ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - อัจฉริยะ
หน้า: 1 [2]
41  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องขำๆ ของการใช้ ศัพท์กับพระสงฆ์ ( ฮาหน่อยนะครับ ) เมื่อ: กันยายน 14, 2010, 08:56:34 am
อยากให้ ทุกคนได้ยิ้ม บ้าง ( ก็เท่านั้น )



ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ?
        “  พระไม่ฉันรองเท้านะโยม”...ไม่ต้อ งเอารองเท้าใส่มานะ.....
 
 
พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก
หมอ: เป็นอะไรครับ
พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ
 
หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง
พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม
 
หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซรับจ้างจำวัดได้เ หรอ
พระ: ( ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้
 
  หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง
  พระ : !\=-+#@ %^&*( + ๐"ฯ , ?
 
จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน......................... 
หมอ:   อ๋ออออออออออออออออออออออออออ
 

ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า " ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก   แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"
 
อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง   ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้   โยมก็สวนกลับทันที   " ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"
 
อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก   และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก   และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว   หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ
 
อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
" พระอาจารย์เหรอคะ    นี่อาตมาเองนะคะ"
" หา อะไรนะ"
" พระอาจารย์เหรอคะ    นี่อาตมาเองค่ะ"
" ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
" อ๋อ ขอโทษค่ะ"
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า " เจริญพร"
" ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย
 
ข้างต้นก็คือ    สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม   จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว   หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น   พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
" ถวายสังฆทานค่ะ"
 
พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
" ไม่ต้องค่ะ " โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
" ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
"อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ"  (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)
พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา " คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ
นะหลวงพี่"

อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า " คิกขุ แปลว่า น่ารัก 
สังโฆ   แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ
พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย
แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้   มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา " หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
" ไปไหนล่ะโยม"    " ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้   แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่   ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม
 
จากตัวอย่างข้างต้น   คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน   แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง   ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น   เช่นงานบวช   งานศพ
 
ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์ก ลางของชุมชน   ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น
ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใด   ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์
แสงที่แสลงใจแล้ว   ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่   ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
" แม่ๆ พระมาขอข้าว"
" มาเยอะไหมลูก"      " มา 2   อัน"
โห   เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
 
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอน เด็กๆด้วย
 "ถ้าพระกิน  เรียก  ฉัน"
 " พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
 " พระป่วย เรียก อาพาธ"
 " พระตาย   เรียก  มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
 " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
 "เรียกคนมาดู"
42  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 12 วิธีเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 08:51:42 am
12 วิธีเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง
มั่นใจ, วิธี, แน่นอน


1. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
เป็นหลักการง่ายๆ แต่หลายคนก็ยังทำใจแข็งไม่ได้เสียที วิธีแก้คือ ต้องทำใจยอมรับตัวตนของเราที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เช่น สีผิว รูปร่าง ฯลฯ ทุกคนเกิดมาย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นจงรักตนเอง ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นดีที่สุด

2. จงเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า
สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ คิดว่าตนเองแย่ที่สุดแล้ว ให้หันมามองผู้ที่ลำบากกว่า หรือจะลองเป็นอาสาสมัครไปเยี่ยมผู้ยากไร้ขาดโอกาสดูบ้างก็ได้ เพราะการทำเช่นนี้นอกจากจะสร้างกำลังใจ ให้ตนเองต่อสู้กับความยากลำบากแล้ว ยังได้บุญกุศลอีกด้วย
3. ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก
ไม่ควรคิดว่าไม่มีใครเข้าใจปัญหาของเรา หรือไม่มีใครสนใจ อันที่จริงหากเรามองไปรอบด้าน ก็จะเห็นว่าหลายคนยินดีที่จะช่วยเหลือเรา เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเท่านั้นเอง แน่นอนว่าหากเราตกที่นั่งลำบาก และสิ่งที่ขอให้ช่วยก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงนัก เชื่อว่ามีคนเต็มใจช่วยแน่นอนค่ะ
4. พูดคุยกับเพื่อน
เมื่อไรที่มีปัญหาหนักใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนสนิท หรือว่าหากเกิดขัดใจกันขึ้นมา อย่าลังเลที่จะเปิดอกพูดคุยกัน อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นปัญหาคาใจ
5. ปรึกษานักบำบัด
หากพบว่าตนพยายามแก้ไขวิธีคิดแล้ว แต่ไม่สำเร็จสักที ให้นัดเวลาพูดคุยกับนักบำบัด หรือจิตแพทย์ก็ได้ ไม่ต้องกลัวหรืออายว่าคนอื่นจะหาว่าบ้า เพราะหากปล่อยให้กังวลใจอยู่เช่นนี้สุขภาพจิตเสียแน่นอน
6. ให้รางวัลตนเอง
หลังจากที่ผ่านงานยากๆ หรืออุปสรรคหนักๆ เช่น ไปท่องเที่ยวพักผ่อน นัดสังสรรค์กับเพื่อนรู้ใจ
7. เก็บความภูมิใจลงในบันทึก
ให้จดบันทึกข้อดี ลักษณะเด่น ความสามารถพิเศษ หรือความสำเร็จที่ตนเอง ภาคภูมิใจลงบนไดอารี่ หรือสมุดจด อาจทำเครื่องหมายเน้นผลงานที่ทำสำเร็จ เพราะเมื่อไรที่หยิบมาอ่านจะได้ชื่นใจ เกิดความภูมิใจในความสามารถของตนเอง หรืออาจใช้วิธีประเมินตนเองอย่างยุติธรรม โดยจดสิ่งที่ตนทำสำเร็จในแต่ละวัน แล้วประเมินอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง
8. เสริมจุดเด่นลดจุดด้อย
อย่าลังเลที่จะเรียน หรือทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ ไม่แน่คุณอาจจะมีพรสวรรค์บางอย่างซ่อนอยู่แบบไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้
9. พยายามทำกิจกรรมที่ตนชื่นชอบ
ไม่ต้องกังวลว่าต้องไปตามลำพังตราบใดที่ยังชอบและมีความสุขกับกิจกรรมนั้นๆ เช่น ไปเรียนวาดรูป เรียนภาษาต่างประเทศ ฯลฯ นอกจากจะทำให้จิตใจแจ่มใส ยังอาจจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ เจอคนหลากหลายมากขึ้น

10. อย่าโทษตัวเองไปเสียทุกเรื่อง
ปรับวิธีคิดให้มีเหตุและผลมากขึ้นกว่าเดิม
11. เผชิญหน้ากับการว่ากล่าว
การว่ากล่าวนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเจอ แต่สำหรับคนที่ขาดความมั่นใจจะเกิดอาการสะเทือนใจมากกว่าคนอื่น เพื่อจะลบความรู้สึกนี้ก่อนอื่นต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของการว่ากล่าว เช่น ติเพื่อก่อ หรืออคติ หากเข้าข่ายประเด็นหลัง อย่าเก็บมาใส่ใจ เพราะจะยิ่งบั่นทอนความมั่นใจให้ลดน้อยลงไปอีก แต่หากเป็นเหตุผลแรก ให้ยิ้มสู้ รับฟังและกล่าวขอบคุณ นำคำตินั้นมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง
12. ดูแลสุขภาพตนเอง
พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ รักษาความสะอาด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วิธีดูแลตนเองเช่นนี้นอกจากจะให้บุคลิกภาพดูดีขึ้นแล้ว ยังทำให้จิตใจแจ่มใสอีกด้วย ไม่ให้จิตใจจดจ่อ หมกมุ่นอยู่กับข้อด้อยของตนเองมากไป
การเปลี่ยนแปลงความคิดตนเองเพื่อเพิ่มความมั่นใจอาจดูยาก และใช้ความอดทนพอสมควร แต่ความมั่นใจนี้เองจะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต กลายเป็นคนใหม่ที่รักและพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น
43  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สันตะติ คืออะไรครับ เมื่อ: มิถุนายน 09, 2010, 02:48:18 pm
ผมฟังในเรื่อง วิปัสสนา ในนิยายเรื่อง ปฏาจารา ครับ

มีข้อความว่า วิปัสสนา เห็น สันตะติ อย่างต่อเนื่อง จึงกำหนดวิปัสสนาได้

สันตะติ คืออะไรครับ ?
 :25: :c017:

หน้า: 1 [2]