เล็กๆ และกลุ่มมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์หลากหลายประเภทที่มักจะแวะเวียนมาเยือนอยู่เสมอ ใครที่จะแวะมาที่นี่ ขอแนะนำว่าให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินเที่ยวเล่นเสียหน่อย เพราะอาจจะเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปแบบไม่รู้ตัว

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396209.JPEG)
ล่องแก่งในลำน้ำเข็กสุดมันส์

       พักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว เราก็ยังมุ่งหน้าต่อไปบนถนนสาย 12 ผ่านเข้าสู่เขต จ.พิษณุโลก แวะทำกิจกรรมผจญภัยกันเล็กน้อยที่ อ.วังทอง ซึ่งกิจกรรมนี้ต้องเตรียมตัวเปียกกันเสียหน่อย เพราะเราจะไปล่องแก่งในลำน้ำเข็กกัน
       
       “ลำน้ำเข็ก” กำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขต อ.เขาค้อ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จากนั้นไหลผ่าน อ.วังทอง จึงถูกเปลี่ยนเป็นชื่อแม่น้ำวังทอง แล้วไหลไปรวมกับแม่น้ำน่านที่ อ.บางกระทุ่ม ลำน้ำเข็กสามารถใช้เรือยางมาล่องแก่งได้อย่างสนุกสนานตลอดเส้นทาง ตั้งแต่บ้านปากยาง ใน อ.วังทอง ไปจนกระทั่งถึงน้ำตกแก่งซอง รวมระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ระหว่างเส้นทางในลำน้ำเข็กจะมีแก่งต่างๆ ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ไล่ระดับความยากตั้งแต่ระดับ 1-5


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396210.JPEG)
สักการะพระพุทธชินราช

       ในส่วนของการเดินทางมาล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กแห่งนี้ก็มีความสะดวกสบาย เนื่องจากลำน้ำจะอยู่ใกล้ถนน เมื่อลงจากรถก็สามารถมาขึ้นแพยางได้เลย หรือเมื่อล่องแก่งเสร็จแล้ว ก็สามารถขึ้นจากแพยางแล้วมาขึ้นรถต่อได้ทันที ไม่ต้องเดินทางบุกป่าฝ่าดงเข้าไปเหมือนลำน้ำอื่นๆ
       
       หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็เตรียมอุปกรณ์ ใส่เสื้อชูชีพ เตรียมไม้พาย และฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่จะพาล่องแก่ง ก็ได้เวลาลงไปล่องลอยในสายน้ำ ความสนุกสนานของการล่องแก่งอยู่ที่การต่อสู้กับความแรงของสายน้ำ ประคับประคองเรือให้ลอยอยู่ได้โดยไม่คว่ำไปเสียก่อน เสียงกรี๊ดกร๊าดที่ได้ยินตลอดทางบอกได้ถึงความสนุกสนานเร้าใจ ซึ่งหากใครที่อยากสนุกแบบนี้ สามารถมาล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กได้เฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่กระแสน้ำมีความเหมาะสมมากที่สุด


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396211.JPEG)
พระพุทธชินสีห์องค์จำลอง

       ทั้งเหนื่อยทั้งสนุกกันเต็มที่แล้ว ก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินทางต่อไปยังตัวเมืองพิษณุโลก ซึ่งเมื่อมาถึงตัวเมืองแล้วก็ต้องแวะไปสักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของที่นี่ ซึ่งก็คือ “พระพุทธชินราช” ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “วัดใหญ่”
       
       วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นสถานที่ประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” ซึ่งถือกันว่ามีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทย องค์พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยตอนปลาย โดยในคราวเดียวกันนี้ ก็สร้าง “พระพุทธชินสีห์” และ “พระศรีศาสดา” ขึ้นพร้อมกัน
       
       ปัจจุบัน พระพุทธชินราชยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แต่พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร ทางวัดจึงสร้างองค์จำลองขึ้นเพื่อประดิษฐานไว้ที่พิษณุโลก


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396212.JPEG)
พระศรีศาสดาองค์จำลอง

       สำหรับคนที่เข้ามายังวัดแห่งนี้ ก็ต้องมุ่งหน้าตรงเข้าไปสักการะพระพุทธชินราชก่อนเป็นอันดับแรก แต่ภายในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก็ยังมีพระพุทธรูปองค์สำคัญอีกหลายองค์ อย่างเช่น พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา องค์จำลอง ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารด้านซ้ายและขวาขององค์พระพุทธชินราช
       
       “พระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ใกล้กับวิหารพระศรีศาสดา ถือเป็นพระพุทธรูปอีกปางที่หายากในประเทศไทย เชื่อกันว่าหากต้องการผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ให้กราบที่หีบศพและอธิษฐานก็จะได้สิ่งที่หวัง


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396213.JPEG)
สักการะ “พระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน”

       ส่วนด้านหน้าทางเข้าวิหารหลวงนั้นก็ยังมี “หลวงพ่อเหลือ” ที่สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา เนื่องจากทองสัมฤทธิ์ที่ใช้หล่อพระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นยังเหลืออยู่ จึงนำมาหล่อพระอีกหนึ่งองค์ ทำให้ชื่อว่าพระเหลือ และทองที่เหลือก็ยังสามารถหล่อพระสาวกได้อีกสององค์ ยืนอยู่ด้านหน้าองค์หลวงพ่อเหลือ เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระเหลือแล้วจะเป็นสิริมงคลเหลือกินเหลือใช้ตามชื่อของท่าน
       
