ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
หน้า: [1] 2 3 ... 10
 1 
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:30:59 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



'สภากาชาดไทย' จัดสร้างพระ ‘คุรุรินโปเช’ เพื่อพุทธศาสนา ไทย ภูฏาน

การจัดสร้าง 'มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช' เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภ์สภากาชาดไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ และสมทบทุนสภากาชาดไทย

สภากาชาดไทย ร่วมกับ บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด แถลงข่าว โครงการสืบสานมรดกทางพุทธศาสน์ ไทย ภูฏาน เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา จัดสร้าง มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภ์สภากาชาดไทย

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อสร้างความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศภูฏาน

รวมถึงเผยแผ่พระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมภูฏาน และเพื่อนำรายได้หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนโครงการเงินทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สภากาชาดไทย และเพื่อจัดสร้างวิหาร ณ ประเทศภูฏาน

จัดงานแถลงข่าว จัดสร้าง มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ณ SCBX Next TECH พารากอน



Cr. Kanok Shokjaratkul

โดยมี ขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย, ม.ร.ว. รุจยาภา อาภากร Chief Operating Officer บริษัทเฟรชแอร์เฟรชติวัล จํากัด, วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฟรชแอร์เฟรชติวัล จํากัด, อาจารย์วันชัย รวยอารี ที่ปรึกษาโครงการ, Colonel Kuenzang Wangchuk, มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, ฉัตรชัย แผ่นผา ผู้รังสรรค์ผลงานปฏิมากรรม


Cr. Kanok Shokjaratkul

    • บังเอิญในโลกนี้ ไม่มีอยู่จริง

วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฟรชแอร์เฟสติวัล จํากัด กล่าวว่า เป็นเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ เป็นแรงบันดาลใจอีกครั้งหนึ่งของชีวิต

"ด้วยบุญบารมี และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของ มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช ทุกอย่างในโลกไม่มีความบังเอิญ ทุกอย่างถูกกำหนดมาตั้งแต่เราเริ่มต้นชีวิตแล้ว



Cr. Kanok Shokjaratkul

องค์พระ มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช เป็นสัญลักษณ์ของความเลื่อมใส ความศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ทางพุทธศาสนาของทั้งสองประเทศ คือไทยและภูฏาน

ที่สำคัญ จิตวิญญาณ ประเพณี วัฒนธรรม ผู้คน ภูฏานกับไทย เชื่อมติดกัน ยากที่จะแยก ทั้งสองแผ่นดินมีโอกาสจัดสร้างวิหาร ที่จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้เข้าไปนมัสการ และสมทบทุนสภากาชาดไทย



Cr. Kanok Shokjaratkul

เปิดให้จอง และจะมีพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งผู้ที่จององค์ใหญ่สุดและองค์กลางจะมีโอกาสได้เข้าร่วมในพิธี และเข้าเฝ้า รับพระราชทานใบเซอร์ทิฟิเคท(Certificate)ด้วย

องค์คุรุรินโปเช มีจำนวนน้อยมาก ผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่สภากาชาดไทยและเฟรชแอร์เฟสติวัล"




    • ถ้ามีเงินในกองทุนภัยพิบัติ จะช่วยเหลือคนที่ประสบภัยได้ทันที

ขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย กล่าวว่า สภากาชาด เป็นองค์กรสาธารณกุศล ดำเนินภารกิจด้านมนุษยธรรม มา131 ปีแล้ว

"ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน ผู้ยากไร้ ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ มาร่วมงานนี้เพื่อหาทุนให้กับกองทุนภัยพิบัติของสภากาชาดไทย

เวลามีอุทกภัย วาตภัย หรือภัยพิบัติเกิดขึ้นกับคนไทยทั่วประเทศ เราสามารถใช้เงินจากกองทุนนี้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที โดยที่ไม่ต้องไปหาทุนหรือเรี่ยไรเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น จะสามารถช่วยคนไทยได้อย่างรวดเร็ว



Cr. Kanok Shokjaratkul

มีการจัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์เอกอัครราชูปถัมภก สภากาชาดไทย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

มวลสารที่ได้มาจากวัดทั่วประเทศในภูฏาน สำนักพระราชวังภูฏานรวบรวม โอกาสที่จะออกมานอกประเทศยากมาก เป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ผ่านพิธีจากแต่ละวัด ๆ ที่มีอายุพันกว่าปี มาบรรจุในองค์พระทุกองค์



Cr. Kanok Shokjaratkul

ในการนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินร่วมพิธีพุทธาภิเษก

พร้อมด้วย สมเด็จพระพันปี เชอริง เพม วังชุก แห่งราชวงศ์ภูฏาน Her Majesty Queen Tshering Pem Wangchuk ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2567"



