ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนที่ใช่ ....กับรักที่ไม่....  (อ่าน 2216 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คนที่ใช่ ....กับรักที่ไม่....
« เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 07:47:32 am »
0


 คนที่ใช่กว่า...
เรามีเรื่องของคู่รัก 2 คู่มาเล่าให้ฟัง ?
ทั้ง 2 คู่ต่างก็เป็นคู่รักที่รักกันมาก
ด ูแลเอาใจใส่และเข้าอกเข้าใจกันมานาน
7- 8 ปี
เป็นคู่รักที่คนรู้จักต่างก็แน่ใจว่า
อีกไม่นานก็คงได้ยินข่าวดีจากคู่รัก 2คู่นี้แน่ๆ
แต่แล้ววันนึงก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันขึ้นกับคู่รักท ั้ง 2 คู่

.....เมื่อฝ่ายชายก็ได้พบใครใหม่ที่คิดว่า 'ใช่ ' มากกว่า
ผู้หญิงคนใหม่ที่สวยกว่าและมีเสน่ห์มากกว่า
ฝ่ายชายตัดสินใจคบดูใจด้วย โดยที่ยังไม่เลิกกับคู่รักเดิม ?.
ยิ่งคบเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่
ผู้หญิงคนใหม่ที่คบกันมา
2 - 3 เดือน
กับคนรักคนเดิมใน 7- 8 ปีที่ผ่านมา
เริ่มถ่วงดุลน้ำหนักที่เท่ากันบนตาชั่งการตัดสินใจขอ งเขา
ทายสิว่า ชายหนุ่มทั้งคู่เลือกใค ร
เขาทั้งคู่เลือกผู้หญิงคนใหม่ ....
สิ่งที่ผู้ชายทั้งคู่ต่างหยิบยกมากล่าวถึงก็คือ คนรักคนเดิมที ่เคยคบด้วย
มีอะไรบางอย่างที ??เขาไม่ค่อยชอบใจ อาจจะเป็นนิสัยส่วนตัวบางประการ
แต่ในขณะที่คบกันมานั้น
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาพอรับได้เมื่อเทียบกับความดีอื่นๆ ที่เธอทำให้เขา
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักอย่างหมดใจที่เธอมีให้เข า
แต่วันนึงที่พบผู้หญิงคนใหม่ อะไรที่เคยทนได้ก็กลับทนไม่ได้ขึ้นมา
โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงคนใหม่ไม่ได้มีข้อเสียในจุดนั้น เหมือนคนรักเก่า

 
แต่ข้อแตกต่างอยู่ที่ ? ผู้ชายคนที่ 1
ถูกคนรักของเขาจับได้เองว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่
และเมื่อขาบอกว่าเ ขาเลือกผู้หญิงคนใหม่ เขาให้เหตุผลว่า
' เขาดีกว่าคุณทุกอย่าง เขาคอยดูแลผมเขาเข้าใจผม(และที่สำคัญเขาสวยกว่า และใหม่กว่าคุณด้วย) '
ส่วนผู้ชายคนที่ 2 ?
เลือกสารภาพกับคนรักว่า

'ผมเป็นคนผิดเองที่นอกใจคุณ แต่คนที่ผมเลือกก็เป็นเขาขอโทษนะ ผมผิดเอง ขอโทษจริงๆ'
ถามคุณว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างการปฏิบัติของผู้ชาย 2 คนนี้
?. แบบไหนที่ดูเป็น 'ลูกผู้ชาย' มากกว่ากัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้ามีทางเลือก...
ผู้หญิงเราคงไม่เลือกสักทาง จริงไหม
เพราะถ้ าเราเลือกได้จริงๆ เราก็ขอเลือกให้เขามีเราคนเดียวมากกว่า
เราเชื่อว่า สิ่งที่คนส่วนใหญ่(อาจจะไม่ทุกคน ? แต่ ก็เชื่อว่าเป็นจ ำนวนมาก)
ต้องการมากที่สุดในการตัดสินใจที่จะรักและใช้ชีวิตอย ู่ร่วมกับใครสักคนแล้ว

 
ก็คือความ'จงรัก' และ'ภักดี'

