ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - VongoleX
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10
161  เรื่องทั่วไป / ประกาศ โฆษณา ธุรกิจชาวธรรม / ไก่เถื่อน วัดขนาย เชิญชมกันครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 08:22:23 pm




ที่มาเนื้อหาและภาพ

http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=4&qid=44535&sortby=DESC
162  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: ปาฏิหาริย์.! ปลัดหลวงพ่ออี๋ เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 08:15:05 pm


www.somdejpechpijitr.com/ยันต์พระยาไก่เถื่อน.html
163  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ขอคำแนะนำ เพื่อน ๆ ในห้องนี้เรื่อง คุณลุงกิตติศักดิ์ ค่ะ เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 06:19:03 pm
อะตีตัง นาน๎วาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง
บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย, และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง


ตอนแรกผมไม่เข้าใจ ว่าครูประสิทธิ์ เอาบทสวดนี้มาทำไม พอได้อ่านทบทวนแ้ล้วก็บางอ้อครับ

  1.เหตุเฉพาะหน้า คือ ความช่วยเหลือ พระอาจารย์ให้รักษาเว็บได้
  2.เหตุที่ยังไม่เกิด คือ การเสื่อมเสียเรื่องการยักยอกปัจจัยต่าง ๆ ทั้งที่มีระบบอยู่แล้ว

  เหตุเฉพาะหน้า คือ ควรจะต้องทำ และ ควรกล่าวอนุโมทนา ซึ่งกันและกันครับ สาธุ สาธุ สาธุ

  เหตุที่ยังไม่เกิด ก็เป็น แนวของการระวัง รับฟังกันไว้ ก็ไม่เห็นจะต้องออกตัวอะไรกันมากมาย ขนาดนั้น

  สิ่งสำคัญ ท่านทั้งหลาย ดูแลครูอาจารย์ของท่านกันดีหรือยัง ???

  ชั่งน้ำหนัก แล้ว ....... ผมก็ต้อง อนุโมทนา สาธุ ครับ
 :s_hi: :c017: :25:
 
  ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ,
อะสังหิรัง อะสังกุปปัง ตัง วิทธา มะนุพ๎รูหะเย
ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่นั้นๆ อย่างแจ่มแจ้ง,
ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน, เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้


  ปัจจุบันสภาวะ คือ อะไร ? อันนี้เป็นประโยคกินใจผมเลยครับ
164  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พุทธวจน (BuddhaWord) สะสมภาพ >> สะสมบุญ เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2012, 05:40:25 pm
อนุโมทนาสาธุ  :25:
165  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2555 ณ วัดแก่งขนุน สระุบุรี เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 10:46:41 pm
อนุโมทนา สาธุ ครับ
 :25: :25: :25:
166  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอเชิญร่วมตักบาตร อาหารสด-อาหารแห้ง พระธุดงคกรรมฐาน 13 พ.ย.55 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 10:45:57 pm
แจ้งข่าวช้าไปนะครับ ไม่งั้นได้ไปร่วมแน่ ๆ ครับเพราะนาน ๆ จะได้พบ พ่อแม่ครูอาจารย์สายหลวงปู่มั่นมารวมกันให้ทำบุญอย่างนี้

  :25: :25: :25:
167  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไม พระบวชใหม่ ที่ลาสิกขาบถ ไม่ได้อานิสงค์กฐินครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2012, 11:41:27 am
ทำไม พระบวชใหม่ ที่ลาสิกขาบถ ไม่ได้อานิสงค์กฐินครับ
 ได้รับฟังและทราบมาว่า พระใหม่ที่บวช 1 พรรษา แล้ว รับกฐิน กับ ไม่รับกฐิน มีค่าเท่ากันคือ ไม่ได้อานิสงค์กฐิน อย่างนี้ใช่หรือไม่ ครับ เพราะเหตุไร จึงมีค่าเท่ากันครับ

 ใครรู้ช่วยอธิบายด้วยครับ

  :c017:
168  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / เรื่อง ตาด้อง ยายแป้น โดนกรอกหู ว่าเป็น กระสือ กระหัง ฟังสนุกมากครับ เมื่อ: กันยายน 29, 2012, 01:59:25 pm
เรื่อง ตาด้อง ยายแป้น โดนกรอกหู ว่าเป็น กระสือ กระหัง ฟังสนุกมากครับ
เป็นเสียงใครเล่า ครับ ช่วง 13.30 น. 29 ก.ย.55

 :c017: :25: :49:
169  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / องค์ 4 แห่งผู้ปรารถนา พุทธภูมิ เมื่อ: กันยายน 21, 2012, 02:57:45 pm
เห็นโทษของ ความริษยา จึงไม่ริษยา
เห็นโทษของ ความรัก จึงไม่รัก
เห็นโทษของ ความเมา จึงไม่เมา
เห็นโทษของ ความโกรธ จึงไม่โกรธ

ขอบคุณพระอาจารย์ ครับ ที่แนะนำเรื่องนี้ไว้นานแล้ว



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเทวทัตพยายามปลงพระชนม์พระองค์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้

ความย่อว่า พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตพยายามฆ่าเรา ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้เมื่อก่อนก็พยายามฆ่าเราเหมือนกัน แต่ไม่อาจทำแม้เพียงความสะดุ้งสะเทือน จึงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า

ในอดีตกาล มนุษย์คนหนึ่งถูกตัดสินให้แพ้คดีที่ศาลประคองแขนสะอึกสะอื้นออกจากศาล เห็นพระโพธิสัตว์กำลังไปทำราชการ จึงซบลงที่เท้าพระโพธิสัตว์เล่าเรื่องที่ตนแพ้คดีว่า ข้าแต่นาย เมื่อคนเช่นท่านถวายอรรถและธรรมแด่พระราชายังอยู่ กาฬกะเสนาบดีรับสินบนทำผู้ไม่เป็นเจ้าของให้เป็นเจ้าของ

พระโพธิสัตว์เกิดความสงสารกล่าวว่า มาเถิดพ่อหนุ่มเราจักวินิจฉัยคดีของท่านเอง แล้วพามนุษย์ผู้นั้นไปยังศาล มหาชนประชุมกัน พระโพธิสัตว์กลับตัดสินให้เจ้าของนั้นแหละเป็นเจ้าของ มหาชนต่างแซ่ซ้องสาธุการ เสียงนั้นได้อึกทึกสนั่นไป พระราชาทรงสดับเสียงนั้นตรัสถามว่า นั่นเสียงอะไร ราชบุรุษกราบทูลว่า ขอเดชะ ธรรมธัชปัณฑิตตัดสินคดีที่กาฬกะเสนาบดีตัดสินไว้ผิดให้ถูก นั่นเป็นเสียงแซ่ซ้องร้องสาธุการ ณ ที่นั้น พระพุทธเจ้าข้า

พระราชาทรงโสมนัสตรัสให้หาพระโพธิสัตว์มาตรัสถามว่า ท่านอาจารย์ได้ยินว่า ท่านตัดสินคดีหรือ

กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ถูกแล้วพระเจ้าข้า ท่านกาฬกะเสนาบดี ตัดสินไว้ไม่ดี ข้าพระพุทธเจ้าวินิจฉัยเสียใหม่

ตรัสว่าตั้งแต่นี้ไป ขอให้ท่านจงตัดสินคดีเถิด เราจะได้สบายหู ทั้งประชาชนจะได้มีความเจริญ แล้วทรงขอร้องว่า ท่านจงนั่งที่ตัดสินคดี เพื่ออนุเคราะห์ต่อราษฎรเถิด

แม้พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนา แต่ก็ได้ทำตามพระประสงค์ ตั้งแต่นั้นมาพระโพธิสัตว์ก็นั่ง ณ ที่ตัดสินคดี กระทำผู้เป็นเจ้าของให้เป็นเจ้าของ กาฬกะเสนาบดี เมื่อไม่ได้รับสินบน ตั้งแต่นั้นมาก็เสื่อมจากลาภ จึงเพ็ดทูลพระราชาให้บาดหมางพระโพธิสัตว์ว่า ข้าแต่มหาราช ธรรมธัชบัณฑิต ปรารถนาราชสมบัติของพระองค์

พระราชาไม่ทรงเชื่อ ทรงห้ามว่าท่านอย่าพูดอย่างนั้น

เมื่อเสนาบดีกราบทูลอีกว่า หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อข้าพระองค์ ขอจงทรงคอยทอดพระเนตรทางพระแกลในเวลาที่ธรรมธัชบัณฑิตมาเถิด ทีนั้นพระองค์ทรงเห็นพระนครทั้งสิ้นถูกธรรมธัชบัณฑิตกำไว้ในเงื้อมมือของตน

พระราชาทอดพระเนตรขบวนพวกลูกความของธรรมธัชบัณฑิต ทรงเข้าใจว่าเป็นพวกของธรรมธัชบัณฑิตทั้งสิ้น ทรงแหนงพระทัย ตรัสถามว่า เราจะทำอย่างไรเสนาบดี