Cr. Kanok Shokjaratkul

    • ศาสนาพุทธ เป็นหนึ่งเดียวกัน

วันชัย รวยอารี ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ประเทศภูฏานเป็นประเทศที่สงบและสวยงาม

"พุทธศาสนา เปรียบประดุจสายน้ำที่มาจากต้นน้ำเดียวกัน นั่นคือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วได้แตกแยกลำธารออกมาหลายสายธาร ไม่ว่า มหายาน วัชรยาน เซ็น เถรวาท

ทุกสายน้ำที่แตกแยกออกไป ไปตามสาวกที่มีจิตเจตนาจะถ่ายทอดออกไปตามความเชื่อ

หลักการพุทธศาสนา แยกออกมาได้สองลักษณะคือ หลักของเหตุผล และหลักของความเป็นจริง ตามพระไตรปิฎก



Cr. Kanok Shokjaratkul

แต่อีกสายธารหนึ่งจะเป็นสายธารแห่งจิตวิญญาณ ใช้พลังจิตวิญญาณของตัวเองดำเนินการให้บรรลุในหลักธรรมคำสั่งสอน และบรรลุนิพพาน นั่นคือ วัชรยาน / ตันตระ หมายถึงการร้อยเรียง การเชื่อมโยง ความผูกพัน

องค์พระ มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช ที่จัดสร้าง มี 2 รูปแบบ ได้แก่ องค์ตั้งบูชาหน้าตัก 4 นิ้ว ความสูงรวมฐานหินอ่อน 19 นิ้ว บูชาองค์ละ 299,999 บาท (จัดสร้างจำนวน 108 องค์)

เหรียญมหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช เนื้อเงินชุบนาค ผลิตจากทองคำบริสุทธิ์ 96.5 หนัก 1 บาท บูชาองค์ละ 199,999 บาท (จัดสร้างจำนวน 593 องค์)"




ฉัตรชัย แผ่นผา ผู้รังสรรค์ผลงานประติมากรรม กล่าวว่า องค์พระ มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช เป็นตัวแทนศรัทธาผ่านศิลปะของภูฏาน ความอ่อนช้อยสง่างามของลายกนกไทย เชื่อมโยงสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน

ภาพจำลองจากองค์จริง ที่ประดิษฐานอยู่ในโถงถ้ำ ซึ่งสมเด็จพระพันปีหลวง เชอริง เพม วังชุก ทรงสุบินนิมิตเห็นมังกร 9 ตัว บินออกมาจากภูเขา จึงได้มีการสร้างวิหารขึ้นในตำแหน่งนั้น

มังกร 9 ตัว คือสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจจักรพรรดิ วางองค์พระลงบนบัลลังก์ดอกบัว วางฉัพพรรณรังสีไว้ด้านหลังพระเศียร ล้อมด้วยช่อดอกไม้ลายศิลป์ของภูฏาน



Cr. Kanok Shokjaratkul

ผสมผสานกับลายกนกที่เลื้อยสอดรับ กำหนดเส้นโค้งล้อมรอบ แทนความรู้สึกถึงการรวมศูนย์และการแผ่ขยาย สร้างฐานรองรับด้วยก้อนเมฆพันมังกร

มังกรตัวสุดท้ายด้านบนใช้มือทั้งสองข้างกุมก้านดอกบัว 2 ดอก เป็นสัญลักษณ์แทนพุทธะทั้งสองดินแดน และพระนามขององค์ปัทมสัมภวะ



Cr. Kanok Shokjaratkul

วางตำแหน่งของวิหารไว้ด้านหลัง ตั้งรับด้วยก้านกนกเป็นแกนกลางขับเคลื่อนเมฆมังกร โดยมีตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ภูฎาน ประดับไว้ส่วนบนด้านหลังวิหาร

องค์มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช เป็นศูนย์รวมความมหัศจรรย์ ความงดงามแห่งจิตวิญญาณ และความศักดิ์สิทธิ์แห่งพร 3 ประการ อายุวัฒนะ วรรณะเรืองรุ่ง พร้อมซึ่งปัญญา"



Cr. Kanok Shokjaratkul

    • ผู้เกิดจากดอกบัว

จิระนันท์ พิตรปรีชา ผู้จัดทำเนื้อหาในโครงการฯนี้กล่าวว่า มหาสิทธาคุรุปัทมสัมภว คุรุรินโปเช พระนามท่านแปลว่า ผู้เกิดจากดอกบัว เป็นวัชราจารย์ผู้เผยแผ่พุทธศาสนาสายวัชรยาน นิกายญิงมาปะ

ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-14 คุรุรินโปเช เป็นคำเรียกขานท่านในฐานะ รัตนาจารย์ ตามคติพุทธมหายาน ถือว่า คุรุทางจิตวิญญาณคือดวงแก้วลำดับที่ 4 รองจากพระรัตนตรัย

ยกย่องท่านเป็นครูอาจารย์ผู้ประเสริฐสุด เป็นอริยบุคคลผู้ได้รับความเคารพบูชา จากพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายาน ทั้งในทิเบต เนปาล ภูฏาน และประเทศใกล้เคียง มีรูปเคารพอยู่ทั่วไปให้กราบไหว้บูชา ขอพร มากว่าหนึ่งพันปี



Cr. Kanok Shokjaratkul

• คาถาบูชา มหาสิทธาปัทมสัมภวะ คุรุรินโปเช

โอม อา หุม วัชร คุรุ ปัทเม สิทธิ หุม

ความหมาย : ด้วย กาย วาจา ใจ น้อมรับ
    - วัชร (สายฟ้า/เพชร สัญลักษณ์ของความแกร่งกล้า ฝ่าฟันบรรลุ จรัสกระจ่าง พ้นจากความมืดบอดในวัฏสงสาร ที่มาของชื่อนิกายวัชรยาน)
    - คุรุ (ครูอาจารย์ผู้มีความสำคัญรองจากพระรัตนตรัย)
    - ปัทมะ (ดอกบัว สัญลักษณ์แทนปัญญาบริสุทธิ์ปราศจากกิเลสมลทิน และเป็นพระนามของท่านปัทมสัมภวะ)
    - สิทธิ (สำเร็จ/บรรลุ)
    - หุม (คำลงท้ายบทคาถา)

ปราชญ์สายวัชรยานท่านหนึ่งได้อธิบายว่า มนตรา 12 พยางค์นี้ แต่ละพยางค์คือคำศักดิ์สิทธิ์ เสมือนพรอันประเสริฐที่กลั่นกรองจากธรรมะ 12 หมวด (แบ่งย่อย 84000 พระธรรมขันธ์) ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน


Cr. Kanok Shokjaratkul

หนึ่งในศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของประเทศภูฏาน คือ วิหารถ้ำ โกเอน เชอปู เน เป็นจุดหมายของผู้แสวงบุญมานานนับร้อยปี เพื่อบูชาขอพรเรื่องมีอายุยืนยาว เป็นที่ประดิษฐานของ องค์คุรุรินโปเช ปางประทานพร” เชื่อกันว่า การมาบูชา สวดมนต์ภาวนาที่นี่ จะทำให้ได้พรอันวิเศษสุด ทั้งทางโลก และทางธรรม"

• ข้อมูลเพิ่มเติม : บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด โทร. 02 117 9634

สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย โทร. 02 256 4623, 02 256 4440-3

รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบกองทุนฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สภากาชาดไทย และเพื่อบูรณะจัดสร้างวิหาร โกเอน เชอปู เน ณ ประเทศภูฏาน







Thank to : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/judprakai/1124976
By กนกพร โชคจรัสกุล | จุดประกาย | 02 พ.ค. 2024 เวลา 16:24 น.

 2 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 10:35:52 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 3 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 10:22:31 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
รับทำชำนาญการ รับทำชำนาญการพิเศษ

รับทำผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.), รองศาสตราจารย์ (รศ.), รับทำเชี่ยวชาญ รับทำชำนาญการพิเศษ, ชำนาญการพิเศษ, เชี่ยวชาญ, เชี่ยวชาญพิเศษ โดยจัดทำเอกสารทางวิชาการที่แสดงถึงคุณภาพของผลงานดีเด่นมีความสมบูรณ์ของเนื้อหาสาระที่มีการเรียบเรียงความสำคัญได้ครบถ้วนเป็นระบบ มีคำอธิบายที่ถูกต้อง ชัดเจน ด้วยการนำความรู้หลักการ วิธีการ หรือข้อกฎหมายมาใช้ได้อย่างถูกต้อง มีการนำผลงานวิจัยหรือผลงานวิชาการอื่น ๆ มาสนับสนุนแนวทางที่สามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำงานได้จริง อันเป็นต้นแบบในการปฏิบัติงาน นำไปใช้ในการพัฒนาต่อยอด ปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานในวงกว้างขึ้นจากเดิมให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดในการสนองนโยบายของส่วนราชการ ช่วยประหยัดงบประมาณ ที่เกิดจากผลการปฏิบัติงานหรือผลสำเร็จของงานในหน้าที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นการนำเสนอในรูปแบบการสรุปวิเคราะห์ปรับปรุงในระดับที่สูงเป็นพิเศษหรือสูงมากหรือแก้ไขใหม่เป็นครั้งแรกหรือคนแรกของส่วนราชการหรือของประเทศสะท้อนว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความชำนาญ ความคิดริเริ่ม คิดค้นสร้างประดิษฐ์ขึ้นใหม่และประสบการณ์ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในทางวิชาการที่ยากและซับซ้อนมาก กำหนดข้อเสนอแนะหรือวางแผนรองรับเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง รวมทั้งสามารถระบุผลสำเร็จหรือประโยชน์ที่เกิดกับหน่วยงานหรือส่วนราชการ ประชาชนและประเทศชาติ



