ถ้ากล่าวตามใจพวกท่านก็คือ การรักษาอุโบสถศีล ไม่จำเป็นต้องอยู่วัด เป็นไปตามนัน
ถ้ากล่าวตามธรรม ความถูกต้อง การรักษาอุโบสถศีล จำเป็นต้องอยู่วัดนะจ๊ะ เพราะอะไร
ศีลอุโบสถ เป็นธรรมเนียมของชาวพุทธที่ถือศีล 5 เป็นปกติ แต่เมื่อเข้าพรรษา ก็จะมารักษาศีลเพิ่มอีก 3 ข้อ และเปลี่ยน 1 ข้อ
คือ ศ๊ลข้อที่ 3 จาก กาเม สุมิจฉาจาร เป็น อพรัมะจริยะ เป็นต้น
ข้อนี้หมายถึง เว้นจากการเสพเมถุน ( การร่วมเพศ )
ส่วนศ๊ลที่รับเพิ่ม อีก 3 ข้อมี
เว้นจากประดับ ตกแต่ง ประทินโฉม
เว้นจากการขับร้อง ประโคมดนตรี
เว้นจากบริโภคอาหารเกินเวลาเที่ยง
เว้นจากนั่งนอนบนที่นอนสูง ที่นอนใหญ่อันอำนวยความสุข ความสบายแก่การนอน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ศีลอุโบสถ ถ้าอยู่ที่้บ้านทำได้ยาก เพราะคนรอบข้างเราอาจจะไม่เข้าใจเรา จะรังเกียจเพราะความเคร่งครัดในศีล อาจจะทำให้ศีลด่าง พร้อย ทะลุ ขาดได้ จึงเห็นควรว่า ใ้ห้เป็นศีลที่ควรกระทำอยู่ขอบเขตของวัด จีงเรียกว่า อุโบสถศีล
สรุปการสมาทานศีล 8 นั้นจะมีการลาสมาทานศ๊ล 8 ด้วยในวันกลับบ้าน ดังนั้นอุโบสถสมาทาน(คือสัจจะอธิษฐาน ) มีเวลา เมื่อหมดเวลา ก็สมาทานสัจจะอธิษฐาน ศีล5 ต่อไป ดังนั้นท่านทั้งหลายที่สมาทานอุโบสถศ๊ล จึงมีช่วงเวลาในการรักษาศีล
ส่วนบุคคลใดที่สมาทานศีล 8 ตลอดชีพหรือระยะยาวไม่เรียกว่า อุโบสถศีล แต่เรียกว่า สมาทานศีลผู้ภาวนา เช่น แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่เครีงครัดเหล่านี้ จะเจริญเป็นศีลเป็นนิัสัย เรียกว่า กุศลกรรมบถ 10 ประการ ดังนั้นเราจะอาจจะไปเข้าข่ายในกุศลกรรมบถ 10 นี้เมื่อการภาวนาของเราสูงขึ้น
ก็ขออนุโมทนา กับความตั้งใจที่จะรักษา ศีลอุโบสถ นี้ด้วยกันทุกท่าน
เจริญธรรม / เจริญพร