กราบทูลว่า ขอเดชะ ควรฆ่าธรรมธัชบัณฑิตพระเจ้าข้า

ตรัสว่า เรายังไม่เห็นโทษร้ายแรงจะฆ่าเขาอย่างไรได้

กราบทูลว่า มีอุบายอย่างหนึ่งพระเจ้าข้า

ตรัสถามว่าอุบายอย่างไร

กราบทูลว่า ขอพระองค์ทรงยกกรรมอันให้แก่ธรรมธัชบัณฑิตนั้น แล้วฆ่าเขาผู้ไม่สามารถทำกรรมนั้นได้เสีย โดยความคิดนั้นเถิดพระเจ้าข้า

ตรัสถามว่า ก็กรรมอันเหลือวิสัยของธรรมธัชบัณฑิตเป็นอย่างไร

กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ธรรมดาอุทยานที่ปลูกสร้างในพื้นดินแข็งบำรุงอยู่ จะให้ผลใน ๓ - ๔ ปี ขอพระองค์ตรัสเรียกธรรมธัชบัณฑิตนั้นมา แล้วตรัสว่า ดูก่อนบัณฑิตเราประพาสอุทยานเก่ามานานแล้ว บัดนี้ประสงค์จะประพาสอุทยานใหม่ พรุ่งนี้เราจะไปประพาสอุทยาน ท่านจงสร้างอุทยานให้เราเถิด ธรรมธัชบัณฑิตนั้น คงสร้างไม่ได้เป็นแน่ ที่นั้นแหละพระองค์จักสำเร็จโทษธรรมธัชบัณฑิตเสีย

พระราชาตรัสเรียกพระโพธิสัตว์มาตรัสตามที่กาฬกะเสนาบดีทูลอุบายทุกประการ

พระโพธิสัตว์ทราบว่า พระราชาถูกกาฬกะเสนาบดีผู้ไม่ได้รับสินบนเพ็ดทูลยุยงแล้ว กราบทูลว่า ขอเดชะ ข้าพระองค์สามารถจักรู้เอง กลับไปเรียน บริโภคโภชนะอย่างดี นอนคิดตรองอยู่บนที่นอน พิภพของท้าวสักกะได้แสดงอาการร้อน ท้าวเธอตรวจดูก็รู้ความคิดของพระโพธิสัตว์ รีบเสด็จมาเข้าห้องอันมีสิริประทับยืนอยู่บนอากาศ ตรัสถามว่า บัณฑิต ท่านคิดอะไร

พระโพธิสัตว์ถามว่า ท่านเป็นใคร

ตอบว่าเราเป็นท้าวสักกะ

พระโพธิสัตว์จึงบอกว่า พระราชาให้ข้าพระองค์สร้างอุทยานใหม่ ข้าพระองค์คิดว่า จักทำอย่างไรจึงจะสร้างได้

ท้าวสักกะตรัสว่า บัณฑิตท่านอย่าคิดเลย เราจักเนรมิตอุทยานเช่นกับสวนนันทวันและจิตรลดาให้ท่าน ท่านจะให้สร้างที่ไหน

พระโพธิสัตว์ทูลว่า ขอจงสร้างที่โน้นเถิด

ท้าวสักกะเนรมิตแล้วก็เสด็จกลับเทพนคร รุ่งขึ้นพระโพธิสัตว์เห็นอุทยานโดยประจักษ์แล้ว จึงไปกราบทูลพระราชาว่า ข้าแต่มหาราช อุทยานสำหรับพระองค์สำเร็จแล้ว ขอจงเสด็จประพาสเถิด

พระราชาเสด็จไปทอดพระเนตรเห็นอุทยานแวดล้อมด้วยปราการสีดังมโนศิลาสูง ๑๘ ศอก มีประตูหอรบครบครัน ประดับด้วยรุกขชาตินานาพรรณ ผลิดอกออกผลสะพรั่ง จึงตรัสถามกาฬกะเสนาบดีว่า บัณฑิตได้ทำตามคำสั่งของเราแล้ว บัดนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป

กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า บัณฑิตสามารถสร้างอุทยานได้โดยคืนเดียว จะไม่สามารถชิงราชสมบัติหรือ

พระราชาตรัสถามว่า บัดนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป

กราบทูลว่าจะให้ทำกรรมที่สุดวิสัยอย่างอื่น พระเจ้าข้า

ตรัสถาม กรรมอะไร กราบทูลว่า ขอจงโปรดให้สร้างสระโบกขรณีอันแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ

พระราชารับว่า ดีละ จึงตรัสเรียกพระโพธิสัตว์มาแล้วตรัสว่า ดูก่อนอาจารย์ อุทยานท่านได้สร้างเสร็จแล้ว ท่านจงสร้างสระโบกขรณีอันแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการอันสมควรแก่อุทยานนี้เถิด ถ้าไม่สามารถสร้างได้ ชีวิตท่านจะหาไม่

พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์สามารถจักสร้างถวายได้ พระเจ้าข้า

ลำดับนั้นท้าวสักกะจึงเนรมิตสระโบกขรณีอันงดงามยิ่งมีท่าสนานร้อยหนึ่ง มีเขาวงกตพันหนึ่ง ดารดาษไปด้วยดอกปทุมห้าสีเช่นกับสระโบกขรณีนันทา รุ่งขึ้นพระโพธิสัตว์ได้ทำสระนั้นให้ประจักษ์แล้ว จึงกราบทูบพระราชาว่า ขอเดชะข้าพระพุทธเจ้าสร้างสระโบกขรณีเสร็จแล้วพระเจ้าข้า

พระราชาทอดพระเนตรเห็นสระโบกขรณีนั้น จึงตรัสถามกาฬกะว่า เราจะทำอย่างไรต่อไป

กราบทูลว่า ขอเดชะ พระองค์จงสั่งให้สร้างคฤหาสน์อันคู่ควรแก่อุทยานเถิด

พระราชาตรัสว่า ท่านอาจารย์บัดนี้ท่านจงสร้างคฤหาสน์อันล้วนแล้วไปด้วยงาช้าง สมควรแก่อุทยานนี้ และสระโบกขรณีเถิด หากสร้างไม่ได้ชีวิตของท่านจะหาไม่

ครั้นแล้วท้าวสักกะก็เนรมิตคฤหาสน์ให้แก่พระโพธิสัตว์ รุ่งขึ้นพระโพธิสัตว์ทำคฤหาสน์นั้นให้ประจักษ์ แล้วกราบทูลแด่พระราชา พระราชาทอดพระเนตรเห็นคฤหาสน์นั้นแล้ว จึงตรัสถามกาฬกะว่า บัดนี้จะทำอย่างไรต่อไป

กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงรับสั่งให้สร้างแก้วมณีอันสมควรแก่คฤหาสน์นั้นเถิดพระเจ้าข้า

พระราชารับสั่งให้พระโพธิสัตว์มหาตรัสว่า บัณฑิตท่านจงสร้างแก้วมณีอันสมควรแก่คฤหาสน์ล้วนไปด้วยงานี้เถิด เราจักเที่ยวเดินด้วยแสงสว่างแห่งแก้วมณี หากท่านสร้างไม่ได้ ชีวิตของท่านจะไม่

ครั้งนั้นท้าวสักกะเนรมิตแก้วมณีให้พระโพธิสัตว์ รุ่งขึ้นพระโพธิสัตว์กระทำแก้วมณีนั้นให้ประจักษ์ แล้วกราบทูลแด่พระราชา พระราชาทอดพระเนตรเห็นแก้วมณีนั้น ตรัสถามกาฬกะ บัดนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป

กาฬกะกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช เห็นจะมีเทวดาคอยเนรมิตให้สิ่งที่ปรารถนาแก่พราหมณ์ธรรมธัชเป็นแน่ คราวนี้สิ่งใดมีเทวดาก็ไม่สามารถเนรมิตได้ ขอพระองค์จงรับสั่งสิ่งนั้นเถิด แม้เทวดาก็ไม่สามารถเนรมิตมนุษย์ผู้ประกอบด้วยองค์ ๔ ได้ เพราะฉะนั้น ขอพระองค์รับสั่งกะธรรมธัชว่าท่านจงสร้างคนรักษาอุทยานประกอบด้วยองค์ ๔ เถิด

พระราชาตรัสเรียกพระโพธิสัตว์มาแล้วตรัสว่า ดูก่อนอาจารย์ อุทยานสระโบกขรณีและปราสาท อันแล้วด้วยงา และแก้วมณีสำหรับส่องแสงสว่างแก่ปราสาท ท่านสร้างให้แก่เราเสร็จแล้ว บัดนี้ท่านจงสร้างคนรักษาอุทยานประกอบด้วยองค์ ๔ ทำหน้าที่รักษาอุทยานแก่เราเถิด หากท่านสร้างไม่ได้ชีวิตจะไม่มี

พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ขอจงยกไว้เป็นพนักงานเถิด เมื่อข้าพระองค์ได้ จักรู้เอง จึงกลับไปบ้านบริโภคอาหารอย่างดีแล้ว นอนตื่นขึ้นในตอนรุ่ง นั่งคิดอยู่บนหลังที่นอนว่า ท้าวสักกะเทวราชสามารถเนรมิตแต่สิ่งที่ตนเนรมิตได้ แต่คงไม่สามารถเนรมิตคนเฝ้าอุทยานประกอบด้วยองค์ ๔ ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ การตายอย่างอนาถในป่านั่นแลดีกว่าการตายในเงื้อมมือของผู้อื่น พระโพธิสัตว์มิได้บอกเล่าแก่ใคร ๆ ลงจากเรือนออกจากพระนครทางประตูใหญ่ เข้าป่านั่งรำพึงถึงธรรมของสัตบุรุษ ณ โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง ท้าวสักกะทราบเหตุนั้น จึงแปลงเป็นพรานไพรเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ เมื่อจะตรัสถามความนี้ว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านเป็นผู้แบบบางประหนึ่งว่าจะไม่เคยเห็นทุกข์ยากมาก่อนเลย ท่านนั่งซบเซาอยู่ผู้เดียวเหมือนคนกำพร้า ท้าวสักกะตรัสถามว่า ท่านคิดอะไรอยู่

พระโพธิสัตว์ได้สดับดังนั้น จึงกล่าวว่า ดูก่อนสหาย นั่นเป็นความจริง เราอยู่เป็นสุขแล้ว ได้จากบ้านเมืองมาสู่ป่า เราผู้เดียวเท่านั้นนั่งที่โคนต้นไม้ในป่านี้ ย่อมซบเซาเหมือนคนกำพร้า ท่านได้ถามว่า ท่านคิดเรื่องอะไร ข้าพเจ้าขอตอบแก่ท่าน

ก็ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นี้รำพึงถึงธรรมของสัตบุรุษผู้สงบ ผู้เป็นบัณฑิต คือพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกทั้งหลาย แท้จริงโลกธรรม ๘ประการนี้ คือ ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญสุข ทุกข์ แต่สัตบุรุษทั้งหลาย ถูกโลกธรรม ๘ นี้ กระทบย่อมไม่หวั่น ไม่ไหว ธรรมของสัตบุรุษอันได้แก่ ความไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ๘ นี้ ข้าพเจ้านั่งระลึกถึงธรรมนี้ด้วยประการฉะนี้

ลำดับนั้นท้าวสักกะจึงตรัสถามว่า ดูก่อนพราหมณ์เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงนั่งอยู่ที่นี่เล่า พระโพธิสัตว์ตอบว่าพระราชารับสั่งให้หาบุคคลเช่นนั้นได้ จึงคิดว่าจะมีประโยชน์อะไรด้วยความตายในเงื้อมมือของผู้อื่น เราจักเข้าป่าไปตายอย่างอนาถ จึงได้มานั่งอยู่ที่นี่

ท้าวสักกะตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์เราคือท้าวสักกะ เราเนรมิตสวนให้ท่านแล้ว แต่ไม่สามารถจะเนรมิตผู้รักษาสวนซึ่งประกอบด้วยองค์ ๔ ได้ ช่างกัลบกผู้แต่งพระศกของพระราชาท่านชื่อว่า ฉัตตปาณี เป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๔ เมื่อมีความต้องการผู้รักษาสวน ท่านจงกราบทูลให้ทรงแต่งตั้งช่างกัลบกนั้นเป็นผู้รักษาสวนเถิด

ท้าวสักกะเทวราชประทานโอวาทแก่พระโพธิสัตว์แล้ว ทรงปลอบโยนว่า อย่ากลัวเลย แล้วเสด็จคืนสู่เทพบุรีของพระองค์ พระโพธิสัตว์ไปบ้านบริโภคอาหารแล้วไปถึงประตูพระราชวัง พบฉัตตปาณีที่ประตูพระราชวังนั้น จับมือฉัตตปาณีแล้วถามว่า สหายฉัตตปาณีได้ข่าวว่าท่านประกอบด้วยองค์ ๔ หรือ

เมื่อฉัตตปาณีถามว่า ใครเป็นผู้บอกท่านว่า ข้าพเจ้าประกอบด้วยองค์ ๔

ตอบว่าท้าวสักกะเทวราช

ถามว่า เหตุไรจึงบอก

พระโพธิสัตว์จึงเล่าเรื่องทั้งหมดว่า บอกด้วยเหตุนี้

ฉัตตปาณีกล่าวว่า ถูกแล้วข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๔

ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์จึงจับมือฉัตตปาณีไปเฝ้าพระราชา กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชฉัตตปาณีเป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๔ เมื่อมีความต้องการผู้รักษาสวน ขอจงทรงตั้งฉัตตปาณีนี้เป็นผู้รักษาสวนเถิด พระเจ้าข้า

ลำดับนั้น พระราชาตรัสถามฉัตตปาณีว่า ได้ยินว่าท่านเป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๔ หรือ กราบทูลว่าถูกแล้ว พระเจ้าข้าพระราชาตรัสถามว่า ท่านเป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๔ คืออะไรบ้าง ฉัตตปาณีทูลว่า :

ขอเดชะ ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่ริษยา เป็นผู้ไม่ดื่มน้ำเมา เป็นผู้ไม่ติดในความรัก เป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในความไม่โกรธ

ข้าแต่มหาราช ชื่อว่าความริษยาไม่มีแก่ข้าพระองค์ น้ำเมาข้าพระองค์ไม่เคยดื่ม ความรักก็ดี ความโกรธก็ดี ไม่เคยมีในผู้อื่น ข้าพระองค์ประกอบด้วยองค์ ๔ เหล่านี้


ลำดับนั้นพระราชาตรัสถามว่า ดูก่อนฉัตตปาณี ท่านเป็นผู้ไม่ริษยาหรือ

กราบทูลว่า ขอเดชะ ถูกแล้วพระเจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่ริษยา

ท่านเห็นเหตุอะไรจึงเป็นผู้ไม่ริษยา

ฉัตตปาณีกราบทูลว่า ขอเดชะ ขอพระองค์จงทรงโปรดสดับเถิด เมื่อจะกล่าวถึงเหตุของการไม่ริษยา จึงกล่าวคาถานี้ว่า :

        ข้าแต่ราชะ ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งให้จองจำปุโรหิต เพราะหญิงเป็นเหตุ

ปุโรหิตนั้นให้ข้าพระองค์ตั้งอยู่ในประโยชน์แล้ว

เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงไม่ริษยา

อธิบายความแห่งคาถานั้นว่า (รายละเอียดปรากฏในพันธนโมกขชาดก) ข้าพระองค์นี้แหละ เมื่อก่อนเป็นพระราชาในกรุงพาราณสีนี้เอง เช่นกับพระองค์ ให้จองจำปุโรหิต เพราะสตรีเป็นเหตุ คือ ครั้งหนึ่งช่างกัลบกฉัตตปาณีนี้เป็นพระราชา ถูกพระเทวีผู้ลักลอบกับพวกข้าบาทมูล ๖๔ นายผู้หวังจะให้พระโพธิสัตว์ ซึ่งไม่สนใจตนให้พินาศ ทูลยุยงให้จองจำ

ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ถูกจองจำไปเฝ้า จึงกราบทูลโทษของพระเทวีตามเป็นจริง ได้รอดพ้นเอง ได้ทูลให้ปลดปล่อยพวกข้าบาทมูลที่รับสั่งให้จองจำนั้นทั้งหมด ถวายโอวาทว่าข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงทรงนิรโทษให้แก่พวกข้าบาทมูลเหล่านั้น และพระเทวีเถิด พระเจ้าข้า

ก็ในกาลนั้นพระราชาฉัตตปาณีนั้น คิดว่าเราละเลยสนมหนึ่งหมื่นหกพัน คลอเคลียอยู่กับพระเทวีเพียงนางเดียวเท่านั้นด้วยอำนาจกิเลส ยังไม่สามารถจะให้นางอิ่มหนำได้ ขึ้นชื่อว่าการโกรธต่อหญิงทั้งหลายที่ให้เต็มได้ยาก อย่างนี้ก็เช่นกับการโกรธผ้านุ่งที่เศร้าหมองว่า เหตุใดผ้าจึงเศร้าหมอง และเป็นเช่นกับการโกรธอาหารที่บริโภคแล้วกลับเป็นคูถ ว่าทำไมจึงกลับเป็นคูถ ต่อแต่นี้ไปเราขออธิษฐานว่า ยังไม่บรรลุอรหัตตราบใด ขอความริษยาจงอย่าเกิดแก่เราเพราะอาศัยกิเลสตราบนั้น ตั้งแต่นั้นมาพระราชามิได้ทรงริษยาเลย ฉัตตปาณีกัลบกกล่าวว่าเพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงไม่ริษยา หมายถึงความข้อนี้

ลำดับนั้นพระราชาตรัสถามว่า ดูก่อนท่านฉัตตปาณี ท่านเห็นอารมณ์อันใดจึงเป็นผู้ไม่ดื่มน้ำเมา ฉัตตปาณีเมื่อจะกราบทูลถึงเหตุนั้นจึงกล่าวคาถานี้ว่า :

        ข้าแต่มหาราช ข้าพระพุทธเจ้าเมาแล้วจึงได้กินเนื้อบุตร

ข้าพระพุทธเจ้าถูกความโศกถึงบุตรนั้นกระทบแล้ว

จึงเว้นการดื่มน้ำเมา

อธิบายความในคาถานั้นว่า ข้าแต่มหาราชเมื่อครั้งก่อนข้าพระองค์เป็นพระเจ้าพาราณสีเช่นเดียวกับพระองค์ ขาดน้ำเมาเสียแล้วก็ไม่สามารถจะดำเนินชีวิตไปได้ แม้อาหารที่ไม่มีเนื้อก็ไม่สามารถบริโภคได้ ที่พระนครไม่มีการฆ่าสัตว์ในวันอุโบสถ พ่อครัวซื้อเนื้อมาเก็บไว้แต่วัน ๑๓ ค่ำแห่งปักษ์ เนื้อนั้นเก็บไว้ไม่ดี สุนัขจึงกินเสียหมด พ่อครัวหาเนื้อในวันอุโบสถไม่ได้ จึงปรุงอาหารมีรสเลิศต่าง ๆ สำหรับพระราชายกขึ้นไปบนปราสาท แต่ไม่อาจนำเข้าไปได้ จึงเข้าไปเฝ้าพระเทวีกราบทูลว่า ข้าแต่พระเทวีวันนี้ข้าพระองค์หาเนื้อไม่ได้ จึงไม่อาจนำพระกระยาหารที่ไม่มีเนื้อเข้าไปถวายได้ ข้าพระองค์จะทำอย่างไรดี

พระเทวีตรัสว่า นี่แน่ะเจ้า โอรสของเราเป็นที่รักโปรดปรานของพระราชา พระราชาทรงเห็นโอรสของเราแล้วก็จะทรงจุมพิตสรวมกอดโอรสนั้นเพลินจนไม่ทรงทราบว่า เนื้อมีหรือไม่มีสำหรับพระองค์ เราจะแต่งตัวโอรสแล้วให้นั่งบนพระเพลาของพระราชา เวลาที่พระองค์ทรงหยอกล้อพระโอรส ท่านจึงค่อยนำพระกระยาหารเข้าไปถวาย

พระเทวีตรัสดังนั้นแล้วจึงตกแต่งพระราชกุมารโอรสของพระองค์ให้นั่งบนพระเพลาของพระราชา ในเวลาที่พระราชาทรงหยอกล้อเล่นกับพระโอรส พ่อครัวจึงนำพระกระยาหารเข้าไปถวาย พระราชาทรงเมาสุรา ไม่ทรงเห็นเนื้อในถาด จึงตรัสถามว่า เนื้ออยู่ไหน พ่อครัวกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ข้าพระองค์หาเนื้อไม่ได้เพราะวันนี้เป็นวันอุโบสถ ไม่มีการฆ่าสัตว์ จึงตรัสว่า ชื่อว่าเนื้อสำหรับเราหาได้ยากนักหรือ จึงทรงหักคอพระโอรสที่นั่งอยู่บนพระเพลา จนถึงสิ้นชีพิตักษัย โยนไปข้างหน้าพ่อครัวตรัสว่า จงไปปรุงมาโดยเร็ว

พ่อครัวได้ทำตามรับสั่ง พระราชาได้เสวยพระกระยาหารด้วยเนื้อพระโอรสแล้ว มิได้มีผู้สามารถร่ำไห้ทัดทานแม้แต่คนเดียว เพราะกลัวพระราชา พระราชาครั้นเสวยเสร็จแล้วเสด็จเข้าห้องบรรทม ทรงตื่นบรรทมตอนใกล้รุ่ง ทรงสร่างเมาแล้วรับสั่งว่า จงนำโอรสของเรามา

ในกาลนั้นพระเทวีหมอบกันแสงร่ำไห้อยู่ ณ แทบพระบาท เมื่อพระราชาตรัสถามว่า กันแสงเรื่องอะไร

กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์เมื่อวานนี้พระองค์ทรงฆ่าพระโอรสแล้วเสวยพระกระยาหารกับเนื้อพระโอรสเพคะ พระราชาทรงกันแสงด้วยความโศกถึงพระโอรส ทรงเห็นโทษในการดื่มน้ำเมาว่า ทุกข์นี้เกิดขึ้นแก่เรา เพราะอาศัยการดื่มน้ำเมา แล้วทรงกำฝุ่นขึ้นมาทาพระพักตร์ ทรงอธิษฐานว่า ตั้งแต่นี้ไปเรายังไม่บรรลุพระอรหัตตราบใด เราจักไม่ดื่มสุราตราบนั้น ตั้งแต่นั้นมาพระองค์มิได้ทรงดื่มน้ำเมาอีกเลย

ลำดับนั้นพระราชาตรัสถามฉัตตปาณีว่า ฉัตตปาณีท่านเห็นอารมณ์อะไรหรือ จึงไม่มีความรัก ฉัตตปาณีเมื่อจะทูลเหตุนั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า :

        ข้าพระองค์เป็นพระราชาพระนามว่ากิตวาส

โอรสของข้าพระองค์ทำลายบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วสิ้นชีวิต

ข้าพระองค์ไม่มีความรักเพราะโอรสนั้นเป็นเหตุ

ความในคาถานั้นว่า ข้าแต่มหาราชเมื่อครั้งก่อนข้าพระองค์เป็นพระราชาพระนามว่า กิตวาส ในกรุงพาราณสี โอรสของข้าพระองค์ได้ประสูติ ครั้นประสูติแล้ว โหรเห็นลักษณะพระโอรสแล้วทำนายว่า ข้าแต่มหาราช พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระโอรสนี้จักอดน้ำสิ้นพระชนม์ พระเจ้าข้า

พระชนกชนนีทรงขนานนามพระโอรสนั้นว่า ทุฏฐกุมาร กุมารนั้นครั้นเจริญวัยแล้ว ได้ดำรงตำแหน่งอุปราช พระราชาโปรดให้พระกุมารตามเสด็จ ข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้างเสมอ และเพราะเกรงพระโอรสจะอดน้ำตาย จังรับสั่งให้ขุดสระโบกขรณีไว้ในที่นั้น ๆ ภายในพระนครในประตูทั้งสี่ด้าน รับสั่งให้สร้างมณฑปไว้ตามสี่แยกเป็นต้น แล้วให้ตั้งตุ่มน้ำดื่มไว้

วันหนึ่งพระกุมารแต่งพระองค์เสด็จประพาสอุทยานแต่เช้าตรู่ พบพระปัจเจกพุทธเจ้าในระหว่างทาง มหาชนเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วต่างก็กราบไหว้สรรเสริญและประคองอัญชลีแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น พระกุมารนั้นคิดว่า พวกที่ไปกับคนเช่นเราพากันกราบไหว้สรรเสริญประคองอัญชลีแด่พระสมณะโล้นนี้ ทรงพิโรธ ลงจากช้างเข้าไปหาพระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสถามว่า สมณะท่านได้ภัตตาหารแล้วหรือ

พระปัจเจกพุทธเจ้าบอกว่า ได้แล้ว พระกุมาร

พระกุมารจึงแย่งบาตรจากมือพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุ่มลงบนพื้นดินเหยียบย่ำยีภัตตาหารให้แหลกไป

พระปัจเจกพุทธเจ้าแลดูหน้าพระกุมารนั้น คิดว่าสัตว์ผู้นี้จะวอดวายเสียแล้วหนอ

พระกุมารตรัสว่า สมณะเราเป็นโอรสของพระเจ้ากิตวาส มีนามว่าทุฏฐกุมาร ท่านโกรธเรา มองดูตาเรา จะทำอะไรเรา

พระปัจเจกพุทธเจ้า บาตรแตกแล้วจึงเหาะขึ้นสู่เวหาไปสู่เงื้อมเขานันทมูล ณ หิมวันตประเทศ เบื้องทิศอุดร ขณะนั้นเองกรรมชั่วของพระกุมารก็ให้ผลทันตา พระกุมารมีพระวรกายเร่าร้อนพลุ่งพล่าน ตรัสว่า ร้อนเหลือเกินล้มลง ณ ที่นั้นเอง น้ำทั้งหมดที่มีอยู่ ณ ที่นั้น ๆ ก็เหือดแห้ง สระนั้นหลายก็แห้งผาก พระกุมารสิ้นชีพิตักษัยในที่นั้นเอง ไปบังเกิดในนรกอเวจี

พระราชาทรงสดับเรื่องราวนั้นแล้ว ถูกความโศกถึงพระโอรสครอบงำ ทรงดำริว่า ความโศกของเรานี้เกิดขึ้นแต่สิ่งที่เรารัก หากเราจะไม่มีความรักแล้ว ความโศกก็จะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขึ้นชื่อว่าความรักในสิ่งใด ๆ ทั้งที่มีวิญญาณหรือไม่มีวิญญาณ อย่าได้เกิดขึ้นแก่เราเลย ทรงอธิษฐานดังนี้แล้ว ตั้งแต่นั้นไปก็ไม่มีความรักเลย

ลำดับนั้นพระราชตรัสถามฉัตตปาณีว่า ดูก่อนฉัตตปาณีท่านเห็นอารมณ์อันใดเล่า จึงเป็นผู้ไม่โกรธ ฉัตตปาณีเมื่อจะกราบทูลความนั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า :

        ข้าพระองค์เป็นดาบสชื่อว่าอรกะ

เจริญเมตตาจิตเจ็ดปีอยู่ในพรหมโลก เจ็ดกัป

เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ไม่โกรธ

ความในคาถานั้นว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์เป็นดาบสชื่ออรกะ เจริญเมตตาจิต เจ็ดปี แล้วอยู่ในพรหมโลกถึงเจ็ดสังวัฏฏกัป วิวัฏฏกัป ข้าพระองค์นั้นจึงไม่เป็นผู้โกรธ เพราะประพฤติสั่งสมเมตตาภาวนาสิ้นกาลนาน

เมื่อฉัตตปาณีกราบทูลองค์ ๔ ของตนอย่างนี้แล้ว พระราชาได้ทรงให้สัญญาที่นัดหมายไว้แก่บริษัท ทันใดนั้นเองเหล่าอำมาตย์มีพราหมณ์และคหบดีเป็นต้น ต่างลุกฮือกันขึ้นกล่าวว่า แน่ะ เจ้าคนกินสินบน โจรผู้ชั่วร้าย เจ้าไม่ได้กินสินบนแล้ว จึงคิดจะฆ่าบัณฑิต ต่างช่วยกันจับมือและเท้ากาฬกะเสนาบดีพาลงจากพระราชนิเวศน์ ทุบศีรษะด้วยก้อนหินและไม้ค้อนคนละไม้ละมือ จนถึงแก่ความตาย จึงจับเท้าลากไปทิ้งไว้ที่กองหยากเยื่อ ตั้งแต่นั้นมาพระราชาทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ครั้นสวรรคตแล้วก็เสด็จไปตามยถากรรม

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า กาฬกะเสนาบดีในครั้งนั้นได้เป็น เทวทัตในครั้งนี้ฉัตตปาณีอุบาสกได้เป็นสารีบุตร ส่วนธัมมัทธชปุโรหิต คือเราตถาคตนี้แล

จบ ธัมมัทธชาดก



http://www.dharma-gateway.com/buddha/chadok-02-02/chadok-020710.htm
170  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเราถูกเพื่อนบ้าน ผูกโกรธ ไว้ ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายผิด เราควรทำอย่างไร เมื่อ: กันยายน 21, 2012, 02:43:10 pm
ลองฟังเรื่อง กฏแห่งกรรม เรื่อง หมอชะลอ ดูสิครับ จะเข้าใจการจองเวร กัน ที่มี ต่อกัน

 :s_hi:
171  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: จ่ายค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้นอีกแล้วนะเริ่มตั้งแต่ เดือน ก.ย.55 ไป จาก .3 เป็น .48 (ft) เมื่อ: กันยายน 20, 2012, 12:52:26 pm
เป้าหมายขึ้น 60 สตางค์ ครับ หมายความจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้น หน่วยละ 60 สตางค์ มีผลนะครับ ผมเองเห็นบิลเดือนนี้แล้ว ก็รู้ทันทีครับว่า ค่าไฟฟ้าไม่ถูกลง มีแต่ ขาขึ้นอย่างเดียวครับ

  :smiley_confused1:
172  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: 24 -30 กันยายน ขอเชิญเที่ยวงาน ส้มโอมณฑล นครชัยศรี ณ วัดไร่ขิง ประจำปี 2555 เมื่อ: กันยายน 17, 2012, 03:01:01 pm
งานจัดภายในวัด ใช่หรือไม่ครับ
 :c017:
173  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การเห็นในกรรมฐาน คือการเห็น มโนภาพ ใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: กันยายน 16, 2012, 05:16:01 pm
เรื่องนี้พระอาจารย์ ยังไม่ได้ตอบนะครับ

  :49: :c017:
174  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมปฏิบัติธรรม ณ วัดตาขัน จ.ระยอง 6 - 15 ต.ค.55 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 10:30:33 pm
อนุโมทนา สาธุ ครับ ที่แจ้งข่าว
คณะ อ๊บ อ๊บ ไปเที่ยว ระยองกันดีหรือไม่ครับ

  :25: :25:
175  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 9 เดิอน 9 ปี 55 วันพระ วันนี้ เชิญท่าน ตั้งมั่นในศีล ทาน และ ภาวนา คะ เมื่อ: กันยายน 09, 2012, 07:14:05 am
อนุโมทนา ครับ อย่างน้อยไม่ได้ไป ทำทาน ก็รักษาศีล เจริญธรรม ภาวนาที่บ้านก็ยังสามารถทำกันได้นะครับ ขอบคุณที่เตือนครับ

  :c017: :c017: :c017:
176  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ใครจะเข้าใจ ความรู้สึก ของนางปฏาจารา กันบ้าง ( ทำไมถึงได้วิมุตติ ) เมื่อ: กันยายน 08, 2012, 08:30:38 am
เมื่อนางปฏาจารา ถึง วิปัลลาส ขาดสติ เนื่องเพราะ
 
   สามีสุดที่รักจากไป เพราะงูกัดตาย
   ลูกที่พึ่งคลอด ถูกเหยี่ยวโฉบนำไป
   ลูกคนโตถูกน้ำพัดพาไป
   พ่อแม่ พี่น้อง ถูกโจรฆ่าตาย
 
   เมื่อนั้น สติของนางขาดออก กลายเป็นหญิง เดินเปลือยกายไปในที่ต่าง ๆ เพราะเหตุไร

   เมื่อชีวิต กลับมาเพราะ บารมีธรรมของพระพุทธเจ้า ชีวิตใหม่ที่ไม่มีอีกต่อไป จึงมีเกิดขึ้น แก่พระอรหันต์เถรี ดังนี้


   ข้อความจากเมลของพระอาจารย์ ครับ

   
    ขอบคุณภาพจาก http://lh5.ggpht.com/
177  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: "ชดใช้กรรม" อย่างไงก็ไม่หมด...ต้องสร้าง "โลกุตตรกุศล" เท่านั้น เมื่อ: สิงหาคม 28, 2012, 02:52:00 pm
อนุโมทนา สาธุ กับ ธรรมะที่นำมาฝากในวันนี้ ครับ
คุณ Nathaponson นี้น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในธรรม มากนะครับ เพราะดูโพสต์ แล้ว มีสาระมาก ๆ นะครับ

 :coffee2:  :c017: :25:
178  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: E-Book "พุทธมามกชนต้นแบบ" ประวัติอสีติมหาสาวก ๘๐ องค์ เมื่อ: สิงหาคม 17, 2012, 01:44:06 pm
ขอบคุณมากครับกำลังหาอ่านอยู่เลยครับ
 :25: :c017:
179  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สมาธิ กับ อุเบกขา เป็นองค์เดียวกันหรือไม่ครับ. ? เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 04:02:01 pm
เจตนา ของ จขกท. นั้นต้องการนำมาคุยห้องนี้ครับ คงต้องการให้เพื่อน ๆ ร่วมกัน ธัมมะวิจัย กันนะครับ เชื่อว่าไม่ต้องถึงมือพระอาจารย์เข้ามาตอบ ครับ เรื่องนี้

   สมาธิ คือ อะไร ?

    ความที่จิต เสวย ความที่มีอารมณ์เดียว ครับ

  อุเบกขา คือ ความที่วางเฉยจากอารมณ์ ครับ

     ดังนั้น สมาธิ และ อุเบกขา จึงมีความต่างกันอย่างคนละขั้ว ครับ


อันนี้ เป็น สมาธิ

อันนี้ เป็นอุเบกขา

   :s_hi: :13:
180  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อยากทราบเหตุผล เวลาภาวนาในฐานเริ่มต้น ไม่ให้กำกับลมหายใจเข้าออกคะ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2012, 06:10:42 pm
พระพุทธานุสสติ
ไม่ใช่ลมหายใจเข้าออก นะครับ

พระอานาปานสติ
ไม่ใช่พระพุทธคุณนะครับ

กรรมฐาน คนละส่วนนะครับ

กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นเป็นการฝึก พระพุทธานุสสติก่อน สามห้องนะครับ
การฝึกก็ต้องควบคุมจิต ปูพื้นฐาน กันใหม่.... ดังนั้นต้องว่าคนละส่วนนะครับ จะปฏิบัติตามใจฉันไม่ได้ครับ
ต้องปฏิบัติให้ถูก ทุกวันนี้ปฏิบัติ แอพพลาย Apply กันมากนะครับจึงทำให้ กรรมฐานปนกันไป ปนกันมา แล้วก็มาหนักหน้า หนักใจกันนะครับ

 มาถูกทางแล้ว ต้องฝืนอุปนิสัยกันบ้างนะครับ อย่าตามใจตนเองนักครับ จะเสียการใหญ่นะครับ



 

181  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ทำไมเวลาภาวนากรรมฐาน ในท่านอนแล้วจึงหลับคะ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2012, 06:05:15 pm


เนื่องด้วยท่านอน นั้น เลือดลมจะนิ่งครับทำให้เลือดไม่ไหลไปสมองครับ เป็นท่าพักผ่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ครับการนอนจัดว่าเป็นท่าพักผ่อนหลักนะครับ คนเราจะใช้ท่านอนเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตนะครับ สำหรับผู้ภาวนานั้นจะใช้ท่านอนเพียง 20 เปอร์เซ้นต์ของชีวิตนะครับ เฉลี่ยการนอนของนักภาวนานั้นจะอยู่ประมาณ 2 - 6 ชม.ครับ ส่วนคนทั่วไป นั้นต้อการนอนพักผ่อนมากกว่า 8 ชม.นะครับนับว่า เป็นอิริยาบถใหญ่มากครับ สำหรับการนอน

  ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยนะครับ เมื่อเราภาวนาไปสักครู่หนึ่งนั้น สมองก็ใช้อ็อกซิเจนน้อยลงนะครับ เรียกภาวะโหมดประหยัดพลังงานนะครับ ก็คงเหลือเพียงจิตใต้สำนึกทำหน้าที่หนักต่อไป ขึ้นอยู่สภาวะจิตที่ฝึกมานะครับถ้าใครฝึกจิตมาดี ตอนนอนก็จะประหยัดพลังงานด้วยครับ แต่ถ้าใครฝึกมาไม่ดี ตอนนอนก็สิ้นเปลืองพลังงานด้วยครับ



   เมื่อเรานอนหลับ ธรรมชาติของจิตปุถุชนนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า จินตภาพ ซึ่งจะเป็นเรื่อง เป็นช็อต เป็นฉากเกิดขึ้นสมจริงเหมือนเราเข้าไปแสดงอยู่ในนั้นนะครับ เราจะรู้สึกได้ว่ามีความทรมาน สุข เศร้า สนุก ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องกับฉากที่เกิดขึ้น

    มีผู้กล่าวว่า ในช่วงที่เราหลับนั้น คือสภาวะของฌานที่ 1 เป็นสภาวะที่ปลดจิตออกจากร่างเข้าสู่ มิติ สับสนอลหม่่าน ดังนั้นใครฝึกจิตมาดี ก็จะเข้าไปมิติที่ดี เส้นตรงครับ ดังนั้นเราอาจะพบคนที่เสียชีวิตไปแล้วในความฝัน หรือ คนที่มีชีวิตอยู่ ในความฝันได้


ขอบคุณภาพประกอบจากหลายส่วนนะครับ
มาคุยเป็นเพื่อนก่อนนะครับ



   
182  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พระสังฆราชประทาน 'พระวรธรรมคติ' วันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา เมื่อ: สิงหาคม 02, 2012, 05:29:27 pm
อนุโมทนา สาธุ ที่พระองค์ท่าน ยังได้ประทานธรรม ในวาระพิเศษเช่นนี้
สาธุ สาธุ สาธุ

 ขอบคุณ จขกท. ด้วยครับ
 :25: :25: :25:
183  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอความอนุเคราะห์พระอาจารย์ช่วยสอนมัชฌิมากรรมฐานตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อ: สิงหาคม 02, 2012, 05:23:51 pm
อนุโมทนา สาธุ มีความตั้งใจเรียน แต่เท่าที่ติดตามการโพสต์ คุณ Admax ดูแล้วความรู้ทางธรรม ในสายพ่อแม่ครูอาจารย์ น่าจะแน่นปึ๊ก นะครับ

  :49:
184  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เรียนถาม ว่า ถ้าผมฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ แล้วไม่ก้าวหน้ายากจะฝึก อานาปานสติ เมื่อ: สิงหาคม 01, 2012, 07:52:20 pm
แสดงว่า ผู้ฝึก มีอาการ ต้อแต๋ ท้อแท้ ครับ งานนี้ต้องคุยหาเหตุผลจริง ๆ ว่าเพราะอะไร กันแน่
อาจจะเป็นเพราะว่าข้อที่ 1 โดยตรงก็ได้นะครับ ว่ามีแต่เพื่อนไปปฏิบัติ อานาปานสติ กันและต้องไปด้วยจะมัวแต่ไปเอาแต่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับก็คงไปไม่รอด แน่ ๆ ก็เลยสละ เรือ มัชฌิมา ไปอานาปานสติ

 หรือเป็นเพราะข้อที่ 2 ไปมาหลายรอบ ก็ไปนั่งสงบนิ่ง ๆ สนทนากับครูอาจารย์น้อย และเห็นเพื่อน ๆ ก้าวหน้าแล้วอายเพื่อน ๆ กันแน่

 หรือยังการปฏิบัติแบบเก่าเพราะสังสมอย่างนั้นมานาน

  หรือเห็นว่ากรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ว่ายากสุด ๆ

   :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:

185  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เวลาที่เราทุกข์ใจ อยู่นั่้น ทำไมนั่งกรรมฐาน ไม่ได้ เลยคะ เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 05:34:43 pm
เรียนถาม วิธีการกำหนดทุกข์ ครับ ควรทำอย่างไร ( ตอบโดย ธัมมะวังโส )
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8288.msg30934#msg30934

เชิญไปอ่านความเกี่ยวข้องตรงนี้เลยครับ ความทุกข์ ที่มีอยู่ทำให้ปฏิบัติกรรมฐานไม่ได้เพราะอะไรเชิญครับ

 
ขอบคุณภาพจาก http://www.facebook.com/media/albums/?id=100002143894652
186  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ฤา จะเรียนหา ครูกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับมากขึ้น เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 05:27:42 pm
ตอนนี้ไม่ยากนะครับ
 
  องค์นี้รูปนี้ สามารถไปหา และเรียนกรรมฐานได้ทุกวัน ครับ
ที่วัดราชสิทธาราม คณะ 5


ชมภาพอื่น ๆ ได้ที่นี่ด้วยครับ
http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/483275_338285349586259_1151242417_n.jpg


แต่ถ้าเป็นองค์นี้ คือพระอาจารย์สนธยา ธัมมะวังโส เหมือนภาพนะครับ เดินตามหลังหาท่านไม่ได้ครับในขณะนี้ต้องเรียนผ่านเว็บ ฟังเสียงทางสถานีไปเรื่อย ๆ ครับ


187  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เรียนถาม วิธีการกำหนดทุกข์ ครับ ควรทำอย่างไร เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 05:12:10 pm
การกำหนดทุกข์ มีวิธีการกำหนดอย่างนี้

  1.กำหนดทุกข์ ว่าทุกข์ เกิดทีตรงไหน
  2.ทุกข์มีความทรมานลำบากมากน้อยอย่างไร
  3.ทุกข์นี้เคยบรรเทาได้อย่างไร
  4.ทุกข์นี้ดับได้อย่างไร
  5.ทุกข์ที่เกิดนั้นกำหนดได้แล้ว
  6.ทุกข์ที่เกิดนั้นกำหนดยังไม่ได้
 

  เบื้องต้นเท่านี้นะจ๊ะ
    ;)

 

  ส่วนนี้ถ้าขยายความก็จะทำให้เกิดวิธีการกำหนดได้ง่ายขึ้นนะครับ
 
188  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เรียนถาม วิธีการกำหนดทุกข์ ครับ ควรทำอย่างไร เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 05:09:35 pm
ขออนุญาตนำจดหมายที่พระอาจารย์ตอบวันก่อน มาให้อ่านดีกว่านะครับ เพราะผมใคร่ครวญแล้วไม่เป็นข้อความลับแต่ประการใด คิดว่าแจกธรรมตรงนี้น่าจะมีประโยชน์มากกว่านะครับ

ข้อความจากจดหมายที่พระอาจารย์ตอบเรื่องการกำหนดทุกข์ ครับ



ภาพจาก www.facebook.com/madchimaRDN
สำหรับเรื่องการกำหนดทุกข์นั้น มีการกำหนดอยู่ 3 ระดับ

              1.กำหนดทุกข์ ได้ เพราะทุกข์ นั้นดับไปเอง
                 การกำหนดทุกข์ สำหรับปุถุชนนั้น กำหนดในปัจจุบันยังไม่ได้ เพราะสัมมาทิฏฐิ ยังไม่มียิ่งกำหนด ก็จะยิ่งทุกข์มากขึ้น คนที่ทุกข์มาก ๆ ในขณะนั้น ผลคือความตรอมใจ สิ้นหวัง ท้อถอยบ หดหู่ ซึมเศร้า เป็นต้น ถ้ามีทุกข์อยู่ในขณะนั้น ฟังธรรม เรียนธรรมเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นไม่ใช่เวลาที่จะมานั่ง นอน ยืน เดิน ภาวนาเลย ด้องไประงับทุกข์กันก่อนถึงจะภาวนาได้ ที่นี้ทุกข์จริง ๆนั้น เขาไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา ทุกข์ เกิด ทุกข์ ดับ เป็นขณะ ดังนั้นต้องอาศัยช่วงเวลาที่ทุกข์ดับไประยะหนึ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ ภาษาเราเรียกว่า ลืมทุกข์ ดังนั้นปุถุชน คนทั่วไป จะแสวงหาวิธีการลืมทุกข์ และสอดใส่พระธรรมใด พระธรรมจนกระทังทุกข์นั้น หายไป เสื่อมไป ซึ่งชาวโลกเรียกว่า ทุกข์คลายเพราะเวลา อาศัยเวลาทุกข์จึงหาย ส่วนนี้ใช้ได้ ทั้งทุกข์ที่มีกำลัง น้อย ถึง ขั้นสูง การกำหนดทุกข์เช่นนี้ไม่ต้องสอน ทุกคนมีโดยธรรมชาติ