รับทำเชี่ยวชาญ รับทำเชี่ยวชาญพิเศษของข้าราชการทุกกระทรวง ทุกกรม
รับทำคู่มือการปฏิบัติงาน รับทำผลงานเชิงวิเคราะห์หรือสังเคราะห์
รับทำงานวิจัยทุกชนิดรับเขียนบทความทุกประเภท
รับทำตำราและหนังสือ ผลงานนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่
ที่มีความสมบูรณ์ของเนื้อหาครบถ้วนเป็นระบบ ถูกต้องชัดเจน
ตามหลักการหรือข้อกฎหมาย ที่สามารถนำไปพัฒนางานได้ในระดับที่สูงเป็นพิเศษ
หรือนำมาประยุกต์ใช้เป็นเทคนิคนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย
ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างดีเยี่ยมต่อทางราชการ หน่วยงาน ส่วนราชการ ประชาชนหรือต่อประเทศชาติ


รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำปริญญาเอก สอนทำดุษฎีนิพนธ์ สอนทำปริญญาเอก งานทุกชิ้นทำใหม่ทั้งหมดโดยการสังเคราะห์เพื่อต่อยอดความรู้ใหม่ที่เป็นการออกแบบและสร้างแบบจำลอง (MODEL) ต้นแบบ ให้คำปรึกษาที่เหมาะสม
รับทำผู้ช่วยศาสตราจารย์


     รับทำผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.), รองศาสตราจารย์ (รศ.), ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ, เชี่ยวชาญ, เชี่ยวชาญพิเศษ โดยจัดทำเอกสารทางวิชาการที่แสดงถึงคุณภาพของผลงานดีเด่นมีความสมบูรณ์ของเนื้อหาสาระที่มีการเรียบเรียงความสำคัญได้ครบถ้วนเป็นระบบ มีคำอธิบายที่ถูกต้อง ชัดเจน ด้วยการนำความรู้หลักการ วิธีการ หรือข้อกฎหมายมาใช้ได้อย่างถูกต้อง มีการนำผลงานวิจัยหรือผลงานวิชาการอื่น ๆ มาสนับสนุนแนวทางที่สามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำงานได้จริง อันเป็นต้นแบบในการปฏิบัติงาน นำไปใช้ในการพัฒนาต่อยอด ปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานในวงกว้างขึ้นจากเดิมให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดในการสนองนโยบายของส่วนราชการ ช่วยประหยัดงบประมาณ ที่เกิดจากผลการปฏิบัติงานหรือผลสำเร็จของงานในหน้าที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นการนำเสนอในรูปแบบการสรุปวิเคราะห์ปรับปรุงในระดับที่สูงเป็นพิเศษหรือสูงมากหรือแก้ไขใหม่เป็นครั้งแรกหรือคนแรกของส่วนราชการหรือของประเทศสะท้อนว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความชำนาญ ความคิดริเริ่ม คิดค้นสร้างประดิษฐ์ขึ้นใหม่และประสบการณ์ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในทางวิชาการที่ยากและซับซ้อนมาก กำหนดข้อเสนอแนะหรือวางแผนรองรับเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง รวมทั้งสามารถระบุผลสำเร็จหรือประโยชน์ที่เกิดกับหน่วยงานหรือส่วนราชการ ประชาชนและประเทศชาติ



เป็นเจ้าเก่าและเจ้าแรกในประเทศไทย  ทำมานานกว่า 15 ปี

ให้คำปรึกษาจนเสร็จได้ตำแหน่ง รับประกันคุณภาพทุกชนิดงาน

บริการด้วยความรวดเร็ว ส่งงานตรงเวลา
(ค่าบริการเริ่มต้น 5,000 – 30,000 บาท เท่านั้น)



โทร 096-2489571, 096-2485934

ID LINE : bottrade999

แอดไลน์ สอบถาม ????
https://line.me/ti/p/~bottrade999

E-mail: bottradecenter@gmail.com


คำสำคัญ : รับทำชำนาญการ, รับทำชำนาญการพิเศษ;
รับทำเชี่ยวชาญ; รับทำเชี่ยวชาญพิเศษ; รับทำคู่มือการปฏิบัติงาน;
รับทำผลงานเชิงวิเคราะห์หรือสังเคราะห์; รับทำงานวิจัยเพื่อขอตำแหน่ง;
รับเขียนบทความวิชาการ; รับทำตำราและหนังสือ


