ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาก็ไม่เที่ยง  (อ่าน 1093 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สัญญาก็ไม่เที่ยง
« เมื่อ: กันยายน 06, 2015, 08:17:23 pm »
0


สัญญาก็ไม่เที่ยง : ธรรมะยูเทิร์น โดยอิทธิโชโต

“สัญญา (ความจำได้หมายรู้) อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบ หรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่าสัญญา เธอทั้งหลาย พึงเห็นสัญญานั้นด้วยปัญญาอันชอบ ตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่น ไม่ใช่ตนของเรา. อนัตตลักขณสูตร
 
สัญญาก็เหมือนกับการเดินผ่านคน จะดีหรือไม่ดี มันก็ต้องผ่านไป เหมือนกับเราคบคน เราเดินผ่านไปสักกี่คน แล้วกี่คนที่เราแวะทักทาย ที่เราชอบด้วยก็มี ที่ไม่ชอบก็มี สัญญาก็เหมือนกัน คนที่เราให้ความสำคัญ หรือไม่ให้ความสำคัญก็มี แต่ทางศาสนาไม่ให้ไปยึดกับทุกคนทีี่เราผ่านไป เช่นเดียวกับสัญญาพวกนั้น เพราะมันไม่ใช่แก่นสาร แต่คนส่วนใหญ่ก็ไปยึด นี่คนของฉัน นี่ของฉันนะ เมื่อยึดแล้วไม่ได้ดั่งใจ เป็นทุกข์ จะไปโทษใคร ก็ต้องโทษตัวเอง

 
 :25: :25: :25: :25:
 
ครูบาอาจารย์บอกไว้แล้ว คนที่คบ หรือสัญญาที่ผุดขึ้นมาในใจมันไม่เที่ยงนะ พระพุทธเจ้านำเทศน์มาสองพันกว่าปีก็เรื่องนี้ แต่คนเราเป็นไง
 
โปะมันเข้าไปหน้าตา ดูแลมันเข้าไปสังขาร ทรัพย์สินต่างๆ หามันเข้าไป คนส่วนใหญ่ก็ดูแลเรื่องนอกๆ อย่างนี้ แต่เรื่องจิตใจที่พระพุทธเจ้าบอกให้รักษา ไม่ทำ ไม่ได้ปรับปรุงมันให้ดีขึ้น ให้มั่นคงขึ้น ไม่ได้ดูแลมันเลย
 
แต่ถ้าเราเห็นว่าอะไรสำคัญ แล้วกลับมาดูแลรักษาใจเป็น เราก็จะไม่สนใจสิ่งภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความคิด หรือสัญญาต่างๆ ในอดีตที่ผ่านเข้ามา เราจะมีจดจ่ออยู่กับผู้รู้เท่านั้น ผู้รู้ก็คือสติ ที่พระพุทธเจ้าให้เส้นทางไว้ยึดอยู่แล้ว ถ้าจิตมีที่ยึดแล้ว จิตจะไปเที่ยวไหนล่ะ มันก็ไม่ไปไหน มันก็อยู่กับผู้รู้นั่นแหละ
 
ถ้าเรายังหวั่นไหวกับสัญญาบางอย่างในอดีต หรือหวั่นไหวกับสิ่งที่กระทบ อันนี้แสดงว่าจิตยังไม่มีที่ยึด ยังไม่มีผู้รู้ที่จะอยู่
 
 st12 st12 st12 st12

สมมติว่า ความคิดของเราไปตามสัญญาอันนั้นอันนี้ มันก็บ่งบอกว่าเรายังไม่มั่นคง เวลาเจอเพื่อน เราก็ตามเขา ตามรับฟังเขา ตามความคิดเขาอยู่ดี มีสักอย่างไหมที่เรากำหนดด้วยตัวเราเอง ให้เขาตามเรา มีไหม นี่แหละที่เราต้องฝึก เราต้องคิด เราต้องตามรู้จิตของเรา จนเราสอนตัวเราได้
 
ธรรมะก็เหมือนกัน ถ้าไปตามสัญญาคนอื่น ไปตามความคิดคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่นเขา
 
จริงๆ แล้ว ธรรมะบอกว่า ให้ตามความคิดของเจ้าของ เมื่อเรายืนหยัดกับความคิดของเจ้าของ ตามรู้ความคิดของเจ้าของ ความรู้มันจะไปไหน มันก็อยู่กับเจ้าของ รอแต่ว่า มันจะเกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง นั่นคือ เมื่อเราอยู่กับความคิดหรือจิตใจของเราได้ เราจะพบความจริง คือ ปัจจุบันธรรม
 

 ans1 ans1 ans1 ans1

แต่ถ้าเราตามคนอื่น ไม่มีทางที่เราจะเป็นตัวของตัวเอง ธรรมะก็เช่นเดียวกัน ถ้าส่งจิตไปตามสัญญานั่น สัญญานี่ ไม่มีทางที่จิตคุณจะสงบได้ ความจริงมันก็เป็นอย่างนี้
 
เมื่อจิตมันยังดิ้นรนอยู่ เมื่อจิตมันยังไปอยู่ มันจะเรียกว่าหยุด หรือสงบนิ่งได้อย่างไร เพราะมันยังกวัดแกว่งอยู่ มันยังวิ่งตามอารมณ์ต่างๆ อยู่ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ชอบก็ให้ผล ไม่ชอบก็ให้ผล แต่ถ้าเรามีสติ มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อะไรผ่านเข้ามาไม่ว่าทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็ให้มันผ่านไปเฉยๆ มันก็จะไม่มีผลอะไรกับจิตใจเรา


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150906/212874.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