ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปวารณา แกลอรี่..."Do not be the Last Man"  (อ่าน 2436 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28525
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ปวารณา แกลอรี่..."Do not be the Last Man"
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2012, 09:46:06 am »
0



อาสาปวารณาแกลลอรี่ เชื่อมโยงสัจจะความจริงของพระพุทธเจ้า

เพราะผู้ก่อตั้ง Pawarana Gallery-ปวารณาแกลอรี่  เกือบทั้งหมดเป็นคนในสาขาอาชีพ “ธุรกิจสร้างสรรค์” หรือ Creative economy งานเผยแผ่บุญ  คำสอนของพระพุทธเจ้า จึงออกมาในรูปแบบ product Design ที่ใส่ไว้ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง
 
Pawarana Galleryเป็นบ้านหลังเล็กๆใจกลางเมือง บนถนนนายเลิศ ซึ่งครั้งหนึ่งบ้านหลังนี้เคยเป็นที่เติมเต็มรสนิยม และคุณค่าทางโลกแก่ผู้มาเยือน และบัดนี้บ้านหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยงสัจจะและคุณค่าที่แท้จริง เพื่อเติมเต็มความหมายของชีวิต


ปวารณา แกลอรี่  ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่แสดงศิลปะอย่างแกลอรี่ทั่วๆไป  แต่เป็นสถานที่ที่ผู้แสวงหาความหมายของชีวิตสามารถมาค้นหาคุณค่าที่แท้จริงของการเกิดเป็นมนุษย์   ผ่านทางการจัดแสดงนิทรรศการในการเชื่อมโยงสัจจะความจริงซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้ 
 
อาสาปวารณาได้วางเป้าหมายที่จะจัดคอร์สปฏิบัติ ต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับคนทุกเพศ, ทุกวัย คนหลากหลายอาชีพ เช่นคอร์สธรรมะสำหรับเด็ก, คอร์สสำหรับองค์กร, คอร์สสำหรับผู้สูงอายุ, โดยคอร์สต่างๆถูกจัดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้ สัจจะความจริงของชีวิต ซึ่งถ่ายทอดบอกสอนจากพระโอษฐ์ของพระศาสดาโดยตรงเข้าสู่กระบวนการศึกษา และปฏิบัติอย่างถูกต้อง

 




โดยในช่วงแรก คอร์สปฏิบัติ จะมีการจัดเป็นประจำทุกวันเสาร์ตอนเย็น – ค่ำ เวลา 16.00 – 21.00 น. ประกอบด้วยการปฏิบัติธรรมเจริญอานาปานสติ และร่วมฟังธรรมะ กับพระอาจารย์และวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในหลักคำสอนจากพระโอษฐ์อย่างแท้จริง
 
นิทรรศการแรกเป็นการนำเสนอคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น 10 พระสูตรของความสำคัญที่ชาวพุทธต้องศึกษา อย่างง่าย โดยบรรจุใส่ไว้ในสื่อที่เห็นง่าย เข้าใจง่าย และสนใจติดตามหาความหมาย

 
อาสาปวารณาแกลอรี่แห่งนี้  เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆในการเชื่อมโยงสัจจะความจริงนั้น สู่วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ผ่านทางกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงเข้าสู่คำสอน และการปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ เพื่อให้ธรรมะที่ตรัสไว้ไม่เลอะเลือนและผิดเพี้ยนไปพร้อมกับกระแสความเชี่ยวกรากแห่งวัตถุนิยมของสังคมยุคใหม่
 
ประสงค์จะนำธรรมมะของพระพุทธองค์ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคคลพึงเห็นได้ด้วยตนเองจากการศึกษาและปฏิบัติ,เป็นธรรมที่ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล,เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู,เป็นธรรมที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัวและเป็นธรรมะที่วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน  โดยการศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเอง

 