[size=12pt]รับทำชำนาญการ, รับทำชำนาญการพิเศษ
รับทำเชี่ยวชาญ; รับทำเชี่ยวชาญพิเศษ; รับทำคู่มือการปฏิบัติงาน;
รับทำผลงานเชิงวิเคราะห์หรือสังเคราะห์; รับทำงานวิจัยเพื่อขอตำแหน่ง;
รับเขียนบทความวิชาการ; รับทำตำราและหนังสือ


https://สถาบันวิจัยและพัฒนาผลงานทางวิชาการ.com

เบอร์โทรศัพท์ 096-2489571, 096-2485934

ID: bottrade999

แอดไลน์ สอบถาม ????
https://line.me/ti/p/~bottrade999

E-mail: bottradecenter@gmail.com




 4 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 06:27:20 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 5 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 03:11:52 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 6 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 01:04:37 pm 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้ 

 7 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 12:28:15 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 8 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 09:41:51 am 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้ 

 9 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 07:23:51 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



พระเจ้าพิมพิสาร | ผลแห่งบุญ : วิธีอุทิศทานแด่เปรตที่เคยเป็นพระญาติ

ปริยัติธรรม : หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง



 :25: :25: :25:

พระเจ้าพิมพิสารเคยเป็นเสมียนบำเพ็ญบุญในพระพุทธเจ้าปุสสะ... ชาวบ้านที่ใกล้ชิดกับนายเสมียน ขโมยไทยธรรมกิน...เกิดในนรก

ในสมัยของพระพุทธเจ้าปุสสะ (หรือผุสสะ) ครั้งนั้นพระราชกุมาร ๓ พระองค์ ได้กราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาในชนบท จากนั้น เหล่าพระราชกุมารตรัสสั่งให้ข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดช่วยกันอุปัฏฐากบำรุงพระศาสดาและภิกษุสงฆ์ เช่น ให้ดำเนินการจัดการสร้างพระวิหารด้วยกำลังแรงงานของบุรุษจำนวน ๑,๐๐๐ คน

ตลอดกาล ๓ เดือนนั้น พระราชกุมารทั้งสาม ทรงนุ่งห่มผ้ากาสายะ ถวายทาน ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมโดยเคารพ, ส่วนนายภัณฑาคาริก (ผู้จัดการทรัพย์สินของเจ้าชายทั้ง ๓)และภรรยาเป็นผู้มีศรัทธา ก็ร่วมกันถวายทาน และอุปัฏฐากภิกษุสงฆ์ นายเสมียนผู้จัดเก็บรายได้ในชนบทส่งเข้าคลังหลวง ได้เชิญชวนให้ชาวชนบทประมาณ ๑๑,๐๐๐ คน ร่วมกันทำบุญฟังธรรมตลอด ๓ เดือน ซึ่งคนเหล่านั้นก็ขวนขวายบุญโดยเคารพ

ชาวชนบทคนอื่น ๆ ได้เห็นการจัดทำมหาทานใหญ่เพื่อถวายพระพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ทุก ๆ วัน ก็เกิดความริษยา จึงขโมยไทยธรรมต่าง ๆ ไปกินบ้าง เมื่อถูกจับขับไล่ออกไปก็แอบกลับมาเผาโรงครัวบ้าง...

พระราชกุมาร ๓ พระองค์สิ้นพระชนม์แล้วอุบัติในสวรรค์, นายภัณฑาคาริกกับภรรยา, นายเสมียนและชาวชนบทผู้ถวายทานโดยเคารพ ก็บังเกิดในสวรรค์ ส่วนชาวชนบทอื่น ๆ ที่ประทุษร้ายทานก็บังเกิดในนรก

เวลาผ่านไปนานถึง ๙๒ กัป...


@@@@@@@

พ้นจากขุมนรกแล้ว เกิดเป็นเปรตเข้าเฝ้าทูลถามพระพุทธเจ้ากัสสปะถึงกาลที่จะพ้นจากความหิวกระหาย...ตรัสบอกว่ารออีก ๙๒ กัป

ครั้นถึงพุทธสมัยของพระพุทธเจ้า "กัสสปะ" (พระพุทธเจ้าก่อนหน้าพระพุทธเจ้าโคตมะของพวกเรา) พวกเขาพ้นจากนรก เศษบาปทำให้มาเกิดเป็นเปรต