       ที่ด้านหลังของพระวิหารจะมองเห็น “พระอัฎฐารส” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ สร้างขึ้นในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช แต่เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่ แต่วิหารได้พังไปจนหมดเหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ เรียกว่า เนินวิหารเก้าห้อง


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396214.JPEG)
เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระเหลือแล้วจะเป็นสิริมงคลเหลือกินเหลือใช้

       สักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแล้ว หากมีเวลา อย่าลืมมาเดินเล่นที่ด้านหน้าของวัด บริเวณริมแม่น้ำน่าน นั่งเล่นรับลมเย็นๆ ให้สบายตัว ก่อนจะกลับเข้าไปซื้อของฝากกลับบ้านไปฝากพ่อแม่พี่น้อง
       
       มาเที่ยวต่างจังหวัดในหน้าฝนแบบนี้ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนแตกต่างจากหน้าอื่นก็คือ ความเขียวชอุ่มชุ่มชื้นของบรรยากาศรอบๆ ยิ่งในบริเวณที่มีภูเขา ช่วงหลังฝนตกใหม่ๆ อากาศก็ยิ่งสดชื่น หรือในช่วงเช้าวันไหนที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ก็จะเห็นสายหมอกลอยเอื่อยๆ เห็นภาพที่เห็นแล้วสบายตาสบายใจมากๆ


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000010396215.JPEG)
ลานพระยืนใน“วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร”
       
       สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก (ดูแลพื้นที่พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000100646 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000100646)


หัวข้อ: Re: เที่ยว “เขาค้อ-พิษณุโลก” หน้าฝน ไหว้พระทำบุญ อุ่นกาย สบายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กันยายน 04, 2014, 11:13:01 am
จะมีบุญได้ไป แบบ ทริป สักครั้งหรือ ไหม นะ ....

  thk56 :c017:


หัวข้อ: Re: เที่ยว “เขาค้อ-พิษณุโลก” หน้าฝน ไหว้พระทำบุญ อุ่นกาย สบายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Akira ที่ กันยายน 04, 2014, 11:18:25 am
รวมกันไป ช่วงวันหยุด หลาย ๆ วันไหม เอารถ ยาย โจ้โจ้ ไป ช่วยกันแชร์ ค่าน้ำมัน ส่วนที่พัก ก็แชร์กัน นอนโรงแรม กันสักคืน สองคืน น่าจะไม่ถึง 6000 บาท

 ถ้าสนแล้ว เดี๋ยวคุยกันเนอะ

  :49: :welcome: :s_good:


หัวข้อ: Re: เที่ยว “เขาค้อ-พิษณุโลก” หน้าฝน ไหว้พระทำบุญ อุ่นกาย สบายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Jojo ที่ กันยายน 04, 2014, 11:31:28 am
จะมีบุญได้ไป แบบ ทริป สักครั้งหรือ ไหม นะ ....

  thk56 :c017:
รวมกันไป ช่วงวันหยุด หลาย ๆ วันไหม เอารถ ยาย โจ้โจ้ ไป ช่วยกันแชร์ ค่าน้ำมัน ส่วนที่พัก ก็แชร์กัน นอนโรงแรม กันสักคืน สองคืน น่าจะไม่ถึง 6000 บาท

 ถ้าสนแล้ว เดี๋ยวคุยกันเนอะ

  :49: :welcome: :s_good:

ขอโทษ นะจ๊ะ มือใหม่ หัดขับ คงไม่กล้าไป หรอก นะจ๊ะ เพราะเส้นทาง เพชรบูรณ์ ไป พิษณุโลก ขับขึ้นเขา ทางคดเคี้ยว มากนะจ๊ะ ไม่เสี่ยงดีกว่า ขับไม่เก่ง

  :s_hi: :88: :49:


หัวข้อ: Re: เที่ยว “เขาค้อ-พิษณุโลก” หน้าฝน ไหว้พระทำบุญ อุ่นกาย สบายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Mario ที่ กันยายน 04, 2014, 11:36:23 am
จะมีบุญได้ไป แบบ ทริป สักครั้งหรือ ไหม นะ ....

  thk56 :c017:
รวมกันไป ช่วงวันหยุด หลาย ๆ วันไหม เอารถ ยาย โจ้โจ้ ไป ช่วยกันแชร์ ค่าน้ำมัน ส่วนที่พัก ก็แชร์กัน นอนโรงแรม กันสักคืน สองคืน น่าจะไม่ถึง 6000 บาท

 ถ้าสนแล้ว เดี๋ยวคุยกันเนอะ

  :49: :welcome: :s_good:

ขอโทษ นะจ๊ะ มือใหม่ หัดขับ คงไม่กล้าไป หรอก นะจ๊ะ เพราะเส้นทาง เพชรบูรณ์ ไป พิษณุโลก ขับขึ้นเขา ทางคดเคี้ยว มากนะจ๊ะ ไม่เสี่ยงดีกว่า ขับไม่เก่ง

  :s_hi: :88: :49:

นี่พวกเธอ ไป กัน จะไม่ชวน ฉัน เลย นะ

  :13: :13: :13: