ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เชื่อมโลก เชื่อมตัวเองกับความสุข รึเปล่า.?  (อ่าน 1054 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เชื่อมโลก เชื่อมตัวเองกับความสุข รึเปล่า.?
โดย...ปูปรุง www.facebook.com/pages/ปูปรุง

โลกปัจจุบัน เชื่อว่าน้อยคนนักที่ไม่รู้จักคำว่า “Facebook” หรือถ้าจะพูดให้จริงกว่านั้นอีก คือ น้อยคนที่จะไม่มี Facebook เป็นของตัวเอง แม้แต่คนที่อ่อนด้อยทางเทคโนโลยี หรือชอบเก็บตัวเงียบๆ แค่ไหนก็ยังต้องศึกษาวิธีการเพื่อเข้าถึงเครื่องมือ Social Network ชนิดนี้กันอย่างจริงจัง บังเอิญเรื่องนี้ฉันเพิ่งรับทราบจากคนใกล้ตัวว่า ในสังคมการทำงานหรือการศึกษาในปัจจุบัน การมีFacebook ถือเป็นเรื่องจำเป็นและข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง บางแห่งถึงกับมีการบังคับให้เจ้าหน้าที่ในองค์กรของตัวต้องทำ ต้องมีเลยด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร และส่งต่อข้อมูลอย่างสะดวกรวดเร็ว ในยุคที่ถือว่า“เวลา” มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ ฉันเอง...ก็เปิดใช้เจ้าเครื่องมือนี้ด้วยเช่นกันค่ะ จากการชักชวนแกมรบเร้าของเพื่อนเก่า และนั่นก็เป็นเวลาร่วม 3 ปีแล้วเห็นจะได้ จนกระทั่งเมื่อกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงได้ทราบว่ามีการฉลองที่ Application ตัวนี้ที่มีอายุครบ 10 ปีเต็ม ภายใต้สโลแกนดีๆว่า “เพื่อให้โลกเปิดขึ้น และโลกเชื่อมโยงกันได้ตลอดเวลา” แถมยังมีเป้าหมายต่อไปอีกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะขยายต่อออกไปยังทุกส่วนทุกมุมของโลกใบนี้ เพื่อให้ทุกคนเหมือนอยู่ใกล้ชิดกันโดยไร้ข้อจำกัดเรื่องระยะทางอันห่างไกล


 :49: :49: :49:

บังเอิญมีโอกาสได้ดูรายการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่อง Facebook นี้ด้วย พบว่ามีประเด็นที่น่าสนใจอยู่หลายจุดที่อยากนำมาบอกเล่าค่ะ นับว่าเป็นการ “เปลี่ยนโลก” ใบเดิม ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปจริงๆ ประเด็นที่ว่านั้นมีดังนี้คือ อดีตจะไม่เป็นอดีตอีกต่อไป เพราะการแชร์และส่งต่อคือสิ่งที่เราสามารถเรียกกลับมาดูได้อีกตลอดเวลา เป็นทั้งเครื่องมือตามหาเพื่อนและเครื่องมือสร้างความแตกแยก (โดยเฉพาะทางความคิดต่างทางการเมืองในปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้น) กระตุ้นให้เกิดความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกแย่เพราะสร้างการเปรียบเทียบขึ้นมาในใจ สิทธิความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวอีกต่อไป เพราะโลกเปิดให้เราเชื่อมโยงกันได้ตลอดเวลา และมันก็ทำให้รู้ว่าเราอาจควบคุมมันไม่ได้ (เกือบ 20% ในหนึ่งวันที่เราใช้เวลาเพื่อเช็กเรื่องราว หรือ
ความเคลื่อนไหวของตัวเอง)

คนไกลเหมือนอยู่ใกล้...แต่คนใกล้เหมือนอยู่ไกล มีเพื่อนใหม่มากมาย...แต่เราอาจเสียเพื่อนเก่าไปเช่นกัน ทุกวันเหมือนเป็นวัน “ได้พบเพื่อนเก่า” แต่เมื่อถึง “วันพบเพื่อนเก่าจริงๆ” กลับไม่สนุกและตื่นเต้นแล้ว เพราะเหมือนเราได้อัพเดทชีวิตกันตลอดเวลาไปแล้ว จะทำให้ผู้อื่นทราบถึงข้อมูลที่สามารถวิเคราะห์บุคคลิก ลักษณะนิสัยส่วนตัวได้ จากสิ่งต่างๆ ที่เราได้เผยแพร่ออกไป

 :s_hi: :s_hi: :s_hi:

เท่าที่หยิบยกมาอ้างแต่ต้น และกลับมาวิเคราะห์แล้ว พบว่าทั้งหมดนั้นเป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า Facebook เป็นทั้งเครื่องมือที่เพิ่มพูนเพื่อน และทำให้แม้แต่เพื่อนก็เกิดการแตกแยกได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนักท่ามกลางเหตุบ้านการเมืองที่ร้อนแรง คุกรุ่น อย่างที่ทุกคนรับรู้กันอยู่ วันนั้นขณะที่ตัวเองได้ใช้เวลาอยู่กับมันนานพอสมควร

แล้วเริ่มสังเกตตัวเองว่า รู้สึกไม่สนุกล่ะ รู้สึกเครียดที่เห็นข้อความต่างๆ ของ “Friend” ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งที่คั่งแค้นในใจล้วนๆ พอๆ กับที่รู้สึกว่า สังคมตอนนี้มีอาการ “ทนไม่ได้” ถ้าได้อ่านในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ และพร้อมที่จะเติมเชื้อในสิ่งที่ตนชอบด้วยอคติล้วนๆ ไปๆ มาๆ แทนที่เราจะได้เพื่อนมากขึ้น ได้รู้เห็นอะไรๆ มากขึ้น กลับกลายเป็นว่าเรากำลังจำกัดตัวเองอยู่ในวงแคบๆ ใจแคบๆ และบางทีก็อาจเสียเพื่อนที่คบหากันมายาวนานไปอย่างน่าเสียดาย


 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

หากทบทวนดูจริงๆ จะพบว่า สังคมใน Facebook ที่เราเข้าไปเชื่อมต่อนั้น ในตอนแรกเราอาจเห็นว่าชีวิตตัวเองเหมือนมีความหลากหลายเข้ามา แต่พอนานๆ เข้า เราจะคัดกรองเหลือแต่สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่คิดเหมือนเรา (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ) จากนั้น...ชีวิตจะรับรู้แต่เรื่องราวในมุมแคบๆ พลาดการรับรู้ในสิ่งที่แตกต่าง ไม่พร้อมที่จะรับฟังสิ่งที่ไม่อยากฟัง จึงไม่แปลกที่คนยุคนี้ถึงถูกนิยามว่าเป็นคนใน “สังคมก้มหน้า” ภาพของคนสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน แต่ต่างคนต่างก้มดูโทรศัพท์ของตัวเองไม่พูดไม่คุยกัน

หรือภาพคนบนรถไฟฟ้าที่พอหาที่ยืนที่นั่งให้ตัวเองได้ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก้มหน้า กด เขี่ย พูดคุยทักทาย สร้าง “ความสัมพันธ์แห้งๆ” จนชินตา จนน่าแปลกใจว่าจะมีสักวันไหม ที่พวกเขาจะสังเกตตัวเองว่า ทำไมชีวิตถึงรู้สึกเหงา คับแคบ กว่าเดิม จะว่าไปแล้วคำว่า “โลก” นั้นกว้างไกลมากมายนัก และเป็นเรื่องดี ถ้าเราจะสามารถเชื่อมโลกได้อย่างนั้นจริงๆ ค่ะ แต่อยากให้ช่วยกันคิดและตั้งคำถามว่า...ทุกวันนี้เราเป็นอย่างนั้นจริงรึเปล่า และที่น่าตั้งคำถามต่อไปอีก ก็คือ การเชื่อมต่อกับโลกไม่ควรหมายถึงคนกับคนเท่านั้น


 :29: :29: :29:

เพราะคำว่า “มิตรภาพ” นั้น มันสามารถเกิดขึ้นได้หลายมิติเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคนกับคน คนกับต้นไม้ คนกับสัตว์ คนกับหนังสือ และสำคัญอย่างยิ่ง คน...กับใจของคนคนนั้นเอง และความลับสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณอาจไม่รู้เลย ก็คือ การเชื่อม “โลก” กับหัวใจเรานั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือใดๆ เลยสักอย่างเดียว แค่คุณเงยหน้าที่ก้มจากโทรศัพท์บ้าง แล้วพูดคุย ยิ้ม สบตา “โลก” ที่อยู่ตรงหน้าคุณ แบบตัวเป็นๆ นั่นล่ะ คือช่วงเวลาที่คุณกำลังเชื่อม “โลก” แล้ว

ถ้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขียนกรุณากดไลค์ให้ด้วยค่ะ


ขอบคุณภาพและบทความ
www.posttoday.com/ไลฟ์สไตล์/ไลฟ์/282467/เชื่อมโลก-เชื่อมตัวเองกับความสุข-รึเปล่า-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