ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สภาวะ นอนหลับ สนิท กับ เข้า ปฐมฌาน เหมือนกันหรือไม่ครับ  (อ่าน 2203 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nippan55

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สภาวะ นอนหลับ สนิท กับ เข้า ปฐมฌาน เหมือนกันหรือไม่ครับ
 
   คือได้ยินมาว่า การนอนหลับ ก็คือการเข้าปฐมฌาน ของ ปุถุชน อันนี้จริงแท้อย่างไร ไม่รู้่ ขอท่านผู้รู้ ทั้งปริยัติ และ ปฏิบัติ หรือ ปฏิเวธ ช่วยให้ความกระจ่าง กันด้วยครับ

  thk56
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ปฐมฌาน มีวิตก วิจาร พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นฌาน สวิตักวิจาร ....ถึงหลับอยู่ก็รู้ เหมือนไม่หลับ  เพราะ ปฐมฌาน มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตา องค์ 5 ครบครันแล้ว   ที่เคยได้ยินมาอย่างนี้
          แต่มนุษย์หลับ อาจจะไม่มีวิตก ก็คือหลับไม่รู้ตัว เมามัวในธาตุอากาศ ทานอากาศไม่ไหว เพราะไม่มีวิตก วิจาร(ความคิด ความอ่าน)
         ธาตุรูป 2 องค์ นี้ ต้องตั้งให้ใหญ่ได้ด้วยกรรมฐาน คือธาตุดิน และธาตุไฟ....ธาตุไฟเป็นธาตุตื่น เพราะเป็นธาตุ ลุกขึ้น เพราะไฟลุกขึ้นอย่างเดียว
          พระอริยะ จึงหลับเหมือนตื่น ตื่นเหมือนหลับ หลับแต่รู้ รู้แต่หลับ
                 ก็ว่ากันไปตามที่ได้ยินเค้าเล่ามา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 11, 2013, 10:08:04 pm โดย aaaa »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ลักษณะของจิต และการทำงานของจิต
     
      การทำงานของจิตจะเกิดดับสืบต่อกันไปอย่างไม่ขาดสาย ในพระสูตรตอนหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้มีใจความว่า ยากที่จะนำสิ่งอื่นๆ ทั้งหลายในโลก มาเปรียบเทียบกับความเกิดดับอันรวดเร็วของจิต
      เพราะจิตเกิดดับ ๆ รวดเร็วกว่าสิ่งใด ๆ ในโลก เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว
      จิตจะเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะ หรือ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดวง (หนึ่งล้านล้านดวง)

           
      ที่ว่า จิตมีการเกิดดับสืบต่ออย่างไม่ขาดสาย เพราะจิตดวงที่ ๑ เกิดขึ้นแล้วดับไป
      ต่อจากนั้นจิตดวงที่ ๒ ก็จะเกิดขึ้นติดต่อกันแล้วก็ดับไปอีก เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ




     
      ภาวะที่จิตเกิดดับสืบต่อกันเป็นกระแสนี้ท่านเรียกว่า สันตติ
      ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับกระแสน้ำ ที่ประกอบไปด้วยอณูของน้ำเล็กๆ เรียงติดต่อกันเป็นสาย

      ขณะที่กระแสจิตไม่ออกมารับรู้เรื่องราว(อารมณ์) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
      จิตในขณะนั้นมีชื่อเรียกว่า ภวังคจิต

 
     ซึ่งเป็นจิตที่ทำหน้าที่รักษารูปนาม ในภพปัจจุบันไว้มิให้แตกทำลายไป จนกว่าจะสิ้นอายุจากภพนี้
     แม้ในขณะหลับสนิท (ไม่มีการฝัน) หรือสลบไป ก็จะมีภวังคจิต เกิดดับสืบเนื่องกันตลอดเวลา
     อารมณ์ของภวังคจิต เป็นอารมณ์ที่สืบเนื่องมาจากเหตุปัจจัยในอดีตภพ
 
           
     เมื่อใดก็ตามที่จิตออกมารับรู้เรื่องราวทางประตู (ทวาร) ทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
     เมื่อนั้นจิตจะขึ้นสู่วิถีซึ่งเรียกว่า วิถีจิต
     และเมื่อสิ้นสุดแต่ละวิถี ก็จะมีภวังคจิตที่คอยรักษาภพชาติเกิดคั่นอยู่ทุกครั้ง


     แต่เราจะไม่รู้สึกตัว เพราะการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมานั้น เกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้แต่แสงไฟจากหลอดไฟฟ้า ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีการกระพริบ (เกิด-ดับ) ตามความถี่ของไฟฟ้ากระแสสลับ ด้วยความเร็วเพียง ๕๐ ครั้งต่อวินาทีเท่านั้น เราก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็น การกระพริบของแสงไฟได้เลย

    ดังนั้น จิตซึ่งมีการเกิดดับอย่างรวดเร็วถึงประมาณ ๑ ล้าน ๆ ครั้งต่อวินาที
    * จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะรู้สึกได้
    * อนุมานว่าการลัดนิ้วมือ (การงอนิ้วเข้ามาหาฝ่ามือ) ใช้เวลาประมาณ ๑ วินาที


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.buddhism-online.org/Section02A_05.htm
http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/,http://www.balavi.com/


 ans1 ans1 ans1
     
      การหลับสนิท จิตไม่ออกมารับรู้อารมณ์ใดๆ ลักษณะจิตนี้ เรียกว่า ภวังคจิต
      ในปฐมฌาณ จิตรับรู้อารมณ์ วิตก วิจาร ปิติ สุข และเอกัคคตา ลักษณะจิตนี้เรียกว่า วิถีจิต
      ดังนั้น สภาวะของ "การหลับสนิท และ ปฐมฌาน" จึงไม่เหมือนกัน
      ต่างกันที่ จิตไม่รับรู้อารมณ์ และ จิตออกมารับรู้อารมณ์

       :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