ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อีก ๑๐ วัน จะถึง 'วันสิ้นโลก!'..? นานาคำทำนาย  (อ่าน 1452 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



อีก ๑๐ วันจะถึง 'วันสิ้นโลก!' เรื่องของ...มายาทำนาย-พุทธทำนาย-ปฏิทินมายา
เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู

      วันศุกร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ค.ศ.๒๐๑๒ หรือ พ.ศ.๒๕๕๕ ซึ่งหากนับจากวันนี้ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕) ก็จะเหลือเวลาเพียงอีก ๑๐ วันเท่านั้น สำหรับการลุ้นระทึกว่าจะเป็น “วันสิ้นโลก!” ตามคำทำนายของ "ปฏิทินมายา" เชื่อว่า "พลเมืองโลก" บางส่วนกำลังนับถอยหลังรอคอยความจริงที่จะเกิดขึ้นในวันดังกล่าว หลังจากโหมกระแสความหวาดกลัวกันไปทั่วโลกจากภาพยนตร์ชื่อดัง "2012 วันสิ้นโลก" ด้วยถ้อยคำสั้นๆ ที่โดนใจว่า “ใครจะอยู่รอด”

      ภายหลังมีคำทำนายว่า พ.ศ.๒๕๕๕ หรือ ค.ศ.๒๐๑๒ ถือเป็นปีแห่งหายนะของโลก และมีการพยากรณ์เกิดขึ้นมากมายว่าจะเกิดภัยธรรมชาติเกิดแผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด เขื่อนแตก และอุกกาบาตพุ่งชนโลก จนสร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมานี้ มีภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ออกมาฉายเขย่าขวัญชาวโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น Deep Impact (วันสิ้นโลก) Absolute Zero Impact (มหาวิบัติวันสิ้นโลก) The Day After Tomorrow Impact (วิกฤติวันสิ้นโลก)

      นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือสุริยะปฏิทินพันปี บอกว่า เป็นการบังเอิญ หรือฟ้าลิขิตมาแล้วก็ไม่ทราบได้ แต่ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่อไปนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ตรงกับปฏิทินสากล วันที่ ๒๑ December ๒๐๑๒ ได้แก่

    ๑.ตรงกับวันสิ้นโลกตามคำทำนายของปฏิทินเผ่ามายา ประเทศเม็กซิโก ที่ลือกระฉ่อนทั่วโลก
     ๒.เป็นปรากฏการณ์ เหมายัน (Winter solstice) กลางคืนยาวที่สุดในรอบปี เพราะดวงอาทิตย์ทำมุมฉาก กับผิวโลกที่เส้นรุ้ง ๒๓.๕ องศาใต้ หรือภาษาภูมิศาสตร์เรียกว่าเส้น Tropic of Capricorn
     ๓.ตรงกับวันสุดท้ายของเดือน “อะคราหะยาน (Agrahayana) และขึ้นต้นเเดือน “ปุสา” (Pausa) ในปฏิทินมหาศักราช
     ๔.ดาวเคราะห์ ๔ ดวง เรียงตัวเป็นเส้นตรงประกบดวงอาทิตย์ คือ ดาวเสาร์ ดาวศุกร์ ดาวพุธ ดวงอาทิตย์ และดาวอังคาร และ
     ๕.เกิดปรากฏการณ์ “พายุสุริยะ” (Solar Strom)





     อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน และเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ทีมงาน "พยัคฆ์ภูเพ็ก" ได้มีการตรวจสอบตำแหน่งดวงอาทิตย์ และอัตราความเร็วของการหมุนรอบตัวเองของโลก (Speed of Earth's Rotation) โดยตรวจสอบแกนโลกด้วยนาฬิกาแดดกับสมการแห่งเวลาที่เวลาเที่ยงสุริยะ (solar noon) พบว่าทุกอย่างยังคงปกติ เพราะสมการระหว่าง clock time และ solar time ตลอดจนมุมเงยของดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อพื้นโลก ณ เส้นรุ้งที่ ๑๗ องศาเหนือ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

    "ในวันที่ ๒๑ ธ.ค.๒๐๑๒ ไม่ใช่วันสิ้นโลก ตามคำทำนายที่ปรากฏบนปฏิทินเผ่ามายาอย่างแน่นอน ที่มีผู้วิตกในเรื่องดังกล่าว ไม่ต้องกังวลหรือต้องเตรียมตัวอะไรเหมือนในภาพยนตร์ ให้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข" นายสรรค์สนธิ กล่าวยืนยัน

      อนึ่ง วันดังกล่าวตรงกับกิจกรรมสำคัญของทีมงานพยัคฆ์ภูเพ็ก นั่นคือ “ปฏิบัติการวันสิ้นโลก ๒๐๑๒” ซึ่งจะท้าพิสูจน์ระหว่างสุริยะปฏิทิน ปราสาทภูเพ็ก สกลนคร ประเทศไทย กับปฏิทินเผ่ามายา ประเทศเม็กซิโก โดยฝ่ายเราจะพิสูจน์ด้วยหลักวิชาดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์โดยใช้ข้อมูลที่บรรพชนชาวขอมได้ทิ้งไว้ให้ ในแท่งหิน ณ ปราสาทภูเพ็ก ประกาศให้ชาวโลกได้เห็นว่าคำทำนายวันสิ้นโลกของเผ่ามายาเป็นเพียงข่าวลือที่ เขย่าขวัญชาวโลกให้ตื่นกลัวเท่านั้นเอง

