พิมพ์

[raponsan]

คำว่า 'เจ' มีสองความหมาย คือ 'ถือศีลและไม่มีคาว'

หลังวันไหว้พระจันทร์ ราว 15 วัน คือวันที่ 1 เดือน 9 ของจีน ก็จะเข้าเทศกาลกินเจ คนจีนในไทยใช้คำว่า “เก้าโหว่ยเจ” แปลตรงตัวว่า กินเจ เดือน 9 กำหนดระยะเวลากินเจประมาณ 9 ถึง 10 วัน

ที่มาของการกินเจ มีหลายตำนาน จิตรา ก่อนันทเกียรติ เขียนไว้ใน“ตึ่งหนั่งเกี้ย” (สำนักพิมพ์จิตรา) ว่า บางตำรากินเจเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง การให้ร่างกายได้พักเนื้อสัตว์ กินแต่พืชผัก จะได้ชำระร่างกายให้สะอาด

 

แต่คนจีนบางหมู่บ้าน กินเจเพื่อระลึกถึง “หงี่หั่วท้วง” นักรบโบราณ ที่ต่อต้านพวกแมนจู ก่อนออกรบ พวก“หงี่หั่วท้วง” จะนุ่งขาวห่มขาว คาดผ้าขาวรอบศีรษะ ปักธูปหนึ่งดอก แล้วเริ่มถือศีลกินเจ เชื่อกันว่า ถ้าถือศีลกินเจครบถ้วน...เวลาออกรบ ก็จะอยู่ยงคงกระพัน ข้าศึกฟันแทงไม่เข้า และมักจะได้ชัยชนะกลับมา

ต่อมา ความเชื่อเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ก็เริ่มหายไป เมื่อพวกแมนจูเริ่มใช้ปืน อานิสงส์การถือศีลกินเจ คุ้มร่างกายจากของมีคม หอกดาบ แต่ช่วยป้องกันกระสุนไม่ได้ ความตาย ความพ่ายแพ้ของนักรบ หงี่หั่วท้วง เป็นการพลีชีพเพื่อชาติ จึงต้องกินเจเพื่อแสดงความระลึกถึง

 

ตำนานกินเจที่เชื่อถือกันแพร่หลาย ก็คือ ในเวลา 10 วันตอนต้นเดือน 9 เป็นช่วงเวลา เก้าอ๊วงฮุดโจ้ว ทีมพระพุทธเจ้า 9 องค์ จะผลัดเปลี่ยนกันองค์ละวัน เสด็จจากสวรรค์ลงมาโปรดมนุษย์ ถือกันว่า นี่คือช่วงเวลา...ฮุดโจ้วเฮี้ยง พระพุทธเจ้าจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เก้าอ๊วงฮุดโจ้ว ประกอบด้วยพระพุทธเจ้า 7 องค์ พระโพธิสัตว์ 2 องค์ แบ่งภาคลงมาในรูปแบบเทพเจ้า แต่งกายเหมือนกษัตริย์ แล้วก็แบ่งภาคต่อจากเทพเจ้า ไปเป็นดาวพระเคราะห์ 9 ดวง พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์ ดาวพระราหู และดาวพระเกตุ

ดาวทั้ง 9 คือกำเนิดแห่งจักรราศี ในทางโหราศาสตร์ การหมุนหรือเคลื่อนตัวของแต่ละดวงดาว มีผลต่อโลก เช่นน้ำขึ้นน้ำลงเพราะอิทธิพลจากดวงจันทร์ วันใดดาวเคราะห์ดวงใดหยุดหมุน แสดงว่าเทพเจ้าแห่งดวงดาวหยุดทำงาน นั่นหมายถึงโลกาวินาศ

เชื่อกันว่า เทพเจ้าทั้ง 9 นี้ มีอำนาจในการบริหารธาตุทั้งห้า คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง
คนจีนเชื่อว่า คนเราถ้าไม่มีธาตุลม ก็ตาย สัตว์ทั้งหลายไม่มีธาตุน้ำ ก็ตาย ต้นไม้ทั้งมวล ถ้าหมดธาตุดิน ก็อับเฉาเหี่ยวแห้ง สัตว์โลกทั้งปวง ถ้าไม่มีธาตุไฟ ก็ตาย และการค้า...ถ้าไม่มีธาตุทอง ที่ใช้เป็นแทนค่าเงินตรา ระบบการค้าจะดำเนินไปไม่ได้

    จิตรา ก่อนันทเกียรติ อธิบายเรื่องการกินเจต่อไปอีกว่า
    คำว่า เจ มีสองความหมาย ความหมายแรก ถือศีล ความหมายที่สอง เจ ไม่มีคาว
    คำนี้จะเขียนด้วยสีแดง สีแห่งสิริมงคล บนพื้นสีเหลือง สีของผู้ทรงศีล

    หลักการกินเจที่แท้จริง มีสองประการ
    1. กินอย่างไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    2. กินอย่างไม่เบียดเบียนตนเอง

การกินอย่างไม่เบียดเบียนตนเอง คือ การกินอาหารที่ไม่ไปทำลายสุขภาพร่างกาย คนจีนโบราณเชื่อว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าเป็นอาหาร มีพิษร้ายแฝงอยู่มาก และหลักความเชื่อนี้ก็เชื่อมโยงมาถึงการไม่กินผักที่มีกลิ่นฉุนทั้ง 5 กระเทียม หัวหอม กุยช่าย หลักเกียว (คล้ายกระเทียมแต่เล็กกว่า) และใบยาสูบ ผักเหล่านี้มีรสหนัก กลิ่นแรง
     - กระเทียม จะทำลายธาตุไฟในร่างกาย ทำให้หัวใจทำงานไม่ปกติ
     - หัวหอม จะทำลายธาตุน้ำในร่างกาย ทำให้ไตทำงานไม่ปกติ
     - กุยช่ายจะทำลายธาตุไม้ในร่างกาย ทำให้ตับทำงานไม่ปกติ
     - หลักเกียว จะทำลายธาตุดินในร่างกาย ทำให้ม้ามทำงานไม่ปกติ และ
     - ใบยาสูบ จะทำลายธาตุโลหะในร่างกาย ทำให้ปอดทำงานไม่ปกติ
    ในผักกลิ่นฉุนทั้ง 5 มีข้อยกเว้นให้กระเทียม เป็นยา เมื่อเจ็บป่วย หรือร่างกายต้องการ อนุญาตให้กินได้



หลักการยกเว้นผักทั้ง 5 จึงทำให้เห็นความแตกต่าง ระหว่างการกินเจ กับมังสวิรัติ
มังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์ใดๆ แต่กินไข่กับผักทุกชนิด แต่กินเจ ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินไข่ ไม่กินผักกลิ่นฉุนทั้ง 5 แต่การกินเจ จะสมบูรณ์ได้ ก็ต้องถือศีล สมกับคำถือศีลกินเจ จึงจะถือว่า ได้อานิสงส์สมบูรณ์ครบถ้วน.

บาราย

ที่มา http://www.thairath.co.th/column/pol/kumpee/374103
ภาพจาก http://img.kapook.com/

[Jojo]

 

[MICRONE]

น่าจะไมจริง เพราะ เห็น ในเทศกาล กินเจ บรรดา ร่างทั้งหลาย ล้วนแล้ว แต่ โชกเลือด แทงเข้าทั้งนั้น