สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 12, 2013, 11:11:58 am



หัวข้อ: คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 12, 2013, 11:11:58 am

(http://entertainment.goosiam.com/news/admin/my_documents/my_pictures/ZD3_13572012121357201236l.jpg)

คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้า

ปัญหาสำหรับคนวัยทำงานที่พบบ่อยก็คือ ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการทุ่มเททำงานจนขาดการดูแลรักษาร่างกายตามสมควร หนุ่มสาวออฟฟิศหลายคนเมื่ออายุมากขึ้น หน้าท้องที่เคยแบนราบกลับป่องขึ้น สิ่งที่เคยเรียกว่าท้องเปลี่ยนเป็นพุง ลำแขนเล็กเรียวเพรียวงามกลับใหญ่ขึ้นจนมีขนาดปานท่อนขา ไฟท้ายเคยตึงเต่งกลับขยายตัวออกทุกทิศทางอย่างไม่หยุดยั้งเหมือนจักรวาลตามทฤษฎีบิ๊กแบง

การกินมากอ้วนมากย่อมส่งผลต่อชีวิต และอันที่จริงปัญหานี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรเลย เพราะนับแต่สมัยพุทธกาลปัญหาโรคอ้วนก็ได้มีการบันทึกไว้แล้ว เคยมีคนทูลถามพระพุทธองค์ ซึ่งก็ได้พระราชทาน “คาถาลดความอ้วน” ไว้เสียด้วย

เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งสาวัตถี แคว้นโกศล เข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อสนทนาธรรม คุยกันไปคุยกันมาพระเจ้าปเสนฯ ได้ตรัสปรึกษาว่าตัวพระองค์เองเป็นพวกช่างกิน เสวยจุบจิบทั้งวันไม่หยุดหย่อน จนร่างกายอ้วนใหญ่ รู้สึกอึดอัด เดินอุ้ยอ้ายไม่คล่องแคล่ว เสด็จไหนนิดหน่อยก็เหนื่อยหอบ กลางวันก็ง่วงเหงาหาวนอน ออกว่าราชการไม่ค่อยไหว

พระพุทธเจ้าจึงทรงเมตตาพระราชทานคาถา (อันแปลว่าบทกลอนท่องบ่น ไม่ใช่หมายถึงคาถาอาคมแนวเดรัจฉานวิชา [ความรู้ที่ขวางการหลุดพ้น] อย่างที่เรามักเข้าใจนะครับ) บทหนึ่งแก่พระเจ้าปเสนฯ ความว่า

    มะนุชัสสะ สะทา สตีมะโต มัตตัง ชานะโต ลัทธะโภชะเน
    ตะนุกุสสะ ภะวันติ เวทะนา สะณิกัง ชีระติ อายุ ปาละยัง


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/150417/2.jpg)

หลังจากได้คาถามา ก็ทรงดีพระทัยยิ่ง ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาเสวย พระเจ้าปเสนฯ จะทรงให้มหาดเล็กคนหนึ่งยืนระวังอยู่ตรงข้างโต๊ะเสวย โดยทรงกำชับว่าหากมหาดเล็กเห็นพระองค์เสวยจนอิ่มแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุด ก็ให้ท่องคาถาลดความอ้วนที่พระพุทธเจ้าพระราชทานไว้ ออกมาให้ดังๆ เพื่อเตือนสติให้ทรงหยุดเสวย

ผลจากการปฏิบัติตนตามคอร์สไดเอ็ตที่พระเจ้าปเสนฯ ทรงดีไซน์ขึ้นนี้ ก็คือ พระองค์ทรงสามารถลดปริมาณพระกระยาหารที่เสวยต่อมื้อลงได้เรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ทรงลดความพระอ้วนลงไปได้หลายกิโล