 
คุณทมยันตี เคยกล่าวถึงคำทั้ง 2 คำไว้ และเราสรุปเป็นใจความได้ว่า
'จงรัก' อาจจะมากมายในวัยหนุ่มสาว
อา จจะร้อนแรง อาจท่วมท้นในยามแรกรัก!
แต่วันนึงอาจจะจืดจางได้ตามกาลเวลา
แต่คนรักคู่ใดๆในโลกก็มักเริ ่มชีวิตคู่ด้วยคำๆ นี้

 
แต่ 'ภักดี' นั้นชั่วชีวิต
ความจงรักหรือความรักนั้น เราเชื่อว่ามันไม่เข้มข้น ร้อนแรงตลอดไปก็จริง
แต่มันคงเหลืออวลไอเป็นใยบางๆ ไว้ตราตรึงใจบ้างกระมังในยามที่เราหวนนึ กถึงมัน
แต่การที่คนสองคนอยู่กันมานานแสนนานขนาดนี้ ย่อมต้องมีความผูกพัน
ความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจซึ่งกันและกันบ้างไม่มากก็ น้อย

 
สิ่งที่เราเห็นจากคู่รักทั้ง 2 คู่ก็คือ
? ฝ่ายชายหมดความ 'จงรัก' ลงไป
แต่ความรู้สึกอื่นๆ ล่ะ ความผูกพันของคนสองคน ความเห็นอกเห็นใจ
ความเข้าอกเข้าใจที่เคยมี มันไม่เหลือพอที่จะผูกใจเขาให้อยู่กับเราแล้วหรือ
คู่รักทั้ง 2 คู่ เป็นคู่ที่เรารู้จักดีทั้ง 2 คู่ ตอนที่เขารักกัน
เขาก็รักกันมาก เขาดูแลกันเป็นอย่างดี ตอนนี้เมื่อถึงจุดแตกหัก
เราพอรู้ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นอย่างไร
พอเข้าใจว่าผู้หญิงที่รักและภักดีต่อฝ่ายชายแต่เพียง ผู้เดียวจะรู้สึ กอย่างไร

ผู้หญิง 1 ใน 2 คนนี้บอกกับฝ่ายชายตอนที่เขามาขอเลิกว่า
' ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่กับคุณก่อน จะอยู่ดูแลคุณอีกสักพักเพราะตอนนี้
คนรอบข้างคุณและ! เพื่อนๆ ของเราไม่ค่อยมีใครอยู่ข้างคุณแล้ว
พอเพื่อนๆ ของเรายอมรับผู ้หญิงคนใหม่ของคุณได้แล้วฉันก็จะไป'

แต่ฝ่ายชาย เราไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะคิดอย่างไร
อาจจะกำลังมีความสุขกับผ ู้หญิงคนใหม่ ความรักอาจกำลังท่วมท้น
อาจกำลังวางแผนสร้างอนาคตที่สดใสกันอยู่
เขาอาจจะมีความรักที่รุ่งโรจน์กว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้
เรา ก็หวังไว้แต่ว่าวันนึง เขาคงจะไม่เจอคนที่ 'ใช่มากกว่า' อีก
เพราะนั่นหมายถึง ผู้หญิงที่ต้องเสียใจจะเพิ่มขึ้นอีก 2 คน
ถ้าเราคิดจะมองหาคนที่ถูกใจ
คนที่ ' ใช่ ' คุณเชื่อไหมว่า
เราหาได้เกือบชั่วชีวิต

 
แต่คนที่จะตรงใจคุณจริงๆ 100% นั้น ไม่มีหรอก
นอกจากคุณจะหยุดความต้องการที่ไม่มีข้อสิ้นสุดของตัว คุณเองลง

 
เราเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา ไม่ได้ต้องการบอกว่าใครผิดใครถูก
แต่ต้องการให้คุณหยุดคิดสักนิดว่า อะไรในชีวิตที่คุณต้องการ
อะไรที่เป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่ากัน

 
มนุษย์เรา หากจะรักและคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร
ก็คงจะต้องกา รเพียงแต่ ' เพื่อนคู่ชีวิต' สักคน

 
คนที่อยู่กับเราเสมอไม่ว่ายามทุกข์ยาก ลำบาก
หรือผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน
คนที่มองเห็นข้อเสียและข้อผิดพลาดของคุณ แต่ก็ยังรักและยังอภัยให้คุณได้เสมอ