เปรตเหล่านี้ได้เห็นมนุษย์ถวายทานแล้วอุทิศว่า "ขอทานที่ถวายครั้งนี้ จงสำเร็จแก่พวกญาติที่ล่วงลับด้วยเถิด" ได้เห็นเปรตที่เคยเป็นญาติของมนุษย์เหล่านั้นอนุโมทนาแล้วได้รับทิพยสมบัติทิพยสุข เช่น มีข้าว น้ำ ผ้า...พวกเปรตกลุ่มนี้จึงอยากได้ทิพยสมบัติทิพยสุขอย่างเปรตพวกนั้นบ้างจึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ากัสสปะ ทูลถามว่า "พวกข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีโอกาสจะได้รับทิพยสุขทิพยสมบัติ อย่างเปรตที่มีญาติอุทิศทานให้บ้างหรือไม่?"

พระพุทธเจ้ากัสสปะ ตรัสตอบว่า "ตอนนี้พวกท่านยังไม่สามารถจะรับได้ แต่จะได้รับในอนาคต ในพุทธสมัยที่พระพุทธเจ้ามีพระนามว่า โคตมะ, กาลนั้นจะมีพระราชาพระนามว่าพิมพิสาร ซึ่งเคยเป็นญาติกับพวกท่าน พระองค์จะถวายทานแล้วอุทิศทานให้แก่พวกท่านพวกท่านต้องรออีก ๙๒ กัป" (=๑ พุทธันดร)

เปรตเหล่านั้นฟังแล้วดีใจอย่างยิ่ง ดุจคิดว่ากาลนั้นจะถึงในวันพรุ่งนี้...

@@@@@@@

อดีตเสมียนมาเกิดเป็นพระเจ้าพิมพิสาร... ทรงบรรลุธรรมเป็นพุทธมามกะ ถวายอาหารและพระอุทยาน แต่ทรงลืมอุทิศ พวกเปรตผิดหวังส่งเสียงน่ากลัวให้พระราชาได้ยิน

ครั้นถึงพุทธสมัยแห่งพระพุทธเจ้าโคตมะของพวกเรา

อดีตพระราชกุมารในสมัยนั้น มาเกิดเป็นชฎิล ๓ พี่น้อง (อุรุเวลากัสสปะ นทีกัสสปะและคยากัสสปะ) มีบริวาร ๑,๐๐๐ คน, อดีตคหบดีและภรรยามาเกิดเป็นวิสาขะ (และนางธัมมทินนา) ส่วนนายเสมียนมาเกิดเป็นพระเจ้าพิมพิสาร

หลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วประมาณ ๙ เดือน พระองค์ได้เสด็จเข้าเขตกรุงราชคฤห์โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง และบริวาร พวกเขาออกบวชแล้ว ได้เสด็จโปรดพระเจ้าพิมพิสารและหมู่ประชาชนราว ๑๑,๐๐๐ คน พระราชาบรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระอริยโสดาบันแล้วได้กราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ให้เสด็จไปทรงรับมหาทานที่พระราชนิเวศน์ในวันรุ่งขึ้น

หมู่เปรตเหล่านั้นรู้เห็นแล้วพากันดีใจว่า "ใกล้เวลาที่พระราชาจะทรงอุทิศทานให้พวกเราแล้ว พวกเราจะได้พ้นความทุกข์ยากกันแล้ว"

วันรุ่งขึ้น พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายมหาทานแล้ว ทรงสดับธรรมกถาแล้ว ทรงดำริถึงสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า... แล้วทูลถวายสวนไผ่ "เวฬุวันกลันทกนิวาปะ"(สวนไผ่อันเป็นสถานที่ให้เหยื่อแก่พวกกระรอกกระแต) แต่พระราชาทรงลืมอุทิศทาน มิได้ทรงอุทิศทานให้แก่ใคร ๆ เลย

พวกเปรตเหล่านั้นต่างดีใจ เฝ้ารอคอยการอุทิศทานอยู่ ๑ พุทธันดร เมื่อเห็นพระราชามิได้อุทิศให้ตน ต่างคร่ำครวญว่า "พวกเราเปรตทั้งหลาย อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยรอรับการอุทิศจากท่าน ท่านลืม ท่านพลาดไปได้อย่างไร ความสิ้นหวัง ความผิดหวังความเหือดแห้งใจ ความเศร้าใจ บังเกิดกับพวกเราเป็นหมื่นแสนทวีคูณ ความทุกข์ระทมเกิดกระหน่ำทับถมหัวใจของพวกเรา พระราชาจะทรงรู้ไหมหนอ, หากแม้นเปรตอย่างเรามีหัวใจสักร้อยสักพันดวง.. โอหนอ...ทุกดวงได้ถึงกาลดับแดดิ้นสิ้นไปแล้วในวันนี้ พวกเราจักต้องรอคอยไปอีกนานแสนนานเท่าใดหนอ"