สถานที่แห่งนี้ นอกจากจัดแสดงนิทรรศการแล้วยัง เป็นส่วนหนึ่งในการธำรงรักษาไว้ซึ่งธรรมะนั้น ผ่านการถ่ายทอดคำสอนเหล่านั้นแก่คนรุ่นใหม่ด้วยรูปแบบใหม่ อาทิ ปวารณาแกลอรี่, คอร์สการปฏิบัติ  ผลิตภัณฑ์และสื่อต่างๆซึ่งจะเป็นสื่อในการเผยแผ่คำสอน และช่วยให้ผู้ที่สนใจคำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถเข้าใจและเข้าถึงคำสอนต่างๆของพระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้น

ทำให้ธรรมคำสอนนั้นเข้าไปผูกพันอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน  และเพื่อไม่ให้ธรรมะนี้ขาดสูญไปและเหลือเพียงกลุ่มคนสุดท้ายที่ได้ยินได้ฟังธรรมนี้ ดังที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวย้ำกับพระอานนท์ว่า   
    “เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย(Do not be the Last Man)”



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344481628&grpid=no&catid=&subcatid=
http://asapawarana.com/



บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28525
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ปวารณา แกลอรี่..."Do not be the Last Man"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2012, 10:10:24 am »
0


9. ทรงบอกวิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน
     ๑.(หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่าผู้มีอายุ
     ข้าพเจ้าได้ สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า
     “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัยนี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”…


     ๒.(หากมี)…กล่าวอย่างนี้ว่า ในโอวาสชื่อโน้นมีสงฆ์อยู่พร้อมด้วย พระเถระพร้อมด้วยปาโมกข์
     ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า
     “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”…

     ๓.(หากมี)…กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระอยู่จำนวนมากเป็นพหูสูตร..
     ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า
     “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”…


    ๔.(หากมี)…กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีภิกษุผู้เป็นเถระอยู่รูปหนึ่งเป็นพหูสูตร…
    ข้าพเจ้าได้สดับเฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้นว่า
    “นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”…
     
    เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชมยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดีแล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตรเทียบเคียงดูในวินัย
    ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้นสอบลงในสูตรก็ไม่ได้เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้
    พึงลงสันนิษฐานว่า “นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอนและภิกษุนี้รับมาผิด”
    เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสีย
    ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้
    เธอทั้งหลายพึงจำมหาปเทส..นี้ไว้
    พึงลงสันนิษฐานว่า “นี้เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแน่นอนและภิกษุนั้นรับมาด้วยดี ”


    มหา.ที. ๑๐ / ๑๔๔ /๑๑๓ -๑๑๖.

ที่มา http://asapawarana.com/blog/listen-pay-close-attention-and-i-will-speak/





10.ทรงตรัสแก่พระอานนท์ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เป็นศาสดาแทนต่อไป

   อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธอว่า
   “ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้วพวกเราไม่มีพระศาสดา”ดังนี้.
   อานนท์! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น.
   อานนท์! ธรรมก็ดีวินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลายธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายโดยกาลล่วงไปแห่งเรา(๑)


   อานนท์! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี
   ใครก็ตามจักต้องมีตนเป็นประทีปมีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
   มีธรรมเป็นประทีปมีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่
   อานนท์ !ภิกษุพวกใดเป็นผู้ใคร่ในสิกขา, ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุดแล.(๒)


   อานนท์! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใดบุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย…เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า…เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย(๓)


มหา.ที.๑๐ / ๑๗๘ / ๑๔๑.,  มหาวาร.สํ.๑๙ / ๒๑๗ / ๗๔๐.,  ม. ม. ๑๓ / ๔๒๗ / ๔๖๓.

