ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธรูปปางทรงเครื่อง..ปางโปรดพญาชมพูบดี วัดหน้าพระเมรุฯ อยุธยา  (อ่าน 2254 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28452
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระพุทธรูปปางทรงเครื่อง (ปางโปรดพญาชมพูบดี)

คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย
ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์


พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระประธานอยู่ในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุราชิการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ ภายนอกฉาบปูนลงรักปิดทองทรงเครื่องอย่างกษัตริย์หรือจักรพรรดิ ลักษณะของการทรงเครื่องจักรพรรดินี้เกิดในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ นับเนื่องหรือหมายเอาว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นหน่อพุทธางกูร หรือพระโพธิสัตว์ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องจึงหมายถึง พระเจ้าแผ่นดินผู้ปรารถนาจะบรรลุพระนิพพาน

ในคติมหายานพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ มีฐานะเป็นพระไวโรจนพุทธ หรือพระชินพุทธ หรือพระพุทธเจ้าในรูปสัมโภคกายหรือกายทิพย์ ซึ่งมีความหมายว่า ผู้สามารถเอาชนะกิเลสได้อย่างสิ้นเชิง และหมายถึงจุดเริ่มต้นมีธรรมกายหรือกฎสากลสมบูรณ์



วัดนี้เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลาย
และยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา


พระพุทธรูปองค์นี้ในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุฯ มีคำอธิบายว่ามาจากคติของฝ่ายมหายานจากมหาชมพูบดีสูตรปรับแต่งเข้ากับนิทานพื้นบ้านทางภาคเหนือ เป็นปางโปรดพญาชมพูบดีซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจมากในชมพูทวีป ผู้มีความประสงค์ที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดแต่ผู้เดียว พระพุทธเจ้าเนรมิตกายของพระองค์ให้พญาชมพูบดีเห็นว่ายังมีสิ่งอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่า และตรัสเทศนาในมหาชมพูบดีสูตรแก่พญาชมพูบดี

ในความหมายการแสดงพระธรรมในพระพุทธรูปปางนี้ก็คือคำสอน 3 ประการคือ
    - การเห็นสิ่งที่เป็นสาระและมิใช่สาระ
    - โทษแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสังสารหรือคุณแห่งพระนิพพาน
    - ความลุ่มหลงในเบญจขันธ์หรืออุปาทานขันธ์ คือความยึดมั่นถือมั่นในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ ว่าเป็นตัวตนเป็นตัวกูของกู ยึดมั่นในความเชื่อถือตามความคิดของตนแต่ฝ่ายเดียว การยึดมั่นถือมั่นในข้อปฏิบัติในวิถีชีวิตของตนแต่ฝ่ายเดียว และการยึดมั่นถือมั่นในความผูกพันติดใจ ข้องใจ ในความนึกความคิดของตนแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งทั้งหมดล้วนไม่เป็นสาระทั้งสิ้น


    นอกจากพระพุทธรูปปางนี้จะแสดงธรรมดังกล่าวข้างต้น รูปลักษณะหรือพุทธศิลป์ของพระพุทธรูปปางนี้เป็นท่านั่งที่เหมือนกับปางมารวิชัย อันมีความหมายถึงการบอกกล่าวแก่ พุทธบริษัท ถึงการพ้นไปจากสังสารวัฏของพระพุทธเจ้า แสดงด้วยการชี้พระหัตถ์ลงสู่พื้น เพื่อแสดงว่าพระพุทธเจ้าได้อยู่เหนือโลกหรือเหนือสังสารวัฏแล้ว



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREEwTVRFMU5RPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1pMHhNUzB3TkE9PQ==
http://www.holidaythai.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