จะว่าไปแล้ว การที่พระเจ้าปเสนฯ ทรงลดน้ำหนักได้นั้น ไม่ได้เป็นเพราะผลจากอิทธิฤทธิ์ความขลังของคาถาลดความอ้วนที่รับพระราชทานมาจากพระพุทธองค์หรอกครับ แต่การที่ทรงสามารถระงับพระทัยให้ทรงหยุดเสวยได้เมื่อได้ยินมหาดเล็กท่องคาถาให้ฟัง ก็เพราะทรงได้ฉุกคิดตามเนื้อความในคาถาต่างหาก


ผู้อ่านก็คงอยากทราบแล้วใช่ไหมครับว่า คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้ามีเนื้อความว่าอย่างไร ถ้างั้นก็ขอเฉลยเลยแล้วกันนะครับ คาถาข้างบนถอดความได้ว่า

  ....ผู้มีสติรู้ตัวตลอดเวลาขณะกินอาหาร จะมีโรคน้อย แก่ช้า และอายุยืน....

     เป็นไงครับ ทีนี้ก็คงสว่างกระจ่างใจกันแล้วนะครับ
     ว่าทำไมพระเจ้าปเสนฯ จึงลดความอ้วนได้สำเร็จ
     นั่นก็เพราะพระองค์ทรงฟังคาถาออกนั่นเอง

     ทุกมื้อ ขณะกำลังเสวยพระกระยาหารอย่างเมามัน
     หากเริ่มจะมากจนเลยเถิด ก็จะมีเสียงมหาดเล็กลอยเตือนขึ้นมา ทำนองว่าอย่าทรงเหวยมากนะพะย่ะค่ะ
     ไม่งั้นจะทรงอ้วน สมองไม่แล่น ง่วงเหงาหาวนอนทั้งวัน แล้วจะทรงว่าราชการไม่ได้ผลดี


(http://www.bloggang.com/data/patthanid/picture/1224528949.jpg)

      จะว่าไปแล้ว อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งของการเจริญภาวนาจนเกิดปัญญาถึงขั้นหลุดพ้น
      ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ซึ่งถือเป็น “งาน”
      สำคัญที่สุดในมุมมองของชาวพุทธ ก็คือ “ความง่วงเหงาหาวนอน” ที่จัดเป็นหนึ่งใน ๕ ของตัวถ่วงความเจริญของจิตใจ (นิวรณ์ ๕) อันประกอบด้วย ความพอใจในกาม ความผูกใจพยาบาท ความง่วงเหงาหาวนอนขณะภาวนา ความคิดฟุ้งซ่านรำคาญหงุดหงิด และความลังเลสงสัยในประโยชน์ของการภาวนา

      หัวใจสำคัญของคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ดูจะหนีไม่พ้นการภาวนาเจริญสติให้รู้อยู่ในปัจจุบันอย่างไม่ประมาท เพราะการมีสติถือว่ามีประโยชน์ทั้งในทางธรรมและทางโลก ไม่ว่ากิจการงานใด หากกระทำไปโดยขาดสติกำกับ ก็อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่องานที่ตนรับผิดชอบ จนถึงต่อองค์กรที่ตนทำงานอยู่ได้ เช่น การขาดสติบันดาลโทสะจนทำร้ายเพื่อนร่วมงาน หรือการขาดสติไม่รู้ถึงความละโมบที่เกิดขึ้นในใจตนจนถึงกับหลงไปยักยอกทรัพย์สินบริษัทมาเป็นของตน

       ความมีสติมีคุณในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ บุคคลผู้มีปัญญาย่อมสามารถตักตวงประโยชน์จากความมีสติได้อย่างไม่จำกัด ดังเช่นพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ทรงลดความอ้วนได้ก็เพราะทรงมีสติในบริโภคนั่นเอง
       สาวๆ ท่านใดสนใจจะนำคาถานี้ไปประกอบการลดน้ำหนักก็เชิญได้เลยนะครับ.....