ครั้นตกกลางคืนยังมิทันสงัด ในราตรีนั้น เหล่าเปรตจึงพากันเข้าไปในพระราชนิเวศน์ส่งเสียงโหยหวนกรีดร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัวแบบต่าง ๆ พระเจ้าพิมพิสารทรงได้สดับแล้ว ทรงหวาดกลัว บรรทมหลับไม่สนิท


@@@@@@@

พระพุทธเจ้าตรัสเล่าบุพกรรมของพวกเปรตพระราชาทรงถวายมหาทานแล้วอุทิศพวกเปรตอนุโมทนาแล้วพ้นความหิวกระหาย

เช้าตรู่แล้ว พระเจ้าพิมพิสารเสด็จเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องเสียงที่น่าสะพรึงกลัวนั้นว่า จะเป็นนิมิตร้ายแก่ตัวข้าพระองค์หรือไม่? พระพุทธเจ้าจึงตรัสเล่าความเป็นมาของเปรตเหล่านั้นให้ทรงสดับ, ทูลถามว่า "ถ้าหม่อมฉันจะถวายทานในเช้านี้ เพื่ออุทิศทานให้พวกเขาได้หรือไม่?" ตรัสตอบว่า "ได้สิ มหาบพิตร" พระราชาจึงกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จเสวยภัตที่พระราชนิเวศน์ เพื่อจะอุทิศทานนั้นให้แก่หมู่เปรต

พระพุทธเจ้าเสด็จดำเนินประทับยังที่เขาจัดไว้ในพระราชนิเวศน์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เหล่าเปรตรู้เห็นแล้วดีใจว่า "วันนี้พระราชาจะทรงอุทิศทานให้แก่พวกเรา ๆ จะได้ทิพยสมบัติ"จึงพากันมายืนอยู่ตามที่ต่าง ๆ บริเวณพระราชนิเวศน์, พระพุทธเจ้าทรงแสดงพุทธานุภาพทำให้พระราชาทอดพระเนตรเห็นเปรตเหล่านั้นท่ามกลางเบื้องหน้าของพระองค์

เมื่อพระราชาประทับนั่งแล้ว ทรงถวายน้ำทักษิโณทกตรัสอุทิศ (เจาะจง) ว่า "ขอทานนี้จงมีแก่หมู่ญาติของเรา" (อิทํ โน ญาตีนํ โหนตุ) "ขอญาติทั้งหลายจงมีสุขเถิด"(สุขิตา โหนตุ ญาตโย) พวกเปรตได้รับการอุทิศทานแล้วอนุโมทนา ทันใดนั้น ก็ปรากฎสระโบกขรณีเต็มไปด้วยดอกบัว เปรตทั้งหลายเห็นก็ดีใจลงอาบและดื่มน้ำระงับความกระหายและขจัดความเศร้าหมองทางกายได้จากสระงามนั้น

พระราชาทรงถวายข้าวยาคู ของเคี้ยวของกิน แล้วตรัสอุทิศอีก เปรตอนุโมทนาแล้วข้าวยาคู ของเคี้ยว ของกิน อันเป็นทิพย์ ก็ปรากฎแก่พวกเปรต พวกเขาพากันบริโภคอาหารทิพย์นั้นจนมีร่างกายอิ่มเอิบ

พระราชาทรงถวายผ้าและเสนาสนะ (ตั่งและเตียงเป็นต้น) เปรตอนุโมทนาแล้วบังเกิดผ้าทิพย์ ยานทิพย์ ปราสาททิพย์ และที่นอนทิพย์ เป็นต้น... พระราชาทอดพระเนตรแล้วทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง

@@@@@@@

องค์ประกอบ ๓ ประการ ที่ทำให้เปรตได้รับความสุขและพระธรรมเทศนา "ติโรกุฑฑสูตร"

ท่านว่า ทักษิณา (การให้, การอุทิศ) จะสำเร็จได้ด้วยองค์ประกอบ ๓ คือ

    1. การอุทิศของทายก (=ผู้ให้ทาน)
    2. เปรตทั้งหลายอนุโมทนาด้วยตนเอง
    3. ผู้รับทานเป็นทักขิไณยบุคคล (เป็นเนื้อนาบุญที่ดี เช่น พระอริยเจ้าทั้งหลาย)

ครั้นพระศาสดาทรงเสวยเสร็จแล้ว ทรงอนุโมทนาด้วยพระธรรมเทศนา "ติโรกุฑฑสูตร" (พระธรรมว่าด้วยหมู่เปรตมายืนอยู่นอกเรือน) สรุปความได้ดังนี้

