ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาษาอังกฤษอ่อน..มิใช่ "ปมด้อย" คนไทย  (อ่าน 1265 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ภาษาอังกฤษอ่อน..มิใช่ "ปมด้อย" คนไทย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2012, 10:37:47 am »
0

ภาษาอังกฤษอ่อน..มิใช่ "ปมด้อย" คนไทย
คอลัมน์เหะหะพาที โดย ซูม

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ รายงานข่าวว่า จากผลการสำรวจของบริษัทวิจัยทางการศึกษาบริษัทหนึ่งพบว่า ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างตํ่า จากการสำรวจประชากร 1.7 ล้าน ในประเทศที่มิได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ 54 ประเทศ พบว่า 5 ประเทศที่แย่ที่สุดก็คือ โคลอมเบีย, ปานามา, ซาอุดีอาระเบีย, ไทย, ลิเบีย...

พอข่าวนี้ออกมาก็มีการไปสอบถามบุคคลที่เกี่ยวข้องในวงการศึกษาบ้านเราหลายท่าน ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง?
ส่วนใหญ่ยอมรับว่า ภาษาอังกฤษของคนไทยคงจะแย่จริง สืบเนื่องมาจากการเรียนการสอนในระบบโรงเรียนของเราที่ยังมีปัญหา โดยเฉพาะการขาดแคลนครูภาษาอังกฤษที่มีความรู้ความชำนาญ

อีกทั้งการที่ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้เราเสียเปรียบประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นที่เขามักจะได้ครูที่เป็นต้นแบบจากประเทศอังกฤษมาสอนให้โดยตรง


ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่บอกกับนักข่าวด้วยว่า ท่านจะไปทบทวน และหาทางปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ของเราให้ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้



สำหรับความเห็นของผมหลังจากที่อ่านข่าวนี้แล้ว ก็คงจะสรุปได้ 2-3 ประเด็นดังต่อไปนี้ครับ
    ก่อนอื่นก็คงจะต้องบอกว่าอย่าไปตกอกตกใจกับตำแหน่ง “รองบ๊วย” ที่ว่าเป็นอันขาด เพราะผมดูรายชื่อประเทศที่เขาสำรวจมาแล้วก็เห็นว่าเราไม่น่าจะแย่ถึงขนาดนั้น
    แต่ถึงจะแย่จริงอย่างที่เขาสำรวจ ผมก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร
    อย่าไปคิดมากเลยครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นปมด้อยไปเสียเปล่าๆ


    การเรียนภาษาที่ 2 นั้น เป็นเรื่องยากของมนุษย์ชาติทั่วโลกอยู่แล้ว
    ถ้าไม่มีการบังคับขับไส รับรองจะไม่มีใครที่ไหนอยากเรียนภาษาอื่น
    นอกจากภาษาประจำชาติของเขาเองของเร าแม้จะมีการสอนภาษาอังกฤษมานมนาน
    แต่เราก็เรียนก็สอนกันแบบชิลๆ คือสอนไปเรื่อยๆ ใครสนหรือชอบก็เรียนไป
    ใครไม่สนหรือชอบน้อยก็สอบแค่ผ่านๆไป


    ถามว่า การที่คนไทยอ่อนภาษาอังกฤษในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหรือไม่?
    ผมตอบ ด้วยความมั่นใจได้เลยว่า...ไม่มีปัญหาและอุปสรรคแต่อย่างใด...เพราะประเทศของเรามีระบบแบ่งงานกันทำที่ค่อนข้างดีมาก

    ผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนทำงานในระดับสูงระดับกลางของเรารุ่นก่อนอาจไม่เก่งภาษาอังกฤษมากนัก
    แต่เราก็มีคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษ และเรียนภาษาด้วยใจรักใจชอบจนแตกฉานกระจายอยู่ทั่วประเทศหลายหมื่นหลายแสนคนมาช่วยท่าน มาเป็นล่าม มาเป็นผู้แปล มาเป็นผู้เตรียมเอกสาร หรือดูแลสัญญาต่างๆเป็นภาษาอังกฤษแทนท่านเหล่านี้

    รวมทั้งยังมีคนที่แตกฉานภาษาอังกฤษอีกจำนวนมากช่วยแปลตำรา แปลนวนิยาย หรือบทความที่เป็นความรู้ความบันเทิงมาให้คนไทยอื่นๆได้อ่านได้ดูได้ชม...ทำให้คนไทยทั่วประเทศมีความรู้  มีโลกทัศน์ มีวิสัยทัศน์ที่ดี ไม่แพ้ชาติอื่นๆที่เก่งภาษาอังกฤษเลยแม้แต่น้อยนิด


   
    การพัฒนาประเทศไทย การติดต่อค้าขายกับนานาชาติ จึงมิได้สะดุด
    และมิได้เสียเปรียบใครๆทั้งสิ้น...สามารถก้าวหน้ามาได้ตามลำดับ
    ที่สะดุดไปบ้าง หรือแพ้คนอื่นเขาบ้าง มิใช่เพราะอ่อนภาษาอังกฤษ...
    แต่เป็นเพราะเราชอบทะเลาะกันเองเสียมากกว่า


    แต่เมื่อผลสำรวจครั้งนี้ออกมา ส่งผลให้จะมีการปรับปรุงวิธีเรียน วิธีสอนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น ก็เอาเถิด ผมสนับสนุนเต็มที่ เพราะตระหนักดีว่า ความจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อเป็นกุญแจในการเปิดประตูออกไปสู่โลกกว้างมีความจำเป็นยิ่งขึ้นทุกวัน
    เป็นห่วงก็แต่กระทรวงศึกษาธิการจะรับไม่ไหวเท่านั้น 
    เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะเจาะไปทางด้านไหน ที่ประเทศชาติเราอ่อนด้อยนั้น
    ใครๆก็โทษกระทรวงศึกษาธิการทั้งสิ้นว่าเป็นต้นเหตุ

    ถ้าจะปฏิรูปภาษาอังกฤษกันจริงๆจังๆ ต้องอย่าให้กระทรวงศึกษาฯ ทำแต่ฝ่ายเดียวเด็ดขาด
    เดี๋ยวจะแย่กว่าเดิมเสียอีก ที่สำคัญทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น อย่าไปวิตกอะไรมาก...ความจริงภาษาไทยภาษาเดียวก็พอแล้ว...ขอให้แตกฉานเถิด แล้วก็อ่านหนังสือภาษาไทยนี่แหละให้มากไว้...รับรองไม่มีวันแพ้ชาติไหน ในอาเซียน.

        “ซูม”


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/column/pol/hehapatee/304029
http://campus.sanook.com/,http://www.lertlah.com/,http://www.adbkk.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2012, 10:39:26 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