ที่มา http://www.ocsc.go.th/ocsccms/frontweb/vie...ntID=CNT0004030 (http://www.ocsc.go.th/ocsccms/frontweb/vie...ntID=CNT0004030)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic....f=7&t=18548 (http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic....f=7&t=18548)
ขอบคุณ http://ibc.ac.th/thai/node/75 (http://ibc.ac.th/thai/node/75) โพสต์โดยคุณ ann
ขอบคุณภาพจาก http://entertainment.goosiam.com/,http://www.dailynews.co.th/,http://www.bloggang.com/ (http://entertainment.goosiam.com/,http://www.dailynews.co.th/,http://www.bloggang.com/)


หัวข้อ: Re: คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 12, 2013, 11:27:37 am

(http://www.bloggang.com/data/j-jinny/picture/1268397587.jpg)

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
โทณปากสูตรที่ ๓

    [๓๖๔] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ... เขตพระนครสาวัตถี ฯก็สมัยนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสวยพระสุธาหารหุงด้วยข้าวสารหนึ่งทะนาน ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสวยแล้วทรงอึดอัด เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค แล้วประทับนั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

     [๓๖๕] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลนั้นเสวยแล้วทรงอึดอัด จึงได้ทรงภาษิตพระคาถานี้ในเวลานั้นว่า
          มนุษย์ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้จักประมาณในโภชนะที่ได้มา
          ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาย่อมแก่ช้า ครองอายุได้ยืนนาน ฯ
          มนุชสฺส สทา สติมโต มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน
          ตนุกสฺส  ภวนฺติ เวทนา สณิกํ ชีรติ อายุ ปาลยนฺติ ฯ



(http://www.numchoke.com/images/catalog_images/1279512152.jpg)


     [๓๖๖] ก็สมัยนั้น มาณพชื่อสุทัศนะ ยืนอยู่เบื้องพระปฤษฎางค์พระเจ้าปเสนทิโกศล ฯ
     ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตรัสเรียกสุทัสสนมาณพมารับสั่งว่า มาเถิด เจ้าสุทัศนะ เจ้าจงเรียนคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาค แล้วจงกล่าวในเวลาเราบริโภคอาหาร อนึ่ง เราจะให้นิตยภัตแก่เจ้าวันละ ๑๐๐ กหาปณะทุกวัน ฯ

     สุทัสสนมาณพรับสนองพระดำรัสพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า เป็นพระมหากรุณาอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าข้า ดังนี้ แล้วเรียนคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคกล่าวในเวลาที่พระเจ้าปเสนทิโกศล เสวยพระกระยาหารว่า
          มนุษย์ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้จักประมาณในโภชนะที่ได้มา
          ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาย่อมแก่ช้า ครองอายุได้ยืนนาน ฯ

     [๓๖๗] ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงดำรงอยู่โดยมีพระกระยาหารหนึ่งทะนานข้าวสุกเป็นอย่างมากเป็นลำดับมา ฯ
     ในลำดับต่อมา พระเจ้าปเสนทิโกศลมีพระวรกายกระปรี้กระเปร่าดี ทรงลูบพระวรกายด้วยฝ่าพระหัตถ์ ทรงเปล่งพระอุทานนี้ในเวลานั้นว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงอนุเคราะห์เราด้วยประโยชน์ทั้ง ๒ คือ ประโยชน์ภพนี้ และประโยชน์ภพหน้าหนอ ฯ


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๒๖๓๑ - ๒๖๕๖. หน้าที่ ๑๑๖ - ๑๑๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=2631&Z=2656&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=2631&Z=2656&pagebreak=0)             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=364 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=364)
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/,http://www.numchoke.com/ (http://www.bloggang.com/,http://www.numchoke.com/)


หัวข้อ: Re: คาถาลดความอ้วนของพระพุทธเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: สมภพ ที่ มีนาคม 12, 2013, 12:21:11 pm
   มนุษย์ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้จักประมาณในโภชนะที่ได้มา
          ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาย่อมแก่ช้า ครองอายุได้ยืนนาน ฯ

 คาถาสำคัญ นะครับ บทนี้

  st11 st12 st12 st12 st12