"หมู่เปรตมายังเรือนญาติ คิดว่าเป็นเรือนของตน ยืนอยู่นอกเรือนบ้าง บานประตูเรือนบ้าง ทาง ๔ แพร่ง และ ๓ แพร่งบ้าง, ญาติทั้งหลายถวายข้าวน้ำแล้ว ลืมอุทิศ ระลึกไม่ได้ เพราะอกุศลกรรมของสัตว์เหล่านั้นเป็นปัจจัย (การไม่ได้รับการอุทิศ เป็นเพราะอกุศลกรรมที่เปรตทำไว้)

แต่ชนเหล่าใด เป็นผู้เอ็นดูญาติผู้ล่วงลับ ให้ข้าวและน้ำแล้ว อุทิศให้หมู่ญาติว่าขอทานนี้แล จงมีแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลายจงมีสุขเถิด

หมู่เปรตที่เป็นญาติมาชุมนุมกันในบริเวณที่ให้ทานนั้น ย่อมอนุโมทนาโดยเคารพดีใจว่า พวกเราได้ทิพยสมบัติ เพราะญาติเป็นเหตุ ขอญาติเหล่านั้นของเราจงมีอายุยืน..."

ในเปตวิสัย (โลกของเปรต) ไม่มีการทำกสิกรรม หรือการค้าขายก็ไม่มี ผู้ได้อัตภาพเป็นเปรต ย่อมดำรงอัตภาพอยู่ได้ด้วยทานที่ญาติให้แล้วจากมนุษย์โลกนี้

น้ำจากที่สูงย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม ฉันใด ทาน (กุศลทาน) ที่ทายก (ผู้อุทิศ) ให้ไปจากมนุษย์โลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่หมู่เปรต ฉันนั้นเหมือนกัน

ห้วงน้ำที่เต็มแล้วในแหล่งน้ำต่าง ๆ ย่อมยังสมุทรสาครให้เต็ม ฉันใด ทานที่ทายกในมนุษย์โลกนี้ให้ไป ก็ย่อมสำเร็จผลแก่หมู่เปรต ฉันนั้นเหมือนกัน..."

(ดู ขุ.ขุ.ข้อ ๘, ขุทุกก.อ.๒๑๗-๒๙๒, ขุ.เปต.ข้อ ๙๐, เปต.อ.๓๐-๔๖)


@@@@@@@

คติธรรมสำคัญของเรื่อง : ถ้ารู้ชัดวันเวลาพ้นทุกข์ที่แน่นอน ก็ย่อมอยู่กับทุกข์ได้ดีขึ้น






ขอบคุณ : https://www.nirvanattain.com/สิ่งที่ควรรู้/กรรม/พระเจ้าพิมพิสาร-ผลแห่งบุญ-วิธีอุทิศทานแด่เปรตที่เคยเป็นพระญาติ.html
ปริยัติธรรม : หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง โดย นิรนาม - กรรม | 18 เมษายน 2563

 10 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2024, 07:08:21 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.

ที่มาของภาพ, Getty Images


เอลนีโญ-ลานีญา คืออะไร และส่งผลต่อสภาพอากาศอย่างไร.?

สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียรายงานว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2023 ได้สิ้นสุดลงแล้ว

ทว่า ปรากฏการณ์นี้ยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซ้ำเติมภาวะโลกร้อนระยะยาวที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์

เอลนีโญคืออะไร.?

เอลนีโญเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศตามธรรมชาติที่เรียกรวมกันว่า "ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้เอลนีโญ" (El Niño Southern Oscillation : ENSO) โดยปรากฏการณ์นี้มีสองสถานะตรงกันข้าม ประกอบด้วย เอลนีโญและลานีญา ทั้งสองสถานะส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ

การเกิดเอลนีโญ่สามารถระบุได้จากการวัดค่าต่าง ๆ ดังนี้ :-

    - อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกในเขตร้อนสูงกว่าปกติ
    - ความดันบรรยากาศสูงกว่าระดับปกติที่เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย (แปซิฟิกตะวันตก)
    - ความดันบรรยากาศต่ำกว่าปกติที่ตาฮิติ หมู่เกาะเฟรนช์โปลินีเซีย ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส (แปซิฟิกตอนกลาง)



ในสภาวะ "ปกติ" น้ำที่ผิวทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเย็นกว่าทางตะวันออกและอุ่นกว่าทางตะวันตก





Thank to : https://www.bbc.com/thai/articles/cp9gj9xvkrzo
Author : มาร์ก พอยน์ทิง และ เอสมี สตอลลาร์ด, บีบีซีนิวส์ แผนกข่าวภูมิอากาศและวิทยาศาสตร์ , 25 เมษายน 2024

หน้า: [1] 2 3 ... 10