การปฏิบัติธรรมก็คือการรวมจิต หรือรวมการปรุงแต่งที่มีทั้งหมด เพื่อปล่อย เพื่อทําลายทุกข์นั้นทิ้งไป เพื่อดับ และไม่ให้กําเริบขึ้นมาให้ทุกข์อีก เพื่อไม่เห็น ไม่มี ไปจากใจ
ในพระปีติ 5 คือการรวมรูป และ นาม เพื่อศึกษา การรวมจิต และ ปล่อยจิต ธาตุ เค้าทําหน้าที่ของเค้าเอง แต่ให้เข้าใจไว้ว่าทุกข์ที่ว่า จะต้องถูกบําบัด และถูกรักษา เพราะ การปฏิบัติธรรม ก็คือการรักษา โรคที่เป็นทุกข์ เพื่อไม่ให้มี ไปจากใจ
ในพระปีติ 5 คือธาตุ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ นั้น มีทั้ง องค์ธาตุที่เป็นรูปกรรมฐานหรือ สมถะ อย่างเช่น พระ ขุุททกา ธาตุดิน(ฐานที่ 1) อยู่ใต้นาภีใต้สะดือสองนิ้ว นั้น สร้างให้เรามีความวิตก ความตรึกนึกคิด สติ
รูปกรรมฐานสมถะ ฐานที่ 2 พระขณิกา ธาตุไฟ(ฐานที่2) ความอ่าน เราฉลาดขึ้น และมีสุขและทุกข์มากขึ้นเป็นธรรมดา เพราะการเลือกเฟ้นธรรมทั้งหลายเพื่อเป็นสุข เพื่อมีความสุข ฐานธาตุไฟ เป็นธาตุความรู้ ความอ่าน เป็นการรวมทุกข์ เป็นที่รวมจิตสังขารทั้งหลายทั้งปวง ภาษามนุษย์ รวมความทุกข์ที่เราปรุงแต่ง ไว้ด้วยกัน เพื่อดับ คือรวมโลกียะกิเลสทั้งหลาย เรียกว่าการตั้งภพ ฐานนี้ทํางานต่อเนื่องมาจากฐานธาตุดิน ทุกฐานธาตุ ก็เหมือนคนที่มีงาน มีหน้าที่ การปฏิบัติธรรม เมื่อเรา อยู่กับการงาน ฐานธาตุ เค้าก็ทํางาน
กรรมฐาน การสร้างความดี เพื่อให้ถึงสุขใช้กระบวนการ ธาตุล้างธาตุ ในห้องพระลักษณะ เราต้องมาทําความรู้จักธาตุ กันก่อน ตอนที่ต้องการผ่าน ต้องแจ้ง อารมณ์ กับพระอาจารย์ เอาเอง ใครได้เลื่อนไว ไม่ไว อยู่ที่ ความตั้งใจของท่าน
สององค์นี้คือการตั้งภพ ยังไม่มีปล่อย เพราะธาตุปล่อยเป็นองค์ที่เหลือในพระปีติ 5 อีกสามองค์
ธาตุปล่อยคือส่วนที่เป็นนาม หรือธาตุสุขจัดเป็นธาตุ ส่วน อรูปกรรมฐาน
ฐานที่3 พระโอกกันติกา ธาตุนํ้า จัดเป็นธาตุวิปัสสนาในรูปกรรมฐาน และส่วนวิปัสสนาในอรูปกรรมฐานธาตุนี้ ทําหน้าที่ทั้งสองฝ่าย เป็นธาตุปล่อยวางจิต เป็นธาตุที่มีมากในร่างกายมนุษย์ ธาตุนํ้ามีถึงุ 60 เปอร์เซ็นต์ ของร่างการ เป็นธาตุสุขธาตุ แรก ควรตั้งใจ และเข้าให้ถึงธาตุสุข
หน้าที่ของฐานนี้ ปล่อยวาง ปล่อยทิ้ง ปล่อยทุกข์ อย่างเดียว ลองเทขันนํ้าดูซิ นํ้าไหลลงอย่างเดียว ไม่มี ลุกขึ้นเหมือนธาตุไฟ
พระพุทธองค์ยกตัวอย่างธาตุทั้ง 5 ไว้กับสิ่งที่เห็นง่าย
เช่นดิน ไฟ นํ้า เป็นรูป แต่นํ้าเป็นอรูปด้วย ส่วนลมอากาศ เห็นยาก เป็นนามเป็น อารมณ์ หรือกรรมฐาน อารมณ์ จึงเรียกว่า อรูปกรรมฐาน
เมื่อตั้งรูปกรรมฐานได้ รูปกรรมฐานนี้ ก็เข้าไป สนับสนุน ส่วนที่ ไม่มีรูป ให้สมบูรณ์ ทําให้เรา สามารถ มีวิตกวิจารย์ ความคิด ความอ่าน ไปเห็น ได้ทั้ง นํ้า ทั้งลม ทั้ง อากาศ
ปีติ ทั้ง 5 ทําหน้าที่ ต่อเนื่องกัน เป็นลําดับ และสนับสนุนกัน เป็น วัฏจักร
ธาตุวิปัสสนาที่ไม่ได้อธิบาย เป็นธาตุ สุข สุข สุขทั้งหมด สุขเพิ่มขึ้นไม่อธิบาย
แต่โดยหลัก ได้กําเนิดความปล่อยเป็น มาแต่ ธาตุนํ้า ที่ฐาน 3
การเรียนปีติทั้ง 5 คือทําความรู้จักรูปและนาม จริงๆก็คือรู้จักการ ตั้งจิต และปล่อยจิต เป็นการเรียนรู้หน้าที่
แต่การจะได้เลื่อนขั้นไว ต้องส่งอารมณ์กับครูบาอาจารย์
ส่วนการล้างธาตุ และเสริมธาตุ เป็นกรรมฐาน กองต่อๆไป
เข้าให้ถึงทุกข์ รู้จักทุกข์ ปล่อยทุกข์
รูปนาม หรือธาตุ เค้าทําหน้าที่เอง
เราเพียงเป็นผู้เริ่ม ทํางาน
การฝึกก็เหมือน การเริ่มเล่นกีฬาประเภท 1 มันก็ต้องมีหมดเวลา เลิกแข่ง
ธรรมชาติของจิต เมี่อเข้าถึงจิต ไม่เอาทุกข์ไว้
เพียงแต่ให้เราอยู่กับการงาน....เอาจิตทํางาน ขอให้มีความสุข กันทุกคน