              2.กำหนดทุกข์ ขั้นกลาง เพราะทุกข์ไม่ดับไปเอง ยังคงมีอยู่เช่นนั้น แต่เกิดดับไว ติดต่อทำให้ทรมานทั้งกาย และใจ
                การกำหนดทุกข์ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนการกำหนดทุกข์ อย่างนี้ด้วยสติ เรียกว่า สติปัฏฐาน ตั้งสติไว้ในฐาน 4 คือ กาย เวทนา จิต และ ธรรม อย่างที่ท่านทั้งหลายเคยได้ยิน ได้ฟัง ได้รู้มากันบ้างแล้วไม่มากก็นอ้ย แต่วิธีการนี้ สามารถทำได้ในขณะที่มีทุกข์อยู่ ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อขยายและยืดเวลาที่ทุกข์นั้นดับด้วยสติให้มีระยะเวลาในการกำหนดพิจารณาให้มากขึ้น ดังนั้นวิธีการนี้เป็นที่นิยมเหมาะแก่คนที่มีทุกข์ ประจำ ๆ ไม่ว่าจะทุกข์ เรื่องใด ก็ให้ตั้งสติ ไว้และจะแก้ไขทุกข์นั้นได้ สภาวะเช่นนี้ปุุถุชน คนทั่วไปก็อาศัยการฝึกภาวนาแบบนี้ได้ และ รู้ได้ด้วยกำลังปัญญา แต่วิธีการนี้ จิตต้องไต่ไปตามระดับ ตั้งแต่ รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรม ควรพัฒนาไปเป็นชุด เพราะปัจจุบันการสอนเอาเร็วจึงฉวยช่วงปลายมาสอนบ้าง หรือนำช่วงกลางมาสอนบ้าง แท้ที่จริงพื้นฐานการสะสมบารมีบางท่านอาจจะมีกำลังมาถึงระดับนั้นแล้วจึงได้รู้ได้ นับว่าเป็นข้อผิดพลาดของการสอนที่นำสติปัฏฐานขั้นสูงมาถ่ายทอดก่อนระดับต้น เพราะพุทธเจ้าให้ปฏิบัติตามลำดับ ถ้าใครปฏฺบัติตามลำดับ ก็ชื่อฝึกอานาปานสติ ขั้นสมบูรณ์ คือ ผ่านสติ ทั้ง 16 ขั้นตอน สังเกตุอานาปานสติเริ่มต้นตั้งแต่ กาย ไปเวทนา ไปจิต ไปธรรม ขั้นสุดท้าย

                 สำหรับเรื่องการกำหนดรู้ทุกข์นี้ ดั้งนั้นครูอาจารย์จึงเตือนท่านทั้งหลายทางอ้อมว่าให้กำหนดลมหายใจเข้า กำหนดลมหายใจออกบ้างเพราะเป็นการเพิ่มพื้นฐาน ในส่วนของสตินั่นเอง

              3.การกำหนดทุกข์ ขั้นสูง เพราะทุกข์นั้นเปลี่ยนสภาพเป็นทุกข์ละเอียด ( ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือสุข ) เป็นการฝึกในระดับสมาธิ
             ทุกข์มีได้ เพราะสุขหายไป สุขมีได้  เพราะทุกข์หายไป ทุกข์ กับ สุข อยู่คู่กัน
             เวลาที่จิตมีความทุกข์ เวลานั้นทุกคนก็จะแสวงหาความพ้นทุกข์
             แต่เวลาใดที่มีความสุข ทุกคนก็จะพยายามอยู่กับความสุขนัน ที่แท้ความพยายามตรงนั้นก็คือความทุกข์ เป็นต้นตอของตัณหา คนที่มีจึงไมรู้จักพอ จุึงทำให้เกิดการฝีนกฏธรรมชาติ คือไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ และไม่อยากตาย ทุกข์( สุข ) จึงมีรูปแบบให้คนทั้งหลายแสวงหา ดังนั้นพระอริยเจ้า ท่านจึงเข้าใจด้วยจิตขั้นสูงว่า สุข หรือ ทุกข์ ที่เราเห็นตามความเป็นจริง ด้วยกำลังของสมาธิจึงจะแก้กิเลสนั้นได้
             สุข ที่มนุษย์และเท่วดา ละไม่ได้ เรียกว่า สุขทิพย์ เป็นสุขที่อำนาจเกินจาก สุข ของโลกธรรมของมนุษย์ เพราะความเป็นทิพย์ทั้งหลายเป็นที่ปรารถนา ของมนุษย์และเทวดา เป็นอย่างมากดังนั้น การเรียนกรรมฐาน ฝ่ายเจโตวิมุตติมุ่งหมายในข้อ 3 คือการละสุข

              การละเพียงทุกข์ ก็สำเร้จเป็นพระอริยะบุคคลได้ ในระดับวิปัสสก
              แต่การทุกข์ และ สุข ได้นั้นสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคล ในระดับ เตวิชโช ขึ้นไป

              การกำหนดทุกข์ จะทำให้ท่านทั้งหลาย เลือกเป้าหมายในการภาวนาได้ง่ายขึ้น เพราะบางท่านไม่มีความทุกข์ เพราะทุกข์ถูกตัดแล้วด้วยสติ เพราะมีสติอยู่เนื่องด้วยท่านมีบารมีธรรมสะสมมาเพียงพอ จึงทำให้ท่านรู้สึกว่า กำหนดทุกข์กันไม่ได้ แต่ท่านก็ควรจะกำหนดสุข ขึ้นมา แสดงว่าท่านทั้งหลายมีบุญบารมีในการฝึกกรรมฐาน ในระดับสมาธิ

               ในสติ มี(สัมปชัญญะ) การรู้สึกตัวทั่วพร้อม
               ในสมาธิ มี (ยถาภูตญาณทัศศนะ )การเห็นตามความเป็นจริง

               ดังนั้นการกำหนดทุกข์ ในความเป็นจริงแล้ว ต้องใช้ทุกแบบ เพราะจังหวะของชีวิตมีทุกแบบ แต่วาสนาบารมีในการพ้นจากทุกข์ได้นั้น จะไปตกจังหวะไหนก็อยุ่ที่บุญบารมี ที่สะสมกันมาด้วย บางท่านปรารถนาเป็นพระพุธทเจ้า บางท่านเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ บางท่านปรารถนาเป็นเอตทัคคะในพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ความปรารถนาส่วนนี้เป็นธรรมปิดกั้น ธรรมสภาวะของการบรรลุด้วย ดังนั้นถ้าท่านใดตั้งใจที่จะบรรลุธรรมในชาติปัจจุบัน ก็ขอให้คืน ความปรารถนาทั้งปวงนั้นลงด้วยการอธิษฐาน เป็นพุทธสาวก ในปัจจุบัน อย่างต่อเนื่องให้ทำความปรารถนาอย่างนี้ทุกวันจนกว่าจะบรรลุธรรม

               สรุปธรรมบทนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลาย กำหนด ปริวัฏ 3 ในอริยสัจจะ 4 ได้เป็นและถูกทาง

              การกำหนดทุกข์นั้น

               1.เวลาทุกข์อยู่ภาวนาไม่ได้ ถ้าท่านทั้งหลาย ใช้วิธีบรรเทาทุกข์ แบบปุถุชน ดังนัั้นอย่าพยายามภาวนาถ้าท่านไม่ได้ตั้งสติ เสียก่อน
               2.ถ้ามี ทุกข์ อยู่ให้ไปขยายเวลาของการลืมทุกข์ออก ด้วยสติ เสียก่อน แล้วจึงภาวนา
               3.ถ้ามี สุข อยู่ไม่มีความทุกข์ในขณะนั้น แสดงว่า สติสมบูรณ์ ให้เจริญสมาธิ ให้มากขึ้น
189  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 'กรุแตก'..โบสถ์เก่าวัดท่าไชย สองแคว เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2012, 07:57:16 pm
อนุโมทนา สาธุ มีพิมพ์อะไร บ้างครับ มีรูปหรือไม่ครับ
 :25:
190  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ฮือฮา! "นร.โข่ง" อายุ 28 ปี เรียนชั้น ป.1 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2012, 07:56:09 pm
 :s_good: เรียกน้องไม่เต็มปากเลยเด้อ ใกล้เคียงกัน อย่างนี้ ป.6 อย่้างผมก็ต้องกลับไปเรียน ม.ต้นแล้ว

  :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:

 สาธุ กับความตั้งใจ ไม่มีคำว่าสาย ถ้าจะเรียน

  :coffee2:
191  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหา (ฉันทะ) เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2012, 06:34:09 pm
จะกล่าว ฉันทะ เป็นตัณหา นั้นยังไม่ได้จริง ๆ เพราะ

   ฉันทะ มีสองสาย สายหนึ่งเป็นไปเพื่อ อวิชชา อันนี้เขาใช้คำว่า กามฉันทะ

   ฉันทะ อีกสายหนึ่งเริ่มต้นด้วยวิชชา อันนี้เรียกว่า สมบูรณ์ด้วยปัญญาเป็นไปเพื่อการจากคลาย

   ถึงแม้จะเรียกชื่ออย่างไร ผลของฉันทะ นั้นก็คือ ความพอใจ และต้องการส่วนหนึ่ง

   หลายท่านอาจจะอธิบายว่า การต้องการพ้นจากทุกข์เป็น ตัณหา เพราะผลคืออยากเป็น เหตุคือความทุกข์

   ถ้ากล่าวอย่างนี้ ยังนับว่า เป็นความเห็นระดับเบื้องต้น ผู้เห็นแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่ภาวนา และ ไม่สนใจในการ

   ภาวนา จึงตีค่าการภาวนาเป็นไปอย่างนั้น

       :49:
192  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / แนะนำ โหลดไฟล์ pdf หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยาย ข้อมูลทั้งเล่มได้ที่ (ล่าสุด ) เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2012, 06:29:20 pm


แนะนำ โหลดไฟล์ pdf หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยาย  ข้อมูลทั้งเล่มได้ที่ (ล่าสุด )

http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/buddhadhamma_extended_edition.pdf

ขอบคุณเว็บ วัดญาณเวศ ด้วยนะครับ
ร่วมเผยแผ่ พระธรรม เพื่อชาวธรรม 
193  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เด็ก ม.ต้น จะวางมวยกับ ครู เนื่องด้วยโดนด่าในห้องเรียน 10 ก.ค.55 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 05:50:04 pm
เมื่อเด็ก ป 3 เขียน mindmap ด้วยอริยสัจ : เรื่องอะไรก็อ่านกันดูครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8211.0




โปรดอย่าละทิ้ง ความหวัง
เพราะความหวัง เป็นอาหารของใจ ครับ


 :25:
194  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เมื่อเด็ก ป 3 เขียน mindmap ด้วยอริยสัจ : เรื่องอะไรก็อ่านกันดูครับ เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 05:49:45 pm
จากตัวอย่างนี้ จะทำให้เห็นว่า เยาวชน ถ้าฝึกฝนให้ใช้ หลักธรรม เขาจะนำไปใช้คิดทำภาวนาได้ครับ แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้ภาวนา มีสอนพอหรือไม่เท่านั้น ครับ ถึงแม้จะดูว่า ทำได้ยาก เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องทำอย่าทำลายความหวังนะครับ ความหวังที่จะเห็นโลกมีสันติสุข นั้นต้องเป็นไปได้ใช่หรือไม่ครับ มนุษย์ทุกคนก็หวังอย่างนี้กันไม่ใช่หรือครับ หากพื้นพิภพนี้มีแต่สันติสุข แล้วไม่มีใครเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ก็ไม่มีความทุกข์ เมื่อไม่มีความทุกข์ก็ไม่ต้องถามถึงนิพพานกัน ใช่หรือไม่ครับ

   แนวคิดนี้จะสำเร็จในยุคพระศรีอาริยเมตตรัย ครับ

 :coffee2: :13: :13: :13:
195  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เด็ก ม.ต้น จะวางมวยกับ ครู เนื่องด้วยโดนด่าในห้องเรียน 10 ก.ค.55 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 05:44:30 pm
ต้องเชื่อว่าเป็นไปได้ ถึงแม้ความเป้นจริง จะเป็นไม่ได้
 โครงการศีลธรรม นำร่อง มีอยู่หลายโครงการที่ทำกันแล้ว แต่ปัญหา คือ คนดี มักถูกเบียดเบียน ยิ่งดี ยิ่งโดนเบียดเบียน ดังนั้นโครงการคนดี จึงไปไม่ได้ เพราะยิ่งประกาศตนว่าเป็นคนดี เท่ากับมีช่องว่างให้กับหมู่มารได้หลายอย่างครับ ปัจจุบันคนเราต้องเอาตัวรอด สอนกันทุกวันนี้ ก็ให้ทำดีกับครอบครัวก่อนเป็นเบื้องต้น ให้มีศีลกันบ้าง อย่าขาดกันเกินไป

   คนดี ไม่มีที่จะยืน และ อยู่ .... เพราะการศึกษาระบบคนดีนั้น ต้องมีผู้นำที่ดี
   ผู้นำที่ดี มาจากคนดี คนดี มาจาก เยาวชนดี เยาวชนดี มาจากการศึกษาภาวนาตามหลักธรรม

   :banghead:
196  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ต้องการ วีดีโอชุดนี้ ครับ "อา่นาปานสติ" เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 07:45:57 pm


ตามภาพที่มาจาก Facebook นะครับ
ไม่ทราบว่ายังพอมีอยู่หรือไม่ครับ

  :25: :25: :25: :c017:
197  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: จะเริ่มต้น..อ่านพระไตรปิฎกอย่างไร เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 07:26:27 pm
อนุโมทนา ครับ เรื่องนี้นับว่ามีประโยชน์มากจริง ๆ ครับ

  :25: :25: :25:
198  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ชาวบ้านผวา.! ปอบอาละวาด ทำพิธีขับไล่ล้างอาถรรพ์ ผู้หญิงป่วยตายนับ 10 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2012, 05:29:07 pm
เหลือเชื่อ มาก ๆ ผีปอบชอบอยู่ภาค อิสาณ นะครับ
    นาค พญานาค ก็จะมีอยู่มาก

  ส่วน ผีป่า ผีบ้าน จะอยู่ภาคเหนือ
    พระอริยสงฆ์ จะมีมากที่สุด เพราะพระธาตุ มีแทบนับกันไม่ไหวเลยครับ

  ผีปู่ตา จะอยู่ ภาคเหนือตอนล่าง
    แดนสนธยา เมืองลับแล ก็อยู่ส่วนนี้ครับ

  ผีเปตร ผีตาโขน จะอยู่ ภาคใต้
   กินนรี กินนร ครุฑ คนธรรพ์
 
  ส่วนภาคกลาง นี้ ผีห่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่  จะมีมาก
   

    ไม่ใช่กล่าวอย่างไม่เชื่อ นะครับ แต่เก็บสถิติไว้เป็นอย่างนี้

199  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถ้าไม่อธิษฐาน กรรมฐาน เป็นอะไรหรือป่าวครับ เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 06:18:16 pm
ผมเคยคิดว่า ไม่จำเป็น เพราะคิดดังนี้ มีอยู่ในวันหนึ่งได้ฟังในรายการช่วงประมาณ ทุ่มกว่า ๆ ปฏิบัติตามกับได้อารมณ์กรรมฐาน ชัดเจนครับ จึงรู้ว่าที่ผ่านมา ทีี่่ว่านิ่ง ๆ อยู่ พุทโธ หายไปนั้นไม่ใช่ สมาธิ เป็นแต่ติดนิ่ง ๆ เหมือนหลับ เหมือนฝัน ความเข้าไปถึงซึ่งปีติ ก็มีแบบจาง ๆ ไม่เกิดขึ้นอย่างมาก ก็เพราะว่าขาดการอธิษฐาน หรือ ลำดับกรรมฐาน นั่นเอง ดังนั้น เพื่อน ๆ ที่ยังบกพร่องเรื่องการอธิษฐาน ก็จะขาดวสี นะครับ

    :s_hi: :25:
200  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมสาระวันนี้ "เข้าใจ ธาตุ ก็เข้าใจ นามรูป รู้ที่ตั้งที่ดับ เพราะ อุปาทายรูป " เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 06:15:48 pm
สิ่งที่ทำให้เห็นในกระทู้นี้ ครับ

   1. กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีในพระไตรปิฏก สืบทอดกันมาไม่มีขัดกับพระสูตร

   2. กรรมฐาน มัชฌมาิ แบบลำดับ มีความลึกซึ้ง เป็นไปตามลำดับ อันไหนผู้ภาวนาไม่ได้ภาวนา ก็เกินภูมิธรรมที่คุยกันรู้เรื่อง ดังนั้น จึงสื่อสารเข้าใจ ธรรมปฏิบัติ

   3. ความรู้ของครูอาจารย์นั้น ไม่ใช่เรื่องที่หมิ่นได้ เราคิดว่าเรารู้แล้ว แต่เมื่อครูอาจารย์นำมาเปิดเผยให้ทราบก็รู้เลยว่าที่รู้มาันั้น ยังไม่พอแก่การภาวนา ครับ

   4.การร่วมธรรมวิจารณ์ นำมาซึ่งความเข้าใจในธรรม ครับ
   
    :49: :s_hi: :welcome:
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10