ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปรต 13 ตระกูล จากหนังสือ "โลกสัณฐานโชตรตนคันฐี"  (อ่าน 4266 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28447
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เปรต 13 ตระกูล

     ผมมีหนังสือ "โลกสัณฐานโชตรตนคันฐี" อยู่เล่มหนึ่ง ซื้อไว้ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2548 ก็ประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นฉบับหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร พิมพ์พุทธศักราช 2543 ภายในเล่มมีเรื่องน่าสนใจอยู่หลายเรื่อง เช่น นรก สวรรค์ เปรต ป่าหิมพานต์ ฯลฯ ผมก็ซื้อมาเก็บไว้ ว่างก็ศึกษาหาความรู้

    หลวงพ่อบุญ อิสฺสโร วัดวังมะนาว พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์แรกที่ผมได้ศึกษาธรรมะจากท่าน ท่านพูด ท่านนั่งสมาธิกลางลานวัดตอนดึกตี 3 องค์เดียว ได้ยินเสียงเปรตร้อง! เสียงเป็น "เปต" ยาวไปทางป่าช้าไม่ออกเสียงเปรต

    ผมเอง ตอนอายุ 50 กว่าๆ ได้ไปทัวร์อินเดีย ระยะนั้นนั่งสมาธิได้ 8 ปีกว่า ระหว่างรถโค้ชวิ่งจะไปพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ผมก็เห็นเปรต 2 ตน นั่งบนเก้าอี้แถวหน้าผม ตัวเป็นคนหัวเป็นสัตว์ เขาคุยกัน ผมเห็นคนเดียว พระอีกรูปหนึ่งนั่งข้างผมด้านขวามือก็ไม่เห็น ผมคิดว่าเปรตตนนี้คงอยากจะไปไหว้พระพุทธเจ้าที่ต้นพระศรีมหาโพธิด้วยกระมัง!
    ครับ ผู้ที่นั่งสมาธิได้ โอกาสจะเห็นเปรตนั้นมีมาก เห็นแล้วก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไร เราต่างคนต่างอยู่


     :29: :29: :29: :29: :29: :29:

    มาระยะหลังนี้ เมื่อผมได้รู้จักกับท่านหลวงปู่ทองพูน เขมเปโม แห่งถ้ำจำปา ท่านก็เล่าให้ผมฟังว่า ท่านเห็นเปรตยืนตอนหัวค่ำระหว่างช่องภูเขาที่นั่น ตัวเป็นคนหัวเป็นหมู สูงเทียมภูเขา ท่านก็แผ่เมตตาให้ไป
    สมาธิ หลวงพ่อชอบ วัดเขารังเสือ ท่านบอกว่า การนั่งสมาธินั้นไม่ใช่นั่งกันง่ายๆ นั่งนิ่งๆ นี่แหละมันทำยาก สู้ไปทำงานหนักๆ หรือไปเดินเหินยังจะทำได้ง่ายกว่าการนั่งสมาธิ เวลากลางคืนก็ทำได้น้อย บางทีก็ง่วงเหงาหาวนอน เช้าขึ้นมาจะนั่งก็ไม่ค่อยมีเวลา เลยไม่ค่อยได้กันสมาธิ จะได้ก็ได้น้อยไม่พอกัน
    เอาอย่างนี้ ตามปกติเราเป็นอยู่อย่างไร เราทำอย่างนั้น เราตื่นขึ้นมาเราก็คิดแต่เรื่องดีๆ ทำงานอะไรก็ทำให้ดี เรียกว่า คิดดี ทำดี มันก็คือตัวสมาธินั่นเอง ง่ายกว่านั่งเฉยๆ เสียอีก
    คนเรา ลองคิดดี ทำดีตลอดทั้งวันทั้งคืน กิเลสคือความชั่วมันจะเข้าได้ตรงไหน เวลาไหน เท่านี้ก็พอสำหรับคนทุกคน


     :41: :41: :41: :41: :41: :41:

    เปรต...ตั้งแต่เด็ก เราคงได้ยินผู้ใหญ่เขาคุยกันว่า เปรตนั้นตัวสูงยาวเท่าต้นตาล และมีปากเท่ารูเข็ม! แท้จริงแล้วเปรตมีถึง 13 ตระกูล