 
คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณแม้คุณจะกลายเป็นตาแก่หัวล้าน พุงยาน หนังเหี่ยว
เขาก็พร้อมที่จะแก่เฒ่าไปพร้อมกับคุณ
แต่คนที่ว่ามานี้
คุณมักลืมเขาในยามที่คุณยัง มีความสุขอยู่

ในยามที่ชีวิตของคุณยังเป็น 'ผู้เลือก' ที่ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ถูกเลือกได้อยู่
ในยามที่คุณยังมีหน้าตา
มีเครื่องประกอบชีวิตที่เป็นที่สนใจจากคนเหล่านั้นอย ู่
คุณอาจจะต้องนึกถึงเขาอีกที ในยามที่คุณไม่มีใครแล้ว

 
ในยามที่คนที่คุณคิดว่า ' ใช่ '
 
เขาก็ไปกับคนใหม่ที่เขาก็คิดว่า ' ใช่ '
มากกว่าคุณเหมือนกัน

 
ปล. เราหวังว่าจดหมายฉบับนี้ จะได้รับการส่งต่อให้คนทุกคนได้อ่านโดยทั่วกัน
เพราะเราตั้งใจเขียนจริงๆ แ ละเรื่องที่เขียนทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง
และจะเป็นความกรุณามาก ถ้าทุกท่านจะช่วยส่งต่อๆ กันไปให้คนที่ท่านอยู่จัก
อย่ างน้อยสัก 5 คน
เราขออวยพรให้ความรักของทุกท่านจงประสบแต่ความสุขสมหวัง
ขอขอบคุณจากใจจริง
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
กว่าจะลงเอย... กันได้
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 12:03:45 pm »
0
กว่าจะได้เป็นเ้จ้าสาวเจ้าบ่าว...
รัก, ความรัก, เนื้อคู่
แก้ไขล่าสุด MeeHa เมื่อ 2-6-2010 17:53

ภาคแรก.........

บ่าว เป็นหนุ่มชาวสมุทรปราการวัยยี่สิบปลายๆ มีฟาร์มกุ้งของตัวเองที่ต้องดูแล และยังมีกิจการอื่นๆอีกบ้าง เช่นขายหิน ไม้กระบอก ไม้รวก

บ่าวจะล่องเรือเอี้ยมจุ๊น สองคนกับน้องชายจากสมุทรปราการเลาะชายฝั่งทะเลไปเข้าปากแม่น้ำ แม่กลอง แล่เรือทวนน้ำจากแม่กลองไปราชบุรีเพื่อซื้อหินที่ท่าหินซึ่งตั้งอยู่ริมแม่ น้ำที่ตัวเมืองราชบุรี แล้วแวะซื้อไม้ไผ่และไม้รวกที่มีขายอยู่ที่ท่าไม้ใกล้ๆกันเอาไปขายที่ สมุทรปราการ

ตั้งแต่ครั้งแรกที่บ่าว แวะ ซื้อไม้รวกและไม้ไผ่ที่ท่านั้น บ่าวสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในวัยยี่สิบต้นๆ เป็นหญิงสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง แต่ท่าทางเธอขยันช่วยครอบครัวค้าขาย เพราะมากี่ครั้ง ก็จะเห็นหญิงสาวช่วยพ่อแม่ค้าขายอยู่ทุกครั้ง



เป็น เวลานาน ที่บ่าวแวะซื้อไม้จากท่านี้เป็นประจำทุกเที่ยวที่มา ไม่เคยเปลี่ยนไปซื้อท่าไหนเลย และได้พบกับเธอ "สาว" ทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรกันเลย

เนื่องจากทราบว่าพ่อแม่หวงลูกสาว แต่อะไรจะห้ามความรักได้ ในเมื่อทั้งสองคนที่ได้แค่สบตากันเท่านั้นต่างก็มีความรู้สึกตรงกันทั้งที่ ไม่เคยคุยกันสักครั้ง

วันหนึ่งบ่าวแวะมาซื้อไม้อีก วันนี้เขาตัดสินใจที่ จะบอกความในใจให้สาวได้รับรู้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม แต่บ่าวก็แอบมีความหวัง เพราะสายตาสาวเจ้านั้นไม่มีแววของความรังเกียจเลยแม้แต่น้อย แล้วเวลานั้นก็มาถึง เมื่อสาวเจ้าขนไม้รวกมาส่ง พอเดินเฉียดเพราะบ่าวตั้งใจ

บ่าวกระซิบเบาๆพอได้ยิน กันสองคนด้วยคำพูดคำแรกที่พูดด้วย " คิดถึงนะ" ความรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย หัวใจชุ่มชื้นไปด้วยความสุข

สาวเจ้าก็คงรู้สึกไม่แพ้กัน เพราะบ่าวสังเกตได้ว่าหล่อนอาย แต่ก็เก็บอาการเพราะกลัวสายตาพ่อกับแม่อยู่ ก่อนจะถอยเรือออกจากท่า

บ่าว เห็นสายตาที่ส่งมาของสาวเจ้าอีกครั้ง......ช่างเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึก อบอุ่นและเริงร่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตวัยหนุ่มของบ่าว

ตั้งแต่วันนั้นบ่าวนอนหลับอย่างมีความสุข ทรมานนิดๆกับความคิดถึง แต่มันช่างเป็นความทรมานที่เปี่ยมด้วยความสุขเสียนี่กระไร
และ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สาวเจ้าก็เฝ้าชะเง้อมองเรือ เมื่อไรหนอเขาจะมา เวลาช่างเชื่องช้าเหลือเกิน เวลาล่วงเลยไปนานวันอย่างที่เป็นอยู่

ความรักเกิดแล้ว สองเราเข้าใจกันแล้วทางสายตา บ่าวรู้แล้วว่านี่คือคนที่เขาต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วยไปชั่วชีวิต แล้วจะมีทางใดเล่าที่จะทำให้เป็นเช่นนั้น

ในที่สุดบ่าวตัดสินใจเข้าไปคุยขอแต่งงานกับแม่ของสาวเจ้าโดยไม่ได้บอกให้สาว เจ้ารู้ล่วงหน้า เพราะคุยกันไม่ได้ บอกความในใจและความต้องการของตน

แม่ของสาวเจ้านิ่ง และตอบแบบนิ่งๆ โดยหลอกบ่าวว่า มีหนุ่มแบ๊งค์จับจองไว้แล้ว และจะมาขอเร็วๆนี้ จะด้วยไม่ชอบบ่าว หรือยังไม่อยากให้ลูกสาวออกเรือนก็ไม่มีใครเดาได้แต่ที่แน่ๆคือแม่ไม่ได้บอก เรื่องนี้ให้สาวฟัง จึงมีเพียงสาวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย

หัวใจบ่าวแตกสลายทันที สาวเจ้ามีคนรักแล้วทำไมจึงส่งสายตาเช่นนั้น เกิดความสับสนในใจ น้อยใจ ทำไมสาวเจ้าไม่แสดงให้รู้แต่ต้นว่าไม่รับไมตรี รู้สึกเสียหน้า

หัวใจมันแตกสลายจริงๆกับรัก ครั้งแรก บ่าวเดินลงเรือ ถอยเรือออกจากท่ากลับบ้านโดยไม่หันไปมองสาวเจ้าเลยแม้แต่น้อย และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่แวะมาที่นี่อีกเลย

และบ่าวก็ทำเช่นนั้นจริงๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี สาวเจ้าชะเง้อมองเรือเอี้ยมจุ๊นลำนั้นทุกวัน เขาหายไปไหน เขาเป็นอะไรไปหรือเปล่า หรือเขามีคนอื่น หรือ.............

สารพัดคำถามที่ ผุดขึ้นในใจ มันกัดกร่อนและทรมานเหลือเกิน ป่านนี้เขาคงมีคนอื่นไปแล้วกระมัง เวลาล่วงเลยไปหลายปี เลิกชะเง้อมองเรือเอี้ยมจุ๊นลำนั้นเถอะสาว เขาคงไม่มาแล้วหละ



ภาค จบ.............

นาน มากแล้ว " สาว"ยังเป็นหญิงที่อยู่กับเหย้าเฝ้าแต่เรือน เพราะไปไหนด้วยตัวเองไม่เป็น ขับขี่รถไม่ ได้ จึงอยู่แต่บ้านไม่ไปไหน สังคมของหล่อนคือบ้านเท่านั้น และสายน้ำหน้าบ้านที่ต้องเห็นทุกวันคือเครื่องตอกย้ำความรัก ความคิดถึง ที่ดูเหมือนไม่มีวันรู้ว่าทำไมเขาจึงจากไป และแม่ของสาวก็จากโลกนี้ไปพร้อมกับความลับที่สาวไม่รู้ตลอดกาล

บ่าวก็ยังเป็นบ่าวคนเดิม ทำงาน งาน และงาน ที่แน่วแน่คือไม่ไปท่าไม้นั้นอีกเลย มันทรมานหัวใจที่พบรักครั้งแรกของชายหนุ่มจนเกินจะยอมรับ

ป่านนี้เค้าคงมีความสุขกับหนุ่มธนาคารคนนั้น พร้อมหน้าทั้งพ่อ แม่ ลูก

ณ งานราชบุรีไชน่าทาวน์ 2009 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นเวลาที่ล่วงเลยมาจากเหตุการณ์ของ "บ่าว" และ "สาว" ดังที่กล่าวมาแล้ว 20 กว่าปี.................โอ....พระเจ้า...........

สาว ยังคงเป็นแม่บ้านแม่เรือนเหมือนเดิม ไม่ได้ไปไหนกับเขา น้าของสาวจึงชวนสาวไปเปิดหูเปิดตา มารับพาไปเดินชมงานไชน่าทาวน์ และในขณะที่เดิมชมงานอยู่นั้น

สาวเหลือบไปเห็นชายคน หนึ่ง โดยบังเอิญ คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนคุ้นๆ สาวมองเพ่งอย่างตั้งใจ ชายผู้นั้นมากับครอบครัว ทั้งลูกและภรรยา มองชัดๆ ใช่แน่นอน

เขาคือน้องชายของพี่บ่าวคนที่ล่องเรือมากับพี่บ่าวทุกเที่ยวนีนา สาวตัดสินใจร้องทัก เขาหันมา โอ ใช่จริงๆด้วย

การสนทนาเริ่ม ขึ้น ความลับกำลังถูกเปิดเผย สาวเริ่มรับรู้ถึงสาเหตุที่ "เขา" จากไปโดยไม่ร่ำลา และที่รู้มากกว่านั้นคือ

"เขา" ยังคงเป็นคนเดิม ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับสาวคนไหน ไม่มีคนใหม่ ยังครองความเป็นโสดตลอดมา และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องที่จบไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว.....

เรื่องราวเมื่อคืนที่งานไชน่า ทาวน์ ได้ถูกถ่ายทอดไปถึงบ่าว เริ่มมีการติดต่อกันอีกครั้ง บ่าว ติดต่อกับสาว และแวะมาหาสาวที่บ้าน เหมือนมาค้นหาความจริง และความมั่นใจ

ว่าที่ได้รับฟังมานั้นไม่ใช่ เรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่เคยมีหนุ่มแบ๊งค์คนไหนมาข้องแวะเลย ไม่เคยมีใครเลย

" เรามาแต่งงานกันนะ ผมอยากให้คุณมีลูกให้ผม" บ่าวบอกสาว

แน่ นอน หล่อนไม่ขัดหรอก แต่............ " สาวไม่มีมดลูกแล้ว มีปัญหาสุขภาพต้องตัดทิ้งไปแล้ว"

บ่าวหมดหวังมีลูกแล้วหละ

" ตอนนี้สาวก็เป็นมะเร็งกล้ามเนื้อ เพิ่งตรวจพบ"

สาวตัดสินใจบอกทุกอย่างให้ บ่าวรู้

ความเงียบเข้ามาครอบงำชั่วขณะ

" ไม่เป็นไร....ไม่เป็นไร... ผมจะดูแลคุณเอง"

ความในใจของบ่าวที่เผยออกมา

" เป็นความผิดของผมที่ทิ้งผู้หญิงคนหนึ่งให้รอคอยมาชั่วชีวิต โดยไม่มีความผิดอะไรเลย ผมจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้" 

สั้นๆ แต่ได้ใจความ และวันนี้ เจ้าสาว ในวัย 43 ปี และเจ้าบ่าว ในวัย 49 ปี
บันทึกการเข้า