ที่มา http://asapawarana.com/blog/do-not-be-the-last-man-2/




ASAPAWARANA Gallery
27/10-11 Soi Nai Lert, Wireless Road, Bangkok 10300, Thailand
27/10-11 ซอย นายเลิศ, ถนนวิทยุ, กรุงเทพ 10300


ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
089-2111669 (Khun TAI) ,090-1030006 (Khun MINT)
อีเมล์ : ASAPAWARANA@GMAIL.COM

เว็บไซต์ : http://www.asapawarana.com/


ที่มา http://asapawarana.com/blog/contact_us/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28525
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ปวารณา แกลอรี่..."Do not be the Last Man"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2012, 10:25:05 am »
0


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ ชื่อมัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
เป็นสุตตันตะปิฎกเล่มที่ ๕

๓๓. มฆเทวสูตร
สูตรว่าด้วยพระเจ้ามฆเทพ

    ๑ . พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่ามะม่วงของพระเจ้ามฆเทพ ใกล้กรุงมิถิลา ทรงทำพระอาการยิ้มแย้มให้ปรากฏ เมื่อพระอานนท์กราบทูลถามถึงเหตุที่ทรงยิ้ม จึงตรัสเล่าว่า กรุงมิถิลานี้เคยมีพระราชาพระนามว่ามฆเทพ เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม ทรงประพฤติธรรมในพราหมณคฤหบดี ชาวนิคมชนบททั้งหลายทรงอยู่จำอุโบสถในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์ ตรัสสั่งช่างกัลบกว่า

    ถ้าเห็นเส้นพระเกสาหงอกเมื่อไรให้บอก เมื่อล่วงกาลมานาน ช่างกัลบกเห็นพระเกสาหงอกก็กราบทูลให้ทรงทราบ ตรัสให้เอาแหนบถอนให้ถอดพระเนตร ครั้นแล้วพระเจ้ามฆเทพจึงตรัสเรียกเชฏฐโอรส ( ลูกชายคนโต ) มา ทรงมอบราชสมบัติให้แล้ว
    ตรัสสั่งให้ปฏิบัติทำนองเดียวกับพระองค์ ( คือเมื่อเส้นพระเกสาหงอกให้ออกผนวช )
    ให้รักษากัลยาณวัตรอันนี้ อย่าเป็นคนสุดท้าย ที่ทำให้กัลยาณวัตรนี้ขาดสูญ แล้วจึงออกบวช.

    ๒. ทรงแผ่เมตตาจิต กรุณาจิต มุทิตาจิต และอุเบกขาจิตไปทั้งหกทิศ สู่โลกทั้งปวง เจริญพรหมวิหาร ๔ ดังกล่าวมานี้ เมื่อสวรรคตก็เข้าถึงพรหมโลก. พระโอรสของพระเจ้ามฆเทพ พระราชนัดดาของพระเจ้ามฆเทพ ก็ทรงประพฤติสืบต่อกันมาโดยนัยนี้ สืบมาจนถึงพระเจ้านิมิ ซึ่งเป็นพระธัมมิกราชา องค์สุดท้าย

    เมื่อมาถึงพระราชบุตรของพระเจ้านิมิ ผู้ทรงพระนามว่า พระเจ้าฬารชนกะ ก็ทรงตัดกัลยาณวัตรนั้น ไม่เสด็จออกผนวช จึงนับเป็นพระองค์สุดท้ายแห่งกษัตริย์เหล่านั้น,
    ตรัสสรุปว่า วัตรนั้นเพียงให้ถึงพรหมโลก แต่กัลยาณวัตรที่ทรงตั้งไว้ในปัจจุบันนี้ คืออริยมรรคมีองค์ ๘ ทำให้ตรัสรู้ และให้ได้นิพพาน.
    ในที่สุดตรัสเตือนให้รักษากัลยณวัตรของพระองค์ อย่างเป็นคนสุดท้าย.



ที่มา http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/5.4.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.mahamodo.com


อ่านรายละเอียด "มฆเทวสูตร เรื่องพระเจ้ามฆเทวะ" ได้ที่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓  บรรทัดที่ ๗๒๔๙ - ๗๔๗๓.  หน้าที่  ๓๑๖ - ๓๒๕.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=452
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2012, 10:28:28 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