    1.วิชชาตเปรต เปรตประเภทนี้เป็นเปรตประเภทผู้ใหญ่ เป็นเปรตชั้นดีมีฤทธิ์มาก ตั้งอยู่ในฐานะดุจดังพญาเปรต แต่การปฏิบัติไม่ถึงขั้น คือ ประมาทจึงต้องมาเสวยแห่งกรรม จะอยู่เฉพาะพวกตน เปรตพวกอื่นปะปนด้วยไม่ได้
    2.วันตาสาเปรต มีรูปร่างน่าเกลียด มีความอดอยากหิวโหยเป็นกำลัง เห็นมนุษย์ขากถ่มเสลดน้ำลายออกมา รีบตรงไปก้มหน้าลงดูดแล้วก็หิวโหยต่อไป พยายามแสวงหาเสลดน้ำลายกินเป็นอาหารอยู่อย่างนี้จนสิ้นกรรม
    3.กุณปขาทาเปรต เป็นเปรตชอบกินอสุภะมนุษย์และของสัตว์ที่กำลังเน่าเปื่อยเหม็นเป็นอาหาร ด้วยความหิวโหยสุดประมาณ ทำอย่างนี้ตลอดไปจนสิ้นกรรม
    4.คูถขาพาเปรต มีรูปร่างน่าเกลียดและเหม็น น่าสะอิดสะเอียนที่สุด บางครั้งก็เข้ามาในเขตแดนมนุษย์ ครั้นเห็นมูตรคูถ คือ อุจจาระปัสสาวะที่มนุษย์ถ่ายทิ้งไว้ก็ดีใจ ตรงเข้าไปกินด้วยความหิวโหย
    5.อัคคีชาลบุขาเปรต มีรูปร่างผอมโซ กรรมบันดาลให้มีไฟแลบออกจากปากตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ไฟไหม้ปากและลิ้นทรมานมาก ทรมานจนสิ้นกรรมของตน
    6.สุจิมุขาเปรต มีรูปร่างแปลก มีเท้าทั้งสองข้างใหญ่โต ท้องเท่าภูเขา มีคอยาวมาก แต่ปากเล็กเท่ารูเข็ม ฉะนั้นจึงกินเข้าไปยาก ไม่ค่อยพออิ่ม มีรูปกายผอมโซ เพราะความหิวโหยอดอยากอาหาร
    7.ตัณหาชิตาเปรต เป็นเปรตที่อยากข้าวอยากน้ำเป็นกำลัง บางครั้งเดินตระเวนไปจนถึงแดนมนุษย์ แต่ก็ไม่เคยได้ข้าวและน้ำเลย ต้องอดอยากแสนเข็ญเช่นนี้จนกว่าจะสิ้นกรรม
    8.นิชฌามกเปรต มีรูปร่างแปลก มีฟันขาว เขี้ยวงอกออกมานอกปาก ผมเผ้ายาวพะรุงพะรัง ริมฝีปากบนห้อยย้อยมาทับฝีปากล่าง รูปร่างสูงชะลูดดำทะมึนแลดูน่ากลัว ไม่ค่อยมีอาหารบริโภค
    9.สัพพังคเปรต มีรูปร่างใหญ่โต มีเล็บตีนเล็บมือยาวคมเหมือนกับมีดและดาบที่ลับไว้อย่างดี และงอเข้าเหมือนเบ็ด ตลอดเวลาเปรตประเภทนี้จะก้มหน้าก้มตา ตะกุยตามร่างกายของตนเองจนมีเลือดไหลนอง แล้วก็ดื่มกินเลือดตน และก็ร้องลั่นเอ็ดตะโรอยู่อย่างนี้ตลอดไป
    10.ปัพพตังคเปรต รูปร่างใหญ่โตเท่าภูเขา ในเวลากลางคืนร่างกายจะถูกไฟเผาไหม้ ใครเห็นก็จะนึกว่าภูเขาถูกไฟไหม้ทั้งลูก เวลากลางวันจะระอุไปด้วยควันไฟล้อมรอบกายตัว ต้องนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตลอดเวลาที่ต้องเสวยทุกขเวทนา
    11.อชคราทิเปรต เป็นเปรตเบ็ดเตล็ด เพราะมีรูปร่างแตกต่างกันหลายชนิด โดยมีรูปร่างคล้ายสัตว์เดรัจฉานที่เราเห็นอยู่ทั่วๆ ไปในมนุษย์โลกนี้ เช่น มีรูปร่างเหมือนหมา บางเปรตก็เป็นม้า บางเปรตก็เป็นไก่
    12.มหิทธิกาเปรต เป็นเปรตมีฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ รูปร่างก็เหมือนเทพธิดาทั้งหลาย แต่เป็นผู้ห่างไกลความสุขสบาย เพราะให้รู้สึกแต่จะหิวโหยแต่อาหาร เต็มไปด้วยความอดอยาก เจอมูตรคูถของคนจะรี่เข้าไปดูดกินด้วยความอดอยาก
    13.เวมานิกเปรต จะดีกว่าเปรตทุกประเภท เพราะมีวิมานเป็นทองของทิพย์ บางครั้งตนสุขเหมือนเทพยดาเจ้า และมีเปรตรับใช้มากมาย แต่ถึงกำหนดที่จะเสวยทุกข์ตามประสาเปรต ก็ต้องกลับมาเป็นเปรตรูปร่างน่าเกลียดเป็นกึ่งเปรตกึ่งเทวดา



    ปรทัตตูปชีวีเปรต เป็นเปรตประเภทเดียวเท่านั้นที่สามารถรับส่วนบุญจากผู้อุทิศได้ สาเหตุเพราะตนเบาบางต่ออกุศลไปมากแล้ว ฉะนั้นจึงมีจิตยินดีที่จะอนุโมทนาส่วนบุญกุศล

    กุศลที่ปรทัตตูปชีวีเปรตจะได้รับต้องประกอบด้วยเหตุ 3 ประการ คือ
    1.ต้องเป็นทานที่ได้ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์เป็น "สังฆทาน"
    2.เมื่อถวายแล้วต้องกรวดน้ำมุ่งไปให้เปรตนี้โดยเฉพาะ
    3.ปรทัตตูปชีวีเปรต ต้องคอยมารับทานนี้ด้วยความตั้งใจด้วย มิฉะนั้นจะไม่ได้รับ ส่วนใหญ่จะเป็นญาติกัน

    สมัยพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลกนี้แล้ว เปรตตนหนึ่งอดีตเคยตกอเวจีมหานรก เมื่อพ้นจากความเป็นเปรตแล้ว มาเกิดเป็นบุตรชายคนเล็กของชาวประมงตระกูลหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้เมืองกุณฑินคร โดยที่เคยสร้างกุศลกรรมความดีไว้จึงระลึกชาติได้

    น้องเล็กนั้น เกิดมีจิตเกรงกลัวต่อบาปกรรม ไม่ปรารถนาที่จักฆ่าสัตว์อีกต่อไป และไม่ปฏิบัติตามตระกูลของตน และเมื่อเห็นหมู่ญาติทั้งหลายพากันเอาตาข่ายไปดักปลา เขาก็แอบไปทำลายปล่อยปลานั้นเสีย
    คนทั้งหลายเหล่านั้นนำความไปบอกบิดามารดาเขา บิดารู้เข้าก็ขับไล่ให้ออกจากบ้านไป
    ลูกชายคนเล็กรู้ว่า การฆ่าปลาหรือค้าขายปลาจนเป็นอาชีพนั้น ต่อไปพ่อแม่และพี่ชายเมื่อตายไปแล้วต้องรับกรรมกลายไปเป็นเปรตทุกคน ทั้งพ่อแม่และพี่ชายด้วย


     ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

    พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อาชีพที่อุบาสกอุบาสิกาไม่ควรทำคือ การค้าสัตว์ ค้าอาวุธ ค้าเนื้อสัตว์ ค้าเครื่องมอมเมา และค้ายาพิษ
    ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อแล้วแต่จะคิด เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่อย่าลืมว่าบุญบาปนั้นมีจริง ไม่ใช่ของพูดเล่น
    จะพูดถึงคนที่เคยเห็นเปรต! จากการที่ได้สัมผัสมา ท่านเหล่านั้นจะนั่งสมาธิได้ทุกท่านเท่านั้น

    มีคำพูดของคนโบราณกล่าวว่า "คนดีผีคุ้ม คนไม่ดีผีซ้ำด้ำพลอย" ผมว่าเป็นเรื่องจริง! เพราะคนโบราณเขาผ่านประสบการณ์มาเยอะ
    ฉะนั้น การประพฤติตนดีไม่ต้องกลัวอะไร ไปที่ไหนก็ได้ พระเครื่องไม่ต้องแขวนคอก็ได้ครับ เพราะประพฤติตนดีแล้ว
    แค่ทำดี ผีก็คุ้มครองให้ ครับ ผมประสบมาแล้ว!


                ประวิทย์ จำปาทอง



ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/191014/97786
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