      ขณะเดียวกันเพื่อไม่เป็นการประมาทตามที่เราๆ ท่านๆ มักใช้คำพูดว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” ทีมงานพยัคฆ์ภูเพ็กจะจัดให้มีพิธี “ล้างอาถรรพณ์” ในเช้ามืดของวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ นำโดยอาจารย์วรวิทย์ ตงศิริ หรือที่ชาวสกลนครรู้จักในนาม ฤาษีเอก อมตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ และลุงบุปผา ดวงมาลย์ ผู้นำท้องถิ่นที่รู้จักปราสาทภูเพ็ก ทุกซอกทุกมุม





พุทธทำนาย
 
      พระมหาบูรณะ ชาตเมโธ (ป.ธ.๙) หัวหน้าฝ่ายคัมภีร์พุทธศาสน์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และเจ้าอาวาสวัดฉิมทายกาวาส บางกอกน้อย กทม. บอกว่า ในพระไตรปิฎกเองมีหลักฐานการเกิดมหันตภัยทางธรรมชาติหลายครั้ง เช่น
      ระหว่างมีการจารึกพระไตรปิฎกนั้น ชมพูทวีปทั้งหมดประสบภัยแล้งที่ยาวนานหลายปี ผู้คนตายไปจำนวนมาก
      นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าน่าจะเป็นภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในยุคนั้น
      และอาจเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเกิดภัยแล้งที่บรรยายไว้ในคัมภีร์ศาสนาอื่นอีก
      เช่น ศาสนายูดาย หรือพระเวท


      นอกจากนี้แล้ว พระสูตรสั้นๆ อีกพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎกชื่อว่า
      "สุริยสูตร" แสดงพุทธพยากรณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับภัยโลกร้อน ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต
      อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นชาวโลกคนแรกที่พูดถึงภัยโลกร้อน
      ในพุทธพยากรณ์โลกจะร้อนขึ้นทุกปี โดยไม่ทราบสาเหตุ
      จนกระทั่งวันหนึ่งมนุษย์จึงเห็นดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
      จึงรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของโลกร้อนนั้น มาจากการเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ดวงใหม่
      ความร้อนนั้นมีผลต่อสภาพแวดล้อม และต่อมาเกิดดวงอาทิตย์ดวงที่สาม ดวงที่สี่
      เรื่อยไปจนครบเจ็ดดวง เมื่อครบเจ็ดดวงโลกทั้งหมดก็ลุกเป็นไฟ


      พระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่อง "การกำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก"
      ซึ่งปรากฏอยู่ใน อัคคัญญสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ดังมีใจความว่า
    “ดูกรวาเสฎฐะและภารทวาชะ มีสมัย เมื่อโลกกำลังพินาศอยู่ เหล่าสัตว์ย่อมเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม สัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จทางใจ มีปิติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านจากกายตนเอง สัญจรไปได้ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน
      ดูกรวาเสฎฐะ และภารทวาชะ มีสมัยบางครั้งบางคราว โดยระยะกาลยืดยาวนาน ที่โลกนั้นจะกลับเจริญ เมื่อโลกกำลังเจริญอยู่ เหล่าสัตว์พากันจุติ จากอาภัสสรพรหมลงมาอาศัยอยู่ในโลกนี้….”
  (ที.ปา. 11/56/76)
   
      "พระพุทธศาสนามองว่า โลกมีการแตกดับและพินาศไปนั้นเป็นกฎของธรรมชาติ ตามหลักของสามัญญลักษณะ คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนอนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง ทุกข์ขัง คือ ความทุกข์ และอนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกที่เราอาศัยอยู่ มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่บนโลก" พระมหาบูรณะ กล่าว





ปฏิทินมายาปฏิทินสิ้นโลก

      นายสรรค์สนธิ บอกว่า นักโบราณคดียอมรับว่า ชาวมายาเป็นนักดาราศาสตร์ชั้นยอด พวกเขาสามารถคำนวณจำนวนวันในรอบปีได้ ๓๖๕.๒๔๒๐ วัน คลาดเคลื่อนจากของจริงเพียง ๐.๐๐๐๒ วัน เท่านั้น ทั้งๆ ที่ไม่มีกล้องส่องดูดาวและคอมพิวเตอร์อันทันสมัยช่วยคำนวณ และยังถือว่าแม่นยำกว่าปฏิทินสากลที่ใช้ในปัจจุบัน
 
     ปฏิทินของชาวมายาใช้วงรอบ ๕,๑๒๖ ปี โดยนับย้อนหลังไปไกลถึงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๓,๑๑๔ ปี
     ก่อนคริสตกาล (๓๑๑๔ B.C.) จะสิ้นสุดวงรอบ วันที่ ๒๑ ธันวาคม ค.ศ.๒๐๑๒
     ขณะเดียวกัน ชาวฮินดูมีความเชื่อว่า ปฏิทินแห่งโลกกาลียุค (Kali Yuga)
     เริ่มต้นย้อนหลังไปวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๓,๑๐๒ ปี ก่อนคริสตกาล
     และจะเกิดวงรอบใหม่แห่งยุคทอง ในอีก ๕,๐๐๐ ปี ตามคำกล่าวของพระกฤษณะ


     อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบข้อมูลของทั้งสองอารยธรรม จะพบว่า วงรอบใหม่ของปฏิทินอยู่ในกรอบใกล้เคียงกันมาก
     ดังนั้น ค.ศ. ๒๐๑๒ จึงมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ นักโหราศาสตร์สากลซึ่งอาศัยข้อมูลทางดาราศาสตร์ในแง่มุมการเปลี่ยนจักรราศีของโลก รู้ดีว่าใน ค.ศ.๒๐๑๒ โลกจะเริ่มเข้าสู่จักรราศี “คนแบกหม้อน้ำ” (Age of Aquarius) ช่วงสับเปลี่ยนดังกล่าวมักจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างแก่มนุษยชาติ

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20121211/146838/อีก๑๐วันจะถึงวันสิ้นโลก!นานาคำทำนาย.html#.UMeiDazjrRd
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